ตอนที่ 87-1
หัวขโมยในช่องว่าง!
หากเมื่อก่อนมีคนบอกนางว่ากล่องสามารถกินอาหารได้
มู่ชิงเกอคงจะยิ้มเยาะประชดแดกดัน
หากมีคนมาบอกกับนางอีกว่า บางอย่างที่สามารถกินหรือสามารถสะอึกได้ไม่ใช่กล่อง แต่เป็นป้ายไร้อักษรที่อยู่ในกล่องต่างหาก นางก็คงจะหัวเราะเยาะให้ความ เขลาของคนผู้นั้น
แต่เมื่อมันมาเกิดขึ้นตรงหน้า เกิดขึ้นอยู่ในสายตาของนาง นางกลับหัวเราะไม่ออก
เพียงรู้สึกว่ากลิ่นไอที่แสนจะแปลกประหลาดบางอย่าง เกิดขึ้นในช่องว่างของตนเอง
มู่ชิงเกอขมวดคิ้วแน่น พลางจ้องเขม็งไปยังกล่องไม้ที่เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งก็หมายรวมไปถึงป้ายที่วางอยู่ในกล่องไม้ด้วย
กล่องใบนั้น หลังจากมันรู้ว่าถูกจับได้แล้วว่าแอบขโมยกิน ก็กลับเปิดฝาของตนเองออกและกินแก่นสมองสัตว์ของนางอย่างเปิดเผย!
นี่เป็นการยั่วโทสะโดยแท้
มู่ชิงเกอราวกับจะได้ยินเสียงขบกรามจากการกัดฟันของตัวเอง
ป้ายไร้อักษรวางอยู่ในกล่องอย่างสงบ แสงหลากหลายสีสันเหล่านั้นทะลวงผ่านกล่องไปหยุดที่ตัวมันแล้วพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับโดนกลืนกินเข้าไปอย่างนั้น
สิ่งที่น่าประหลาดมากที่สุดก็คือ การกลืนแสงในทุกๆ ครั้ง ราวกับว่าจะทำให้ป้ายไร้อักษรนั้นส่องสว่างมากยิ่งขึ้น
นี่คือเหตุผลที่แท้จริงที่มู่ชิงเกอไม่ได้หยุดยั้งการกระทำของมัน
นางจำได้ว่าคุณตัวประหลาดเคยบอกไว้ว่า ป้ายนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโบราณสถานบางอย่าง เป็นกุญแจสำคัญในการเข้าสู่ช่องว่างของโบราณสถานนั้น ขอแค่ได้รับ การยอมรับเท่านั้น
ช่องว่างที่ถูกทิ้งร้างนั้น สามารถเข้าออกได้โดยใช้ป้ายแผ่นนี้และหากโชคดีก็อาจกลายเป็นเจ้าของช่องว่างนั้นได้
ความโชคดีสุดอัศจรรย์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับตัวนางหรือ?
ทันใดนั้นในใจของมู่ชิงเกอพลันเต็มไปด้วยความหวัง ถึงกระทั่งว่า เรื่องที่ถูกโจรกรรมแก่นสมองก็ดูเหมือนจะไม่ทำให้นางโกรธแล้ว
ในตอนนี้นางแทบจะอยากเอาแก่นสมองทั้งหมดโยนเข้าไปภายในป้ายไร้อักษร เพื่อให้มันกินจนอิ่มหนำ
ดวงตาทั้งสองข้างของมู่ชิงเกอจ้องมองป้ายที่กำลังกลืนกินแก่นสมองสัตว์เข้าไปราวกับหลุมดำที่ไร้ซึ่งจุดสิ้นสุด ไม่นานแก่นสมองกองสูงตระหง่านก็เหลือเพียงครึ่งเดียว ในขณะนี้นางรู้สึกได้ว่าภายนอกนั้นโย่วเหอและฮวาเยวี่ยได้กลับมาแล้ว
เมื่อไตร่ตรองดูแล้ว นางจึงหันหลังออกจากช่องว่าง
มองไปยังป้ายไร้อักษรที่ตะกละตะกลาม คาดว่าคงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นภายในเร็ววันนี้ แต่เรื่องที่นางมีพลังช่องว่าง นางยังไม่พร้อมที่จะให้ทั้งสองนางรับรู้
ตอนที่มู่ชิงเกอลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมา ก็ประจวบเหมาะกับที่โย่วเหอและฮวาเยวี่ยเดินเข้ามาในถํ้าพอดี
ในมือของโย่วเหอถือกระต่ายป่าที่จัดการมาเรียบร้อยแล้ว
ฮวาเยวี่ยถือฟืนและยังมีกระบอกนํ้าที่ไปตักมาจากลำธาร
“คุณชายคงหิวแล้ว พวกบ่าวจะเตรียมอาหารให้เดี๋ยวนี้” โย่วเหอพูดพร้อมรอยยิ้ม
หลังจากฮวาเยวี่ยวางฟืนลง ก็ยื่นกระบอกนํ้าที่ทำจากหนังสัตว์ไปตรงหน้ามู่ชิงเกอ พูดว่า “คุณชาย ดื่มนํ้าสักหน่อย”
มู่ชิงเกอยื่นมือไปรับกระบอกนํ้า ดื่มไปหลายอึก
ฮวาเยวี่ยเดินไปอยู่ด้านหลังของนาง มือนุ่มละมุนราวกับไร้กระดูกวางลงบนไหล่ของนางแล้วนวดไหล่ให้นางรู้สึกผ่อนคลาย
เพลิดเพลินไปกับการบริการของสาวงาม มู่ชิงเกอก็ค่อยๆ หลับตาลงอึกครั้ง ทันใดนั้น นางรู้สึกว่าช่องว่างของนางมีการสั่นสะเทือนเกิดขึ้น
ศีรษะของนางพลันเจ็บปวดราวกับมีเข็มจำนวนมหาศาลทิ่มแทง ทำให้นางขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้
นางเกร็งร่างกายอย่างกะทันหัน ทำให้ฮวาเยวี่ยหยุดการเคลื่อนไหวที่มือ ถามอย่างระมัดระวังว่า “คุณชาย บ่าวนวดแรงไปหรือเจ้าคะ?”
มู่ชิงเกอเม้มริมฝีปากแน่น ไม่สามารถตอบอะไรนางได้
ความเงียบของนาง ทำให้โย่วเหอและฮวาเยวี่ยยิ่งตื่นตระหนก วางทุกอย่างในมือลง แล้วเข้ามาข้างๆ ตัวนาง
“คุณชาย ท่านไม่ได้เป็นอะไรใช่หรือไม่?”
“คุณชาย ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ?” เสียงที่แฝงด้วยความกังวลดังเข้ามาในหู
ทว่ามู่ชิงเกอรู้สึกเพียงว่าพลังจิตของตนเองกำลังเจ็บปวดทรมานราวกับถูกกรีดคว้านอย่างไรอย่างนั้น ที่หน้าอกก็รู้สึกคลื่นไส้และอยากจะอาเจียนออกมา
ความรู้สึกประหนึ่งท้องฟ้ากำลังหมุนนี้ทำให้นางไม่มีกะจิตกะใจจะมาตอบคำถามของทั้งสองนาง
สีหน้าของมู่ชิงเกอพลันเปลี่ยนเป็นซีดเผือด เหงื่อเม็ดใหญ่ทำให้เส้นผมนางเปียกชื้น เหงื่อไหลลงมาตามแก้ม ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้นขาวซีดราวกับไร้ซึ่งเลือดมาหล่อเลี้ยง
“เหตุใดอยู่ๆ ถึงเป็นเช่นนี้ไปได้?” ฮวาเยวี่ยมองโย่วเหออย่างตื่นตระหนก
โย่วเหอเองก็ไม่ทราบ จึงทำได้เพียงส่ายหน้า
เมื่อไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณชาย พวกนางไม่กล้าเอายาให้คุณชายกินสุ่มสี่สุ่มห้าเสียด้วย! หากเกิดกินยาผิดชนิดแล้วอาการหนักกว่าเดิมจะทำอย่างไร
อีกทั้ง การที่พวกเขาได้รับการแปลงเปลี่ยนดีเอ็นเอต่างก็มีระดับของการรักษาและความสามารถในการป้องกันพิษได้ การเข้ามาภายในเทือกเขาฉินครั้งนี้จึงไม่ได้พกยาอะไรมาเป็นพิเศษ มีเพียงแค่ผงยาห้ามเลือดธรรมดา และโอสถที่ใชัรักษาบาดแผลภายนอกเท่านั้น โดยทั้งหมดนี้ต่างก็ได้มาจากคุณชาย
ยาเหล่านี้ ดูเหมือนว่าไม่สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในตอนนี้ได้
“เราจะรอความตายโดยไม่ทำอะไรเลยเช่นนี้ไม่ได้!” ฮวาเยวี่ยพูดทั้งนํ้าตา
โย่วเหอเงยหน้าขึ้นมองฮวาเยวี่ย ทำไมนางจะไม่รู้เหตุผลข้อนี้ แต่มันไม่มีวิธีนี่!
ทันใดนั้น มู่ชิงเกอก็ดูเหมือนพยายามที่จะเบิกตาทั้งสองข้างขึ้น มองทั้งสองนางพลางพูดว่า “ไม่มีอะไร ข้ากำลังจะทะลวงขั้นพลัง พวกเจ้าทั้งสองคอยคุ้มกันและห้ามรบกวนข้า”
นางพยายามเปล่งเสียงพูดออกมาได้เพียงไม่กี่คำ มู่ชิงเกอก็หลับตาลงไปอีกหน
ทะลวงขั้นพลัง?!
การทะลวงขั้นพลังอะไรกัน ทำไมถึงได้ดูผิดปกติเช่นนี้?
โย่วเหอและฮวาเยวี่ยอึ้งงันไป แต่ถึงแม้ว่าในใจของพวกนางจะมีความสงสัย ทว่าในขณะนี้พวกนางก็เลือกที่จะเชื่อในคำพูดของมู่ชิงเกอ
เพราะในขณะนี้ พวกนางไม่สามารถทำอะไรได้เลยและ มู่ชิงเกอเองก็คงไม่เอาความเป็นความตายของตนเองมาล้อเล่นแน่
ทั้งสองต่างหันมามองกันครู่หนึ่ง พลันถอยออกไป หลังจากที่ปิดบังปากถํ้าเอาไว้ก็ยืนเฝ้าอยู่ข้างนอกถํ้าพลาง สังเกตสถานการณ์ภายในถํ้าและเฝ้าดูความเคลื่อนไหวรอบๆ ไปด้วย
เมื่อสั่งให้ทั้งสองออกไปแล้ว มู่ชิงเกอก็จมลงสู่ความเจ็บปวดดั่งร่างและวิญญาณกำลังจะแยกออกจากกัน
นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ช่องว่างของนางราวกับถูก
โจมตีจากพลังภายนอกและกำลังพยายามแยกช่องว่างและพลังจิตของนางออกจากกัน
นางจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเป็นอันขาด!
ด้วยความกล้าหาญและแน่วแน่มู่ชิงเกอเข้าไปยังช่องว่างที่สั่นสะเทือนของตนเองอีกครั้ง
ในตอนนี้ช่องว่างที่สั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินกำลังสั่นไหว มีรอยร้าวเกิดขึ้นรอบๆ แก่นสมองของสัตว์ทั้งหมดก็ได้หายไปหมดแล้ว ส่วนที่เหลือก็ลอยอยู่ในช่องว่าง ประหนึ่งไร้น้ำหนัก
ภายในกล่องไม้ป้ายแผ่นนั้นกำลังส่องแสงเจิดจ้า
เมื่อมันกินแก่นสมองสัตว์วิญญาณและหินพลังที่มู่ชิงเกอเก็บสะสมมาจนหมดสิ้นแล้ว ก็ราวกับว่าเป้าหมายหลักต่อไปของมันก็คือ ช่องว่างของมู่ชิงเกอ