ตอนที่ 94-6
วังหลวงวุ่นวาย บังเกิดคลื่นลม!
องครักษ์เขี้ยวมังกรดุดันโหดเหี้ยมมากกว่าที่ผ่านมา เคลื่อนเข้าสู่วังหลวงประหนึ่งเข้าสู่ที่ที่รกร้างไร้ผู้คนอาศัย แม้ว่าฮองเฮาและรัชทายาทจะตระเตรียมการทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ทว่า กลับต้องตะลึงเมื่อกำลังคนถูกทำลายลงแบบนี้
การที่ฉินจิ่นห้าวเดินตามหลังมู่ชิงเกอ ช่างเป็นการได้รับผลประโยชน์อันมากมายมหาศาล
ยามนี้วังหลวงได้วุ่นวายจนถึงขีดสุด แต่นอกวังหลวง มู่ซงและมู่เหลียนหรงได้ออกจากจวนไปเงียบๆ อย่างไม่ทิ้งร่องรอยใดไว้
ภายในวังหลวง ภายนอกตำหนักอันห่างไกล ทั้งสองฝ่าย กำลังเผชิญหน้ากัน
ด้านหนึ่ง เป็นคนของฮองเฮา อีกด้านหนึ่งเป็นคนของรุ่ยอ๋องและมู่ชิงเกอ แต่ทว่ารัชทายาทฉินจิ่นซิวนั้น ในตอนนี้ไม่เห็นแม้กระทั่งเงา
“ฉินจิ่นห้าว เจ้าริบังอาจคิดจะเป็นกบฏแผ่นดินหรือ ถึงได้กล้าบุกรุกวังหลวงเช่นนี้!” ฮองเฮาที่ถูกกลุ่มคนปกป้องเอาไว้ที่หน้าประตูตำหนักตรัสถามรุ่ยอ๋องอย่างโหดเหี้ยม
ตอนนี้รุ่ยอ๋องได้เดินออกมาท่ามกลางผู้คน เขากำกระบี่ลํ้าค่าในมือแน่น พลางถามกลับหานฮองเฮาด้วยความเย้ยหยันว่า “ฮ่องเต้ทรงพระประชวร แต่ฮองเฮากลับไม่ยอมให้โอรสอย่างข้าเข้าเฝ้า ข้าต่างหากที่ต้องถามว่า ฮองเฮาคิดจะทำการใด หลายวันก่อน เพิ่งจะมีข่าวออกมาว่าฮ่องเต้ทรงไม่พอพระทัยในตัวรัชทายาท จากนั้น ฮ่องเต้ก็ทรงประชวรในตอนนี้ข้าจึงสงสัยว่าฮองเฮาและรัชทายาทร่วมมือกันคุมตัวเสด็จพ่อเอาไว้ เพื่อทำเรื่องอันผิดศีลธรรม สุดท้าย เพื่อความปลอดภัยของเสด็จพ่อ ข้าจึงจำต้องบุกเข้ามาภายในวังหลวง ฮองเฮา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนี้พระองค์เป็นผู้ก่อขึ้นมาเอง แล้วจะมีสิทธิ์อันใดมาต่อว่าข้า”
“หึ พูดอะไรไร้เหตุผลสิ้นดี อาการป่วยของฮ่องเต้ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าเยี่ยมได้ข้าเพียงแค่ทำตามคำสั่งของหมอหลวง” หานฮองเฮาพูดด้วยพระพักตร์อันเคร่งขรึม
“ห้ามเข้าเยี่ยมอย่างนั้นหรือ ห้าวเอ๋อร์ไม่สามารถเข้ามาเยี่ยมได้ ข้าก็ไม่ได้งั้นรึ? ฮองเฮาเป็นภรรยาของฮ่องเต้ แล้วข้าไม่ใช่รึ? หรือว่าหมอหลวงอนุญาตให้เฉพาะ ฮองเฮาและรัชทายาทเข้าเยี่ยม หากเป็นคนอื่นล้วนแต่จะทำให้อาการของฮ่องเต้หนักกว่าเดิมอย่างนั้นหรือไร” เสียงอันเฉียบคมแทรกขึ้น
มู่ชิงเกอที่ถอยไปดูสถานการณ์ข้างๆ หันมามอง พลันเห็นเจียงกุ้ยเฟยที่เดินเข้ามาอย่างรวดเร็วท่ามกลางผู้คน
ท่าทางของนางยังคงน่าเย้ายวน สูงส่งสง่างาม แต่ความเยือกเย็นและความเฉียบคมมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก รวมทั้ง……… ความตื่นเต้นยินดีประหนึ่งชัยชนะได้มาอยู่
ในกำมือ
“เสด็จแม่” หลังจากที่นางปรากฏตัว รุ่ยอ๋องก็รีบคารวะตามธรรมเนียม แสดงความ ‘กตัญญู’ ออกมาอย่างชัดเจน
“ห้าวเอ๋อร์ลำบากเจ้าแล้ว” เจียงกุ้ยเฟยเดินเข้ามา กำมือของฉินจิ่นห้าวเอาไว้อย่างเจ็บปวดใจ
ฉินจิ่นห้าวรีบรับคำว่า “หากเป็นสิ่งที่ลูกควรทำ เพื่อความปลอดภัยของเสด็จพ่อ แม้จะถูกคนทั้งโลกด่าว่าลูกก็ยอม”
“ช่างเป็นเด็กที่กตัญญูยิ่งนัก เสด็จพ่อของเจ้าจะต้องภูมิใจในตัวเจ้า” เจียงกุ้ยเฟยพูดอย่างชื่นชม
การแสดงอันจอมปลอมของทั้งสองไม่เพียงทำให้สีพระพักตร์ของฮองเฮามืดมนลง ทว่ายังทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกขยะแขยง
“พอเสียที ฮ่องเต้ประชวรหนักถึงเพียงนี้พวกเจ้ายังคิดจะใช้โอกาสนี้ในการยึดอำนาจงั้นรึ การกระทำที่ไม่มีคุณธรรมเช่นนี้ หากแพร่ออกไป ประชาราษฎร์แคว้นฉิน ไม่ปล่อยพวกเจ้าเอาไว้แน่ ข้าขอเตือนให้พวกเจ้าถอยออกไปโดยเร็วเสียดีกว่า อย่าดื้อดึงต่อไปอีกเลย” หานฮองเฮาตรัส
ฉินจิ่นห้าวและเจียงกุ้ยเฟยสบตากัน รอยยิ้มอันเย็นชาเกิดขึ้นภายในใจ
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว จะให้รามืออย่างนั้นรึ? ช่างไร้เดียงสาเสียจริง
“ลงมือ!” สายตาของฉินจิ่นห้าวเผยความเย็นเยียบ พลันออกคำสงพร้อมกลิ่นอายอำมหิต
เพียงคำสั่งคำเดียวจากเขา ทหารที่อยู่ข้างหลังต่างก็พุ่งตัวออกไปและสู้กับคนของหานฮองเฮา
มองบรรยากาศที่ตกอยู่ในความวุ่นวาย ความหยิ่งผยองก็ได้ขึ้นเกิดในใจของฉินจิ่นห้าว ‘ชิงเกอพูดถูก ประวัติ ศาสตร์มักจะถูกเขียนโดยผู้ชนะ เพื่อการใหญ่แล้ว ไม่ควรจะใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ลูกผู้ชายควรจะเหี้ยมหาญในสถานการณ์ที่ควรเหี้ยมหาญ ฆ่าคนพวกนี้เสีย ยังจะมีใครรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้อีก’
คนของหานฮองเฮา มีจำนวนน้อยกว่าคนของฉินจิ่นห้าวอยู่มาก รวมทั้งองครักษ์เขี้ยวมังกรที่ให้ความช่วย เหลืออยู่ข้างๆ อย่างต่อเนื่อง แพ้ชนะถึงตัดสินได้อย่าง
ชัดเจนภายในเวลาอันสั้น หานฮองเฮาที่ตอนนี้ท่าทางสะบักสะบอมถูกโยนลงข้าง ฝ่าเท้าของเจียงกุ้ยเฟยและรุ่ยอ๋อง
พระนางใช้มือทั้งสองข้างดันพื้นเอาไว้ เงยพระพักตร์ขึ้นมองทั้งสองพร้อมรอยยิ้มอันเย็นเยียบ “พวกเจ้าฆ่าข้าแล้วจะได้ครองบัลลังก์หรือ ข้าขอเตือนพวกเจ้าไว้ตรงนี้เลยนะ อย่าแม้แต่จะคิด อย่าลืมว่าโอรสของข้าต่างหากที่เป็นรัชทายาทตัวจริง”
“ฮองเฮาทรงหมายถึงคนผู้นี้หรือ” ทันใดนั้น มู่ชิงเกอก็พูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน
ทันทีที่สิ้นเสียงของนาง ฉินจิ่นซิวที่ผมเผ้าและเสื้อผ้าหลุดลุ่ยถูกโยนลงข้างตัวฮองเฮา
ท่าทางอันสะบักสะบอม ราวกับจะบาดเจ็บไม่น้อย รวมทั้งเอ็นแขนและเอ็นขาที่ถูกคนตัดขาด จนกลายเป็นคนพิการ
“ซิวเอ๋อร์! ซิวเอ๋อร์!” ทันทีที่ฉินจิ่นซิวปรากฏตัว หานฮองเฮาก็กระโจนเข้าหาตัวเขา กรรแสงราวกับหัวใจแตกสลาย
แต่ทว่า ฉินจิ่นซิวกลับทำได้เพียงร้องอย่างเจ็บปวด ในขณะนี้ หานฮองเฮาจึงได้ทรงพบว่า รัชทายาทแคว้นฉินถูกตัดลิ้นไปเสียแล้ว
“พวกเจ้าทำอะไรชิวเอ๋อร์!” หานฮองเฮารีบพุ่งไปข้างหน้าอย่างโกรธแค้น แต่กลับถูกคนที่อยู่ข้างๆ เตะเข้าที่หน้าท้องจนล้มลงอย่างเจ็บปวด
ความทุกข์ของฉินจิ่นซิว ทำให้ฉินจิ่นห้าวและเจียงกุ้ยเฟยรู้สึกดีใจและมองฮองเฮาผู้สูงศักดิ์ที่ในตอนนี้ กำลังคลานเข่าอยู่ตรงปลายเท้าของพวกเขาดั่งสุนัขตัวหนึ่ง แล้วยิ่งรู้สึกอารมณ์ดี
“ชิวเอ๋อร์! ชิวเอ๋อร์! รีบไปตามหมอหลวง!” หานฮองเฮามองฉินจิ่นซิวที่ตกอยู่ในความทุกข์อย่างไร้หนทาง นางให้เขาแอบออกจากวังหลวงมิใช่หรือ หลังจากที่รวมตัวกับคนของตระกูลหานแล้วค่อยกลับมา เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้
“หมอหลวงอย่างนั้นหรือ? หึ ฮองเฮายังไม่ทรงรู้อีกหรือว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร” เจียงกุ้ยเฟยที่สู้กับนางมาทั้งชีวิตเยาะเย้ยด้วยความแค้น
ฉินจิ่นห้าวและเจียงกุ้ยเฟยยิ่งได้ใจมากขึ้น แววหยอกเย้าในสายตาของมู่ชิงเกอก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
นางพูดอย่างเยาะเย้ยว่า “ฮองเฮา รัชทายาทเหมือนจะทิ้งพระองค์และหนีออกจากวังหลวงไปคนเดียว พระองค์ลองคิดดูว่า หากไม่ได้ทำอะไรผิด เหตุใดเขาจึงต้องหนี เมื่อไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร เราจึงต้องทำให้เขาเงียบลง”
หากฉินจิ่นซิวอยากจะหนี ก็ต้องดูว่านางเห็นด้วยหรือไม่
“เจ้า! เจ้ามันไม่มีหัวใจ! ตระกูลมู่และพวกเจ้าต่างก็เป็นพวกจิตใจอำมหิต คิดจะปองร้ายฮ่องเต้! พวกเจ้าจะไม่ได้ตายดี!” ความหวังเดียวที่มีอยู่ดับไป คำพูดอัน โหดเหี้ยมและร้ายกาจมากมายออกจากพระโอษฐ์ของหานฮองเฮา
มู่ชิงเกอกระตุกยิ้มเบาๆ “ขอบพระทัยฮองเฮาที่ทรงเตือน กระหม่อมเพียงแค่สนใจเรื่องการใชชีวิตอยู่อย่างมีความสุขมากกว่า ไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องชีวิตหลังความตายหรอก กระหม่อมจะตายอย่างไร ไม่ต้องให้ฮองเฮามาเป็นห่วงหรอกพะย่ะค่ะ”
พูดจบ นางก็ถอยไปอยู่ข้างๆ ยืนดูสถานการณ์ต่อไป
ฉินจิ่นห้าวก้าวขึ้นไปข้างหน้า มองหานฮองเฮาพร้อม สายตาอันเยือกเย็นและพูดว่า “ทหาร ฮองเฮาและรัชทายาทคิดก่อการกบฏหวังปองร้ายฮ่องเต้ในระหว่างที่ข้าช่วยฮ่องเต้พวกเขาคิดต่อต้าน จนโชคร้ายจึงต้องจบชีวิตลง!”
คำพูดนี้ชี้ความเป็นความตายของทั้งสองแม่ลูก
ดวงตาทั้งคู่ของหานฮองเฮาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น จ้องฉินจิ่นห้าวและเจียงกุ้ยเฟยอย่างโหดเหี้ยม ราวกับอยากจะกลืนกินเลือดเนื้อของพวกเขา
ฉินจิ่นซิวเองก็เช่นกัน แต่ทว่า สายตาของเขาแฝงความไม่จำยอมอยู่
ดาบฟันลงไป มู่ชิงเกอกระตุกยิ้ม นางเห็นกับตาว่าหานฮองเฮาและฉินจิ่นซิวถูกฟันด้วยด้วยดาบ ฉากจบเช่นนี้ ทำให้นางพอใจเป็นอย่างมาก
แต่ว่าหนี้ในครั้งนี้ ยังไม่หมดหรอกนะ