Skip to content

พลิกปฐพี 971

ตอนที่ 971

ตอนพิเศษ 12

เขี้ยวมังกรในราตรี!

การตอบสนองของหลี่ซิวหยวนทำให้มู่ชิงเกอเลิกคิ้วเล็กน้อย

หากนางยินยอมก็สามารถฟังเนื้อหาในสายของหลี่ชิวหยวนได้อย่างง่ายดาย แต่ว่านางไม่ได้มีนิสัยชอบแอบฟัง ยิ่งไม่อาจทำแบบนี้กับเพื่อนสนิทของตนเองได้ ดังนั้น ใครโทรมาหาหลี่ซิวหยวน นางไม่รู้เลย

หลี่ซิวหยวนมองมู่ชิงเกออย่างตกตะลึง ในห้องหนังสือตกอยู่ในความเงียบสงัด

ซือมั่วที่พาซือมู่น้อยมาก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน ดวงตาสีอำพันคู่นั้นของเขา กลอกไปมาอย่างเปล่งประกาย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

“พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว” ไม่นาน หลี่ซิวหยวนก็ใช้น้ำเสียงสงบนิ่ง กล่าวกับคนในสาย

แม้ว่าเขาจะพยายามทำให้ตัวเองสงบลง แต่ว่าความตื่นตระหนกในแววตายังคงทรยศเขา

คนในสาย ไม่รู้ว่าพูดอะไรกับเขาทำให้เขาขมวดคิ้วมุ่น มู่ชิงเกอที่สังเกตสีหน้าเขามาโดยตลอด ดวงตาทั้งคู่หรี่ลงเล็กน้อย

“พวกคุณใส่ร้ายกันโดยไม่มีหลักฐานแม้แต่นิดเดียว!” ทันใดนั้น หลี่ซิวหยวนก็เหมือนถูกเหยียบเท้า ตะคอกเสียงดังอย่างคาดเดาไม่ได้ ความโกรธของเขาล้วนออกมาจากใจ ไม่ได้เสแสร้งเลยแม้แต่น้อย

แน่นอนว่าความโกรธของเขาพุ่งเป้าไปที่คนในสาย

ใครกันที่สามารถยั่วโมโหหลี่ซิวหยวนได้ขนาดนี้

มู่ชิงเกอเลิกคิ้วสูง ในแววตาราวกับครุ่นคิด

“ข่าวการตายในตอนนั้น พวกคุณก็ประกาศเอง คนที่ฝังศพก็คือพวกคุณเหมือนกัน ทั้งหมดเป็นเรื่องที่พวกคุณยืนยันเอง แต่ตอนนี้พวกคุณมาบอกว่ามุ่เกอยังไม่ตาย แล้วยังบอกว่าเธอต้องสงสัยว่าแสร้งตาย เพื่อขายชาติอย่างนั้นเหรอ ถุย!” หลังจากที่หลี่ซิวหยวนตะคอกเสร็จก็ปาโทรศัพท์ในมือลงบนพื้นอย่างแรงทันที

ตุบ!

เสียงดังกังวาน โทรศัพท์มือถือของหลี่ซิวหยวน แตกกระจัดกระจายบนพื้นห้องหนังสือ หน้าจอที่แตกละเอียด สายโทรศัพท์ได้ถูกตัดไปแล้ว

“ถามหาฉันเหรอ” มู่ชิงเกอยิ้มขึ้นมาอย่างหยอกเล่น มองหลี่ซิวหยวน

เมื่อครู่คำพูดที่เดือดดาลหลายประโยคนั้นของหลี่ซิวหยวน ไม่ใช่เปิดเผยข่าวนางหรอกหรือ

ความโกรธบนใบหน้าหลี่ซิวหยวนค่อยๆ หายไป เผยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขามองซือมู่น้อยที่ถูกซือมั่วอุ้มอยู่ในอ้อมอก ยิ้มเหยเก กล่าว “ฉันไม่ควรโมโหต่อหน้าเด็กเลย”

ซือมั่วเผยรอยยิ้มบางๆ เอ่ยปากกล่าว “ไม่เป็นไรครับ เขาไม่ได้เปราะบางขนาดนั้น”

หลี่ซิวหยวนฝืนยิ้ม ทันใดนั้น สีหน้าเขาก็เปลี่ยน มองมู่ชิงเกอ กล่าวอย่างร้อนใจ “พวกเขาสงสัยเธอ”

“ใจเย็นๆ ค่อยๆ พูด” มู่ชิงเกอสุขุมแน่นิ่ง รินชาให้หลี่ซิวหยวน ส่งไปข้างหน้าเขา

ชาเป็นชาดี

เป็นใบชาที่หลี่ซิวหยวนส่งมาให้ด้วยตัวเองก่อนหน้านี้เขาส่งมาให้มู่ชิงเกอลองชิม จะเป็นชาธรรมดาๆ เหล่านั้นได้อย่างไร แต่ว่าหลังจากที่หลี่ซิวหยวนรับมาแล้วกลับดื่มเหมือนน้ำเปล่า เกรงว่าจะไม่ได้ลิ้มรสเลยว่าชาแก้วนี้มีรสชาติอย่างไร

หลี่ชิวหยวนดื่มน้ำในแก้ว กระทั่งใบชาลงไปในอึกเดียว จากนั้นจึงบีบแก้วชา มองมู่ชิงเกอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม กล่าวถาม “หลังจากที่เธอกลับมา ได้ใช้บิตรเดบิตของเธอไปใช่ไหม”

บิตรเดบิตหรือ

มู่ชิงเกอนึกขึ้นได้ หลังจากกลับมา ที่ตัวก็ไม่มีเงินสด ซื้อเสื้อผ้าให้ซือมั่วสองพ่อลูก รวมถึงค่าเที่ยววันที่สอง นางก็ใช้บิตรเดบิตที่วางอยู่ที่นี่ก่อนหน้านี้มาจ่ายเงิน

มู่ชิงเกอพยักหน้าเบาๆ

ทว่า ในชั่วพริบตาที่นางพยักหน้าก็มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาแล้วว่าเหตุใดหลี่ซิวหยวนถึงได้ถามเช่นนี้

ไม่รอนางยืนยัน หลังจากที่หลี่ซิวหยวนเห็นนางพยักหน้าก็กล่าวทันที “เป็นเช่นนี้จริงๆ คิดไม่ถึงว่า เธอพลีชีพเพื่อชาติ แต่พวกเขายังติดตามสมุดบัญชีธนาคารของเธอ”

ขณะที่เขาพูดประโยคนี้ ก็เผยสีหน้าไม่ยินยอมแทนมู่ชิงเกอออกมา

มู่ชิงเกอกลับไม่ได้รู้สึกอะไร

นางยิ้มกล่าว “เป็นฉันที่เข้าใจผิด เวลาของสองโลกไม่เท่ากันทำให้ฉันประมาทจุดนี้ไป”

“หมายความว่าอะไร”

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์”

คำพูดของนาง ทำให้ผู้ชายสองคนในห้องสงสัย ซือมู่น้อยเองก็ยอมให้บิดาตนอุ้มนิ่งๆ อย่างหาได้ยาก ดวงตาที่อยากรู้อยากเห็น จ้องมองมู่ชิงเกอตลอด

มู่ชิงเกอกวาดสายตาผ่านใบหน้า ‘ผู้ชาย’ ทั้งสามอย่างเย็นชา ยิ้มพลางอธิบาย “เรื่องนี้ไม่ได้พุ่งเป้ามาที่ฉัน แต่เป็นกฎระเบียบเดิม แม้ว่าจะตายในหน้าที่ แต่หากหาศพไม่เจอ ภายในสามปีหลังจากยืนยันว่าตายแล้ว หน่วยที่เกี่ยวข้องต่างก็ต้องเฝ้าติดตามข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคนคนนั้น โดยเฉพาะคนที่ไร้ญาติไร้เพื่อนอย่างฉัน ฉันใช้เวลาที่นั้นร้อยปี แต่กลับลืมไปว่า ที่นี่เพิ่งจะผ่านไปแค่ปีเดียว”

‘‘ทำไมถึงต้องทำแบบนี้” หลี่ซิวหยวนถามด้วยความไม่เข้าใจอย่างยิ่ง

แต่ซือมั่วกลับเพียงแค่เป็นห่วง ‘‘มีปัญหาหรือ”

เขาไม่หวังให้เสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขา ถูกคุกคามหรือถูกควบคุมใดๆ

มู่ชิงเกอมองซือมั่ว ส่ายหน้าช้าๆ ไม่ได้ตอบข้อสงสัยของหลี่ซิวหยวน ไม่ว่าที่ใดก็ตาม มีกฎเกณฑ์จำนวนมากที่คนทั่วไปมองดูแล้วไม่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง ยากจะเข้าใจอย่างยิ่ง ล้วนแต่ดำรงอยู่มาหลายต่อหลายปี พวกเขารู้เพียงแค่ต้องปฏิบัติตาม จะไปคิดถึงเหตุและผลได้อย่างไร

“ใครโทรมาหานาย แล้วพูดอะไรกับนายบ้าง” มู่ชิงเกอกล่าวถาม

“เขาบอกว่าเขาเป็นคนของกระทรวงความมั่นคง” หลี่ซิวหยวนกล่าวอย่างอึดอัด เขาคิดไม่ตก เหตุใดมู่ชิงเกอถึงได้สุขุมเช่นนั้น แต่ว่า เมื่อคิดอีกที หากเธอไม่สุขุมก็คงไม่ใช่นางแล้ว

“กระทรวงความมั่นคงเหรอ” มู่ชิงเกอพึมพำหนึ่งประโยค หลุบตาลงเบาๆ คล้ายกำลังครุ่นคิดปัญหาอะไรอยู่

“อืม” หลี่ซิวหยวนพยักหน้า กล่าวต่อ “เขาบอกว่า พวกเขาพบว่าบัญชีธนาคารในสองวันนี้ของเธอมีการเคลื่อนไหว ดำเนินการติดตามและตรวจสอบตามสถานที่ที่เธอใช้เงิน พบว่าผู้ใช้เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง กิริยาท่าทางคล้ายเธอมาก แล้วยังตรวจสอบพบว่า เธอคือผู้อาศัยในคฤหาสน์แห่งนี้ ส่วนฉันเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ เลยโทรศัพท์มายืนยันกับฉัน พวกเขายัง บอกอีกว่า…ว่า…”

“พูดต่อ” มู่ชิงเกอยังคงสงบนิ่ง

หลี่ซิวหยวนกัดฟัน จากนั้นจึงกล่าว “บอกว่า ถ้าเธอไม่ตาย แต่ใช้หน้าที่บังหน้า ระเบิดตัวตายแล้วหนีไป ไม่ว่าเหตุผลคืออะไรก็ถือว่า ต้องโทษขายชาติ ถ้าฉันไม่ยอมบอกข้อมูลของเธอ ฉันก็จะถือเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ต้องรับโทษเด็ดขาดทางกฎหมาย แล้วยังบอกว่า…เธอเอาข้อมูลกับของที่สำคัญต่อประเทศอย่างถึงที่สุดไปด้วย”

สำคัญต่อประเทศอย่างถึงที่สุด…

มู่ชิงเกอรู้อยู่แก่ใจ ที่ฝ่ายตรงข้ามหมายถึง น่าจะเป็นยาเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอ

จุดที่น่ากลัวของยาชีวเหล่านี้ นางเข้าใจอย่างลึกซึ้ง จะไม่รู้ถึงคุณค่าในตัวมันได้อย่างไร เพียงแต่ว่า ตอนนั้นนางไม่รู้ว่าตนจะมีวันที่ได้กลับมายังโลกอีกครั้ง ยาเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอสิบขวดนั้น ถูกนางและองครักษ์เขี้ยวมังกรของนางใช้จหมดเกลี้ยงไปนานแล้ว

อ้อ รวมถึงเจ้าอ้วนด้วย

สรุปว่า ของก็ไม่มีแล้ว แม้ว่าจะให้นางจะนำออกมา นางก็ทำไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่นางเข้าใจถึงความสามารถของยาเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอ นางก็ตระหนักว่า อย่าให้มีอยู่บนโลกปัจจุบันนี้คงดีกว่า มิเช่นนั้น โลกใบนี้จะต้องวุ่นวายเป็นแน่

“มู่เกอ ดูท่าแล้วเธอจะอยู่ต่อไม่ได้แล้ว ต้องกลับไปเดี๋ยวนี้” หลี่ซิวหยวนกล่าวกับมู่ชิงเกออย่างจริงจัง

มู่ชิงเกอยิ้มน้อยๆ ส่ายหน้า “ฉันไปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่นายล่ะ พวกเขาไม่ได้คำตอบก็จะต้องมารังควานนายไม่ปล่อยแน่นอน”

หลี่ซิวหยวนกระตุกมุมปากอย่างแรง จับผมของตัวเองอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย เขาเหลือบตาขึ้น มองมู่ชิงเกอ ยิ้มกล่าว “ถ้าไม่ได้จริงๆ เธอก็พาฉันไปด้วยกันเลยสิ”

มู่ชิงเกอหลุดหัวเราะ

ข้อเสนอนี้ของหลี่ซิวหยวน ทำไม่ได้แน่นอน เขาไม่มีตบะบำเพ็ญ เป็นร่างของมนุษย์ธรรมดา จะต้านทานการท่องเรือในมหาสมุทรดวงดาวได้อย่างไร

ถ้าพูดกันตรงๆ ซือมู่น้อยยังสามารถล้มหลี่ซีวหยวนหนึ่งร้อยคน ได้อย่างง่ายดาย

เริ่มบำเพ็ญตบะตั้งแต่วันนี้หรือ

อย่าลืมสิ มู่ชิงเกอบำเพ็ญมานานเพียงใด ทั้งยังฝ่าฟันมามากเพียงใด กว่าจะสามารถท่องเรือในมหาสมุทรดวงดาวได้ อีกทั้งเงื่อนไขของเรือต้าเซียนคืออะไร

ต่อให้หลี่ซิวหยวนจะมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม บำเพ็ญตบะตั้งแต่วันนี้ไม่ถึงหนึ่งร้อยปีบนดาวโลก ก็ยากจะขึ้นเรือได้

“ทำไม่ได้หรอก อย่าได้คิดเลย” มู่ชิงเกอกล่าวปฏิเสธ

“ฉันก็รู้ว่าทำไม่ได้” หลี่ซิวหยวนเผยสีหน้าผิดหวัง ถ้าหากสามารถจากไปพร้อมมู่ชิงเกอได้จริงๆ เขาก็คงจะมีความสุขมากจริงๆ

อย่างไรเสีย บนโลกใบนี้ สถานที่ส่วนใหญ่เขาก็ไปมาหมดแล้ว ความปรารถนาในกระดูกดำของเขาก็สั่งให้เขาออกไปข้างนอก โดยเฉพาะ เมื่อได้รู้ว่าโลกนอกโลกใบนี้ที่รู้มาจากมู่ชิงเกอมีลักษณะเป็น เช่นไร

“ฉันเข้าใจแล้ว” ซือมั่วที่นิ่งเงียบมาโดยตลอด จู่ๆ ก็เอ่ยปากกล่าว

มู่ชิงเกอกับหลี่ซิวหยวนหันมองเขาพร้อมกัน

ซือมั่วสบสายตาของมู่ชิงเกอ ยิ้มกล่าว “เสี่ยวเกอเอ๋อร์พวกเราลบความทรงจำของคนเหล่านั้นได้”

มู่ชิงเกอยกมุมปากยิ้ม พยักหน้ากล่าว “เรียกได้ว่าเป็นวิธีที่ดีจริงๆ”

“ลบความทรงจำ!” หลี่ซิวหยวนอุทานตกใจ มองคนทั้งสองอย่างตะลึงงันแล้วกล่าว “พวกเธอเก่งกาจขนาดนี้เลยเหรอ”

ทันใดนั้น บนหน้าเขาก็ปรากฎรอยยิ้มที่เหยเก กล่าวเอาใจมู่ชิงเกอ “งั้น…มู่เกอ…เธอเก่งกาจขนาดนี้ เปลี่ยนให้ฉันเป็นเศรษฐีโลกได้หรือไม่” ในเมื่อจากโลกนี้ไปไม่ได้ เช่นนั้นได้เป็นเศรษฐีเล่นก็ดีเหมือนกัน

มู่ชิงเกอกลอกตาใส่เขา ยิ้มอย่างเป็นประกายที่สุดแล้วกล่าว “ฉันทำได้แค่เปลี่ยนคนเป็นให้เป็นคนตาย อยากลองดูไหม”

“เอ่อ…ไม่เอาดีกว่า แหะๆ” หลี่ชิวหยวนถอยไปข้างหลังหลายก้าวในชั่วพริบตา

“ในเมื่อเป็นอย่างนี้…” ซือมั่วจ้องมองมู่ชิงเกอ รอนางตัดสินใจครั้งสุดท้าย

ขอเพียงแค่นางพยักหน้า เขาก็สามารถลบความทรงจำของคนทั้งหมดที่มีต่อมู่ชิงเกอบนโลกใบนี้ได้ในทันที

“ไปกินข้าวก่อนเถอะ” ทว่ามู่ชิงเกอพลันเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“จริงด้วย เด็กน้อยบอกว่าหิวไม่ใช่เหรอ” หลี่ซิวหยวนตบศีรษะหนึ่งครา เพิ่งจะนึกขึ้นได้ เดิมทีพวกเขาเตรียมตัวจะไปทานข้าว

สายตาซือมั่วกะพริบวาบ พยักหน้าเงียบๆ

สายโทรศัพท์ที่ไม่คาดคิดถูกคนเหล่านี้โยนไว้ข้างหลัง

หลังจากที่รู้ว่ามู่ชิงเกอกับซือมั่วมีความสามารถลบความทรงจำ หลี่ซิวหยวนก็ไม่เป็นกังวลอย่างนั้นอีก

เดินออกมาจากคฤหาสน์พาสามคนครอบครัวไปร้านอาหารด้วยรถยนต์ของหลี่ซิวหยวน

มีหลี่ซิวหยวนอยู่ พวกเขาย่อมได้ทานอาหารรสเลิศที่อร่อยที่สุด แน่นอนข้าวมื้อนี้นับได้ว่าทานอย่างมีความสุข

แต่ว่า ตอนที่ทานข้าว การดูแลซือมู่น้อยของหลี่ซิวหยวน ทำให้คนนอกคิดว่าพวกเขาเป็นพ่อลูกกัน แต่ว่า เมื่อเห็นดวงตาสีอำพันที่เหมือนกันของซือมั่วกับซือมู่น้อยแล้ว ก็เข้าใจในชั่วพริบตา ที่แท้แล้ว คน ทั้งสองที่ดูไม่ค่อยถูกกันนี้จึงจะเป็นพ่อลูกที่แท้จริง

ข้าวมื้อนี้ซือมั่วใส่ใจแต่มู่ชิงเกอ ซือมู่น้อยถูก ‘พี่เลี้ยง’ หลี่ซิวหยวนดูแลตลอดทั้งมื้อ

เมื่อคนทั้งสี่เดินออกมาจากร้านอาหารรูปร่างหน้าตาของซือมั่วก็สร้างความแตกตื่นไม่น้อยดังคาด

กระทั้ง มีคนคิดว่าเขาเป็นดาราที่ไหน หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ถ่ายรูปเขาอย่างบ้าคลั่ง

เสียงกรีดร้องของเด็กสาว ดังขึ้นไม่ขาดสาย ดึงดูดสายตารอบข้างมากขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกที่ถูกจับตามองเช่นนี้ ทำให้ซือมั่วขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ

ยังดี หลี่ซิวหยวนพาพวกเขาออกไปได้ทันเวลา เข้าไปในรถ ออกจากสถานที่เกิดเหตุ

“ความทรงจำลบได้ แต่มีบางอย่างกลับไวกว่าความทรงจำ” หลังจากขึ้นรถแล้ว มู่ชิงเกอก็พลันกล่าวกับซือมั่ว

ซือมั่วละสายตามองนาง ไม่เข้าใจเล็กน้อย

มู่ชิงเกอ ยิ้ม

อย่างไรเสียซือมั่วก็ไม่ใช่คนบนโลกนี้ แม้ว่าจะใช้เวลาสั้นๆ ปรับตัวกับชีวิตบนโลกได้ แต่ในด้านความคิด ก็ยังมีจุดที่ขาดตกไปเล็กน้อย

“จริงสิ ถ้าหากพวกเขาบันทึกข้อมูลของเธอเข้าไปในคอมพิวเตอร์แล้ว หรือว่าส่งไปที่หน่วยงานระดับสูงอะไรแล้ว ต่อให้จะลบความทรงจำ ข้อมูลก็ยังมีอยู่” หลี่ซิวหยวนที่ขับรถอยู่ข้างหน้าตระหนักขึ้นมาได้

มู่ชิงเกอพยักหน้า

ซือมั่วขมวดคิ้วเบาๆ “อย่างนั้นก็ทำลายทั้งหมดเสีย ก่อนจะลบความทรงจำ ก็อ่านความทรงจำของพวกเขา ลบทุกสิ่งทุกอย่างให้หมดเกลี้ยง”

“ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ เพียงแต่ยุ่งยากเกินไป” มู่ชิงเกอกล่าว “ฉันตายไปแล้วจริงๆ ทั้งยังใจกว้างเสียสละ หากว่าทำแบบนี้ กลับกลายจะทำให้ฉันดูขี้ขลาด”

คำพูดของนาง ทำให้ซือมั่วกับหลี่ซิวหยวนต่างก็นิ่งเงียบ

ไม่ว่าจะเป็นมู่ชิงเกอ ทรอว่ามู่เกอล้วนเหมือนกันทั้งคู่ นิสัยของนาง แต่ไหนแต่ไรก็เผชิญหน้าตรงไปตรงมา ไม่อายฟ้าดิน ไม่อายตนเอง

“อย่างนั้นเธอจะทำอย่างไร เรื่องที่เธอตายแล้วฟื้นคืนชีพ ฉันเชื่อแต่คนเหล่านั้นจะเชื่อเหรอ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าพวกเขารู้ว่าเธอมีพลังที่แข็งแกร่งขึ้น จะขูดรีดเธอต่อหรือเปล่า” หลี่ซิวหยวนกล่าวอย่างไม่ปิดบัง เลยแม้แต่น้อย

“ขูดรีดเหรอ” มู่ชิงเกอมองท้ายทอยเขาอย่างขบขำ

หลี่ซิวหยวน ‘อืม’ หนึ่งครา กล่าวอย่างไม่พอใจ “พวกเขาใช้คำว่าทำงานเพื่อประเทศ แต่ฉันมองว่ามันคือการขูดรีด”

มู่ชิงเกอถูกคำพูดของเขาเย้าแหย่ก็หัวเราะ นางกล่าว “เรื่องนี้ ฉันจัดการได้”

ได้ยินนางพูดเช่นนี้ หลี่ซิวหยวนก็ยกมุมปาก ไม่ได้พูดต่อ

มู่ชิงเกอเก็บสายตากลับมา สบสายตากับซือมั่วที่มองนางปราดหนึ่ง สองสามีภรรยาผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ความไม่พูดก็รู้ใจที่เกิดขึ้นเอง ก็แผ่ขยายอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขา

คืนนั้น หลี่ซิวหยวนดึงดันจะอยู่ที่คฤหาสน์ไม่ยอมกลับไป

เขากระทงแสดงท่าทีชัดเจนว่า ก่อนที่มู่ชิงเกอและครอบครัวจะจากไป เขาจะอยู่กับพวกเขาสามคนครอบครัว ตามคำพูดของเขา ก็คือต้องการทำหน้าที่เจ้าของที่ดินให้ดี พบกันครั้งหน้า ยังไม่รู้ว่าจะเป็นชาตินี้หรือชาติหน้า

เห็นท่าทางน่าสงสารของเขา บวกกับที่เขาเอาอกเอาใจซือมู่น้อยได้ มู่ชิงเกอจึงปล่อยให้เขาอยู่

สำหรับการค้างคืนของเขา ซือมั่วก็เพียงแค่ยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร

เมื่อตกดึกเงียบสงัด มู่ชิงเกอกลับออกไปจากคฤหาสน์เงียบๆ มุ่งหน้าไปยังบ้านแห่งหนึ่งที่นางเคยไปมาหลายต่อหลายครั้ง กระทั่งยังเรียกว่าเป็นบ้านของตน

บ้านหลังนั้น มีความพิเศษอย่างถึงที่สุด หากจะเข้าไป ต้องผ่านการตรวจสอบแต่ละชั้นๆ แสดงบัตรต่างๆ เพื่อยืนยันตัว

แต่ว่า สำหรับมู่ชิงเกอแล้ว ป้อมยามเหล่านี้ กลับไม่มีประโยชน์

กลุ่มทหารที่ยืนเฝ้ายามอยู่นอกป้อม รู้ลึกเพียงแค่ลมหนึ่งหอบ พัดผ่าน ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติใดๆ แต่กลับไม่รู้ว่ามีคนแฝงตัวเข้า ไปในอาคารเล็กสองชั้นหลังนั้นของหัวหน้าใหญ่แล้ว

เงาร่างของมู่ชิงเกอ ค่อยๆ ปรากฎชัดเจนในลานบ้านนอกอาคารหลังเล็ก

นางยกมือโบก ผงสีทองจางๆ ที่แทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับแสงในยามราตรี ปรากฎขึ้นอย่างไม่รู้ที่มา ปลิวว่อนในอากาศ ปกคลุมอาคารเล็กทั้งหลัง ข้างในข้างนอก แทรกซึมเข้าไปทุกที่

นี่คือยานอนหลับชนิดหนึ่ง เพียงแค่ทำให้คนจมอยู่ในอาการหลับลึกยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่ไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย แต่ยังกำจัดความเหนื่อยล้าในการนอนหลับครั้งนี้ ทำให้ร่างกายและวิญญาณฟื้นฟูสู่สภาพ ที่แข็งแรงที่สุด

คนทั้งหมดในอาคารหลังเล็กยังไม่รู้ว่าผ่านคืนนี้ไป พวกเขาได้รับของขวัญชิ้นใหญ่หนึ่งชิ้นท่ามกลางความไม่รู้เนื้อรู้ตัว

เสร็จเรื่องทั้งหมดนี้มู่ชิงเกอจึงเดินเข้าไปในอาคารหลังเล็ก

การตกแต่งภายในอาคารหลังเล็กเรียบง่ายอย่างยิ่ง อีกทั้งยังค่อนข้างมีอายุ ดูจากการตกตแต่งแล้ว คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ น่าจะมีชีวิตเรียบง่าย ในบ้านเรียบง่ายอย่างถึงที่สุด สิ่งของทั้งหมด ต่างก็จัดวางอย่างเป็น ระเบียบเรียบร้อย ไม่สะเปะสะปะแม้แต่นิดเดียว

ภาพตรงหน้า ปลุกความทรงจำของมู่ชิงเกอขึ้นมา

บนโต๊ะทานข้าวทรงกลมตัวใหญ่ๆ ตัวนั้น นางกับเพื่อนทหารนั่งทานร่วมกันหลายครั้ง ยังมีอีกหลายครั้ง ที่มีนางเพียงคนเดียวทานข้าวเป็นเพื่อนผู้มากวัยทั้งสองคน

มู่ชิงเกอเดินไปข้างในต่อ มองเห็นรูปภาพขาวดำสองใบที่วางอยู่บนตู้

ผู้หญิงผู้ชายในภาพขาวดำ คือลูกชาย ลูกสาวเจ้าของบ้านหลังนี้ ต่างก็พลีชีพเพื่อชาติในช่วงวัยที่กำลังรุ่งโรจน์ ดังนั้น หลายต่อหลายครั้ง นางจึงรู้ดีว่า ผู้มากวัยทั้งสองดูแลนางเหมือนหลานสาว

มู่ชิงเกอเดินขึ้นไปบนชั้นสอง เดินไปถึงหน้าประตูไม้หนึ่งบาน

นิ่งเงียบครู่หนึ่ง นางยื่นมือออกไป ผลักประตูห้องออก เดินเข้าไปข้างใน

ในห้อง ดำมืด

ในห้อง มีเสียงหายใจที่หลับลึกของคนสองคนดังเข้ามารางๆ

นางเดินไปข้างเตียง ข้างซ้ายข้างขวานาง วางเตียงไว้ฝั่งละหลัง นางรู้ดีว่า เพราะอายุที่มากแล้ว ผู้มากวัยทั้งสองจึงตั้งใจแยกกันนอน เพื่อไม่ให้กระทบการพักผ่อนของฝ่ายตรงข้าม

นางเดินไปทางเตียงฝั่งซ้าย ยกมือขึ้น ลูบเตียงเบาๆ หนึ่งครา

แสงสีทองอ่อนหนึ่งสายกะพริบวาบตามการเคลื่อนไหวเบาๆ บนมือนาง

ไม่นานนัก คนชราผมขาวที่นอนอยู่บนเตียงก็ลืมตาทั้งคู่ขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ ในดวงตาไม่มีความสะลืมสะลือ มีเพียงความสงสัย

“หัวหน้าใหญ่” มู่ชิงเกอเรียกคนชราที่ตื่นขึ้นมาหนึ่งครา

เสียงที่ดังเข้ามาในความมืดทำให้ผู้มากวัยสังเกตเห็นเงาดำที่ยืนอยู่ข้างเตียง

เขาไม่ได้ตื่นตระหนก เพียงแค่ลุกขึ้นนี้งจากเตียงอย่างสุขุมสงบ นิ่ง มองเงาดำแล้วกล่าวถาม “คุณเป็นใคร”

ในความมืด ตกอยู่ในความเงียบสงัด

ผู้มากวัยไม่ได้เร่งรัด เพียงแค่คลำหาปืนเก่าแก่หนึ่งกระบอกที่ซ่อนอยู่ใต้หมอน

ปืนกระบอกนี้อยู่ข้างกายเขาในช่วงเวลาสำคัญ ตอนนี้เกษียณ แล้วก็ยังอยู่ร่วมวัยชรากับเขาต่อ

นานอย่างยิ่ง ในความดำมืด ก็ทำลายความเงียบสงัด เสียงที่เอ่ยปากก่อนหน้านี้ กล่าวขึ้นอีกครั้ง “เขี้ยวมังกร”

เขี้ยวมังกร

รหัสประจำตัวที่ไม่ได้ยินมานานนี้ทำให้ผู้มากวัยที่มีสติตั้งมั่น ดวงตาทั้งสองหดลงอย่างรวดเร็ว เขากล่าวเสียงหลงอย่างเหลือเชื่อ “เธอ ว่ายังไงนะ เธอบอกว่าเธอเป็นใครนะ”

“เขี้ยวมังกร” ครั้งนี้ไม่มีความนิ่งเงียบ มู่ชิงเกอให้คำตอบที่แน่วแน่ออกมาอีกครั้ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version