บทที่ 1034 เขาจะรับไหวได้อย่างไร?
จักรพรรดิซวนประชวรหนัก การสูญเสียลูกหลานในยามชรา เดิมทีก็เป็นความกระทบกระเทือนที่ไม่อาจทนรับได้อยู่แล้ว เป็นธรรมดาที่เขาจะทั้งปวดใจทั้งโกรธกริ้ว หลับไม่ลงทั้งคืน ทั้งต้องปลอบขวัญพรรคพวกฝ่ายหรงฉู่ ทั้งต้องส่งคนไปสืบสวนเรื่องนี้ วุ่นวายกันไปทั้งวังอยู่ช่วงหนึ่ง
ทุกอย่างเป็นไปตามที่หรงเช่อคาดไว้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงโล่งอก องครักษ์ลับที่เขาจัดวางไว้ในเมืองหลวงเหล่านั้นมีอยู่ไม่น้อย คนเหล่านี้ทยอยส่งข่าวมาให้เขา ล้วนไม่พบร่องรอยของหรงเจียหลัวเลย…
นี่ทำให้หรงเช่อวางใจยิ่งขึ้น
เพียงแต่ถึงอย่างไรในใจเขาก็ยังมีปมอยู่ เกรงว่าหรงเจียหลัวจะยังไม่ตายแล้วหวนกลับมา ดังนั้นเขาต้องรีบจัดการโดยเร็ว ขึ้นครองบัลลังก์ก่อน
แน่นอนว่าเขาลอบส่งลูกน้องไปปิดกั้นถนนทุกสายที่เข้าสู่เมืองหลวงแล้ว รวมไปถึงรถม้าต่างๆ ที่เหาะเหินบนฟ้าได้เหล่านั้น…
ก่อนที่เขาจะขึ้นเป็นจักรพรรดิ คนทั้งหลาย รถม้าทั้งปวงล้วนต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวด!
เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดข้อผิดพลาดขึ้น ลูกน้องของเขาย่อมไปจัดการแล้ว
เรื่องการตายด้วยอุบัติเหตุของหรงเจียหลัว ก็ไม่อาจโอ้เอ้ล่าช้าได้ ดังนั้นถึงแม้เขาจะเร่งรีบเดินทางอย่างลำบากลำบนอยู่ทั้งคืน เขาก็ยังเข้าเฝ้าพร้อมกับจิ้งจอกดำ
จักรพรรดิซวนก็ไม่ได้นอนทั้งคืนเช่นกัน เมื่อได้ยินข่าวว่าเขากลับมาแล้ว ก็เรียกตัวเข้าพบทันที
เนื่องจากจักรพรรดิซวนประชวรหนัก ลุกจากเตียงแทบไม่ได้ ดังนั้นไม่ว่าเขาจะเรียกผู้ใดเข้าพบล้วนเป็นการพบในห้องบรรทมของเขา
จักรพรรดิซวนคล้ายจะชราลงหลายสิบปี ในชั่วข้ามคืน เส้นผมเป็นสีดอกเลาไปกว่าครึ่ง สีหน้าซีดเหลือง สองตาไร้แวว ไม่มีราศีปรีชาห้าวหาญดั่งในอดีตอีกแล้ว เห็นได้ชัดเจนยิ่งนักว่าการตายของหรงฉู่สร้างความสะเทือนใจให้เขาจริงๆ…
หรงเช่อมองเขาอยู่เงียบ จากการตัดสินของเขา จักรพรรดิซวนเป็นเปลวเทียนกลางสายลมแล้ว มีชีวิตได้ไม่ถึงเดือน เขาสามารถเติมเชื้อไฟได้อีก…
ด้วยเหตุนี้เขาจึงคุกเข่าลงบนพื้นซํ้าเติมจักรพรรดิซวนอีกครา รํ่าไห้รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเดินทางกลับ ได้ถูกเหยี่ยวไสยดำโจมตี หรงเจียหลัวพลันหล่นจากที่สูงเป็นหรือตายไม่อาจทราบได้
ไม่ทันรอให้เขาได้พูดจบ จักรพรรดิซวนก็กระอักโลหิตออกมาทันที!
เขาไม่กล้าเชื่อเลยจริงๆ แต่ด้านหน้ามีหลงเช่อที่พูดจามีหลักฐานน่าเชื่อถือ ด้านหลังมีจิ้งจอกดำที่รํ่าไห้จนนํ้าตาแทบเป็นสายเลือดช่วยยืนยัน ต่อให้เขาไม่อยากเชื่อก็ไม่มีหนทางแล้ว หรงเจียหลัวเป็นโอรสที่เขาให้ความสำคัญที่สุด ยามนี้เขาประสบเหตุไม่คาดฝัน เขาจะรับไหวได้อย่างไร?
ได้รับข่าวการตายของโอรสสองคนภายในคืนเดียว จักรพรรดิซวนแทบจะไม่ไหวแล้ว เขากระอักโลหิตออกมาหลายคำ สลบไปทันที
หรงเช่อรีบเข้าไปพยุงเขาไว้ ด้านหนึ่งสั่งให้จิ้งจอกดำรีบไปเรียกหมอหลวงมา อีกด้านก็ตะโกนเรียกจักรพรรดิซวนไม่หยุด “เสด็จพ่อ เสด็จพ่อ!”
ห่างออกไปนับพันลี้ ฉากนี้กำลังปรากฏอยู่บนป้ายหยกของตี้ฝูอี ภาพบนป้ายหยกชัดเจนยิ่งนัก ชัดเจนจนแทบมองเห็นว่าขนคิ้วจักรพรรดิซวนมีกี่เส้น
กู้ซีจิ่วดูอยู่พักหนึ่ง เอ่ยขึ้นมาอย่างอดไว้ไม่อยู่ “ดูจากเรื่องนี้จักรพรรดิซวนคงมีชีวิตอยู่ได้ไม่กี่วันแล้ว”
ตี้ฝูอีก็มองอยู่เช่นกัน “อืม ดูจากสีหน้าของเขา น่าจะมีอายุขัยอีกสิบวัน เพียงแต่เกรงว่าหรงเช่อคงไม่ปล่อยให้เขาอยู่พ้นสิบวัน”
“ที่ท่านพูดคือหรงเช่อจะสังหารเขางั้นหรือ? เพราะอะไร?”
“หรงเช่อผู้นี้กระทำการถี่ถ้วนรอบคอบ เขาไม่ยินยอมให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันแม้เพียงน้อยเด็ดขาด การหายไปของหรงเจียหลัวเป็นเงามืดในใจเขา เพื่อป้องกันไม่ให้หรงเจียหลัวกลับมาเป็นตัวแปร เขาจะต้องรีบตัดความยุ่งยากวุ่นวาย ให้จักรพรรดิซวนกำหนดราชโองการก่อนแล้วค่อยลงมือ อาณาจักรไม่อาจขาดกษัตริย์ได้แม้เพียงวันเดียว เมื่อจักรพรรดิซวนสิ้นชีพ เขาจะเถลิงถวัลยราชสมบัติขึ้นเป็นจักรพรรดิทันที พอเขาเป็นจักรพรรดิแล้ว กุมอำนาจเป็นตายไว้ในมือ ต่อให้หรงเจียหลัวรอดชีวิตกลับมาก็ไม่อาจก่อคลื่นลมอันใดได้อีก…”
กู้ซีจิ่วมองดวงหน้าน้อยๆ ของตี้ฝูอีที่มุมปากหยักขึ้นนิดๆ “ในเมื่อท่านคาดการณ์แผนนี้ของเขาได้ จะต้องคิดแผนยับยั้งตลบหลังเอาไว้แล้วใช่หรือไม่?”