บทที่ 1058 มิสู้เธอทรยศคนทั้งโลกเสียดีกว่า…
เธอหลุบตาลงนิดๆ ซ่อนเร้นความขมขื่นอ้างว้างที่อัดแน่นอยู่ในดวงตา
เมื่อหลงซือเย่จัดการบาดแผลให้เธอเรียบร้อยก็ลุกขึ้นยืน “ไปเถอะ ควรเดินทางได้แล้ว”
ยกมือเรียกกระเรียนมงกุฎแดงมา พาเธอเหินขึ้นไป
ใช่แล้ว ควรออกเดินทางได้แล้ว ถึงอย่างไรเย่หงเฟิงก็บาดเจ็บสาหัส แถมยังบาดเจ็บทางวิญญาณด้วย ดังนั้นต่อให้กระเรียนมงกุฎแดงจะบินมั่นคงยิ่งนัก ตัวเธอที่อยู่บนหลังนกกระเรียนก็ยังนั่งไม่ค่อยอยู่ ร่างกายหวิดจะหล่นจากหลังนกกระเรียนอยู่หลายหน เคราะห์ดีที่หลงซือเย่ดึงเธอกลับมาได้ทัน เขาขมวดคิ้วมองดูเธอ “ไม่สำคัญว่าเจ้าจะรนหาที่ตายหรือเปล่า แต่อย่าทำให้ร่างนี้เสียหาย!”
ถ้าหล่นลงไปจากความสูงระดับนี้ ถึงจะเป็นร่างกายที่พิเศษเลิศเลอถึงเพียงใดหล่นลงไปก็เละเป็นเนื้อบดอยู่ดี!
เย่หงเฟิงจึงกล่าวขึ้นว่า “ถ้างั้นท่านกอดข้าเอาไว้ดีไหม?”
หลงซือเย่มองเธออย่างเย็นแวบหนึ่ง เย่หงเฟิงจึงเอ่ยขู่ “มิเช่นนั้นข้าอาจหล่นลงไปจริงๆ…”
หลงซือเย่ไม่ยอมรับคำข่มขู่ของเธอ แน่นอนว่าไม่ยอมให้เธอหล่นลงไปด้วย เขาล้วงเอ็นสัตว์ร้ายเส้นนั้นออกมามัดเธอไว้บนหลังนกกระเรียนเสีย เลย!
เขามัดอย่างแน่นหนายยิ่ง เสมือนการมัดแบบแขนไพล่หลัง อย่าว่าแต่เย่หงเฟิงจะหล่นลงไปเลย ต่อเธอคิดจะขยับมือก็ลำบากไปหมดแล้ว!
ในที่สุดเธอก็สงบลง…
นกกระเรียนกระพือปีกโผบินไปทางทิศตะวันออก หลงซือเย่เหม่อมองขอบฟ้า
ม่านรัตติกาลร่วงโรยลงมาแล้ว ทัศนียภาพทั้งหมดล้วนมืดสลัวอยู่ในราตรี เสมือนหัวใจเขาที่จมสู่เหวลึก ราวกับมองไม่เห็นแสงสว่างเลยแม้แต่น้อย
….
โลหิตเจิ้งนองท้องนภา!
ท่ามกลางโลหิตที่แดงฉานไปทั่วฟ้า กู้ซีจิ่วรู้สึกเหมือนตัวเองลอยอยู่ในทะเลโลหิต กลิ่นคาวโลหิตเข้มข้นทำให้เธอหายใจไม่ออก
สายฝนโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า ฝนที่ตกลงมายังคงเป็นฝนโลหิต สายฝนทั้งหมดที่กระทบลงบนร่างล้วนทำให้เจ็บปวดปานถูกฟาดด้วยแส้ ความเจ็บปวดนี้ทำให้เธอกระสับกระส่าย ทำให้เธออึดอัด และทำให้เธอร้อนรนอยากหลบหนีไปจากฝนโลหิตที่แดงฉานเต็มฟากฟ้านี้ แต่ในทุ่งกว้างเธอไม่พบแม้กระทั่งโขดหินที่สามารถใช้หลบฝนได้สักก้อนเลย ทำได้เพียงกัดฟันทนอยู่ท่ามกลางฝนโลหิตอย่างขมขื่น สิ่งเหล่านี้ล้วนมิใช่เรื่องสำคัญที่สุด ที่สำคัญคือท่ามกลางทะเลโลหิตเธอมักจะเห็นผู้คนต่อสู้กันอยู่ตรงนั้นเสมอ ซํ้ายังเป็นคนที่เธอรู้จักและใส่ใจทั้งสิ้น อย่างเช่นจิ้งจอกน้อย เชียนหลิงอวี่ เยี่ยนเฉิน แม้กระทั่งกู้เซี่ยเทียนก็อยู่อยู่ในบบรดาคนเหล่านั้นด้วย…
คนเหล่านี้เข่นฆ่าโรมรันอย่างสุดชีวิตอยู่ตรงนั้น ทุกคนที่สังหารเสมือนผุดขึ้นมาจากทะเลโลหิต บางคนกำลังทำร้ายผู้อื่น บางคนกำลังถูกผู้อื่นทำร้าย ทุกฉากล้วนเนิ่งนองไปด้วยโลหิต ทุกฉากล้วนน่าอกสั่นขวัญแขวนยิ่งนัก ทำให้เธอทนไม่ได้อยากจะเข้าไปแทรกแซง อยากจะช่วยพวกเขาออกมา…
ผลคือทันทีที่เธอสอดมือเข้าแทรกแซง ผู้คนที่ต่อสู้อยู่เหล่านั้นก็จะหันมาโจมตีเธอกันหมด!
เธอทำได้เพียงตอบโต้กลับไป ต่อสู้กับผู้คนมากหน้าหลายตา ต่อสู้จนโลหิตไหลนองเป็นสาย มองเห็นเพื่อนสนิทของตนล้มลงไปทีละคนๆ หายไปต่อหน้าต่อตาทีละคนๆ…
เธอเหนื่อยล้าอย่างยิ่ง หัวใจก็เจ็บปวดยิ่งนัก ทว่าทำได้เพียงฝืนคํ้ายันไว้ เธอวิ่งเต้นอยู่ในทะเลโลหิตไม่เพียงแต่ต่อสู้กับผู้อื่นเท่านั้น บางครั้งยังต้องทนรับการถูกสหายหักหลังอีกด้วย บางครั้งก็ชี้นิ้วมาที่เธอเข่นเคี้ยวเขี้ยวฟันด่าทอ บางครั้งเดิมทีก็เป็นสหายที่ต่อสู้อยู่ท่ามกลางลมฝนกับเธอ ทว่าจู่ๆ ก็แทงดาบใส่เธอจากด้านหลัง…
ในทะเลโลหิตไม่มีคนที่เธอไว้ใจได้เลย และไม่มีคนที่สามารถเชื่อใจได้ ท่ามกลางทะเลโลหิตไม่ว่าเธอจะไว้ใจใคร ผู้นั้นก็จะแทงดาบใส่เธอจากด้านหลัง!
หลงซือเย่ จิ้งจอกน้อย เชียนหลิงอวี่ เยี่ยนเฉิน จางฉูฉู่ กู้เซี่ยเทียน…
ในทะเลโลหิตพวกเขาล้วนต้องการสังหารเธอ ล้วนเคยเป็นสหายที่ร่วมเป็นร่วมตายมากับเธอ…
ครั้งแรกที่ถูกลอบทำร้าย หัวใจเธอดั่งถูกมีดคว้าน สุดท้ายก็กลายเป็นด้านชา ไม่ว่าจะมองเห็นผู้ใดล้วนฟันกระบี่ออกไปตามสัญชาตญาณ!
โหดเหี้ยมไปเสีย!
ไม่เหลือทางรอดให้สักนิด!
บางครั้งมีเสียงหนึ่งก้องอยู่ในหูว่า ‘ใครก็ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้น!
เธอจะต้องเฉยเมยเย็นชาแบบนี้ถึงจะไม่ถูกทำร้ายอีก แทนที่จะปล่อยให้คนทั้งโลกทรยศเธอ มิสู้เธอทรยศคนทั้งโลกเสียดีกว่า…’