Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1272

บทที่ 1272 ออกหน้าให้เธอ 2

โชคดีที่หลัวจั่นอวี่ตอบสนองว่องไว พาคนและรถเข็นหลบหลีกออกไปหนึ่งจั้งได้ทันเวลา หัวเราะเบาๆ “แม่นางกู้ ยังสู้ไม่พอหรือ?”

กู้ซีจิ่วเก็บมือแล้วยืนนิ่ง เธอเลิกคิ้วมองหลัวจั่นอวี่ “ท่านทำเช่นนี้คือ?”

นํ้าเสียงหลัวจั่นอวี่เรียบเรื่อย และตรงไปตรงมายิ่ง “ให้พวกเขาเห็นฝีมือของเจ้า”

กู้ซีจิ่วนิ่งงัน

หลัวจั่นอวี่กวาดตามองฝูงชนที่มุงดูอยู่รอบหนึ่ง “ยามนี้ทุกท่านยังมีอะไรจะกล่าวอีกหรือไม่? ฝีมือของนางประจักษ์กัน ณ ที่นี้แล้ว เป็นการพึ่งพาผู้อื่นเพื่อเอาหน้าหรือไม่เล่า?”

สายตาของเขาร่อนลงบนร่างสตรีนางหนึ่งที่อยู่ในฝูงชน “เมียเหลิ่งเอ้อร์ เจ้าว่าอย่างไรล่ะ? ตอนนี้ยังต้องการให้ข้าให้ความเป็นธรรมกับเจ้าอยู่หรือ ไม่?”

เมียเหลิ่งเอ้อร์ผู้นั้นก็คือภรรยาของหัวหน้ากลุ่มเก็บเกี่ยว นางหน้าแดงก่ำแล้ว “ข้า…ข้า…”

นางพูดว่าข้าๆ อยู่นานสองนานก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ

หลัวจั่นอวี่เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ข้ากำหนดไว้จริงๆ ว่าที่นี่จะต้องมีผัวเดียวเมียเดียว สามีภรรยาทั้งสองฝ่ายจะผู้ใดก็ไม่อนุญาตให้มีสัมพันธ์กับผู้อื่นอีก ตราบใดที่ข้ายังอยู่ที่นี่ กฎข้อนี้ไม่อาจทำลายได้ ดังนั้นข้าไม่ได้เข้าข้างผู้ใด ปกติแล้วพี่เหลิ่งเอ้อร์ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไรเจ้าก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ เจ้าคิดว่าแม่นางกู้ที่เพิ่งมาถึงได้วันเดียวจะทำให้เขาเปลี่ยนใจได้งั้นหรือ? เจ้าไม่เชื่อใจเขาหรือว่าไม่เจ้าไม่เชื่อใจตัวเองกันแน่?”

ใบหน้าของเมียเหลิ่งเอ้อร์เต็มไปด้วยความละอาย “เป็น…เป็นข่าวลือพวกนั้น…”

“ข่าวลือที่ไม่มีมูลเรื่องหนึ่งก็ทำให้เจ้าสงสัยสามีของตนทันทีเลยหรือ? เจ้าไม่เชื่อใจเขาเลยสักนิดสินะ? วรยุทธ์ของแม่นางกู้ผู้นี้เจ้าก็ได้เห็นแล้ว สูงส่งกว่าพี่เหลิ่งเอ้อร์มากนัก นางต้องให้เขามาปกป้องด้วยหรือ?”

เมียเหลิ่งเอ้อร์อับจนวาจาอย่างสมบูรณ์แล้ว

หลัวจั่นอวี่กวาดตามองฝูงชนอีกแวบหนึ่ง “ฝีมือของแม่นางกู้ทุกคนประจักษ์แจ้งแล้ว การเก็บเกี่ยวเมื่อวานเพิ่มนางเข้าไปแค่คนเดียว แต่ผลไม้และใบไม้ที่เก็บกลับมาได้กลับเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวของยามปกติ พวกเจ้านึกว่าเพียง ‘นางพึ่งพาผู้อื่น’ ก็สามารถทำได้แล้วงั้นหรือ? เป็นเพราะการเข้าร่วมของนาง ผลผลิตจึงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เท่ากับว่านางคนเดียวทำงานของคนสิบหกคนได้ ให้นางพักผ่อนมากๆ สักวันจะเป็นอะไรไปเล่า? ถ้าหากพวกเจ้าก็สามารถทำถึงขั้นนี้ได้ ก็จะอนุญาตให้พวกเจ้าพักมากขึ้นเหมือนกัน! พวกเจ้ามีผู้ใดทำได้หรือไม่?”

ฝูงชนก็พลุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน พากันกล่าวว่าใช่

โดยเฉพาะคนที่อยู่เบื้องหลังการแพร่ข่าวลือเหล่านั้น ล้วนอับอายขายหน้าอยู่บ้าง

ในที่สุดเมียเหลิ่งเอ้อร์ ก็ทราบแล้วว่าตนเข้าใจผู้อื่นผิด ใบหน้าพริ้มเพราแดงเถือก ทว่านางไม่ใช่คนที่มีนิสัยพิรี้พิไรยืดยาด ก้าวเข้าไปขออภัยกู้ซีจิ่ว บอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน

ขณะที่ฝูงชนนึกว่าเรื่องเข้าใจผิดครั้งนี้จะสลายหายไปไม่เป็นประเด็นอีก ยามที่จะทยอยกันแยกย้ายไป หลัวจั่นอวี่ก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “ข่าวลือนี้มีเรื่องไม่ชอบมาพากลอยู่ ยังต้องสืบสวนให้กระจ่างหาตัวผู้อยู่เบื้องหลังที่แพร่ข่าวลือนี้ออกมาให้ได้”

ทุกคนมองหน้ากันเหลอหลา แล้วจะตรวจสอบข่าวลือนี้อย่างไรเล่า?

หวงซังเซียงฝืนยิ้มแล้วกล่าวว่า “พี่ใหญ่หลัว ข่าวลือนี้จะตรวจสอบกันยังไงล่ะ ทุกคนแค่แคลงใจกันไปชั่วขณะ พูดกันไปปากต่อปากเท่านั้น โชคดีที่ไม่ได้ก่ออันตรายใดๆ ต่อแม่นางกู้ เรื่องเข้าใจผิดครั้งนี้ก็สะสางกระจ่างแล้ว ข้าว่าเรื่องนี้ก็แล้วกันไปเถอะ ทุกคนล้วนพูดถึงเรื่องนี้กันทั้งนั้น คงไม่อาจจับตัวทุกคนที่พูดออกมาได้กระมัง?”

สายตาของหลัวจั่นอวี่ร่อนลงบนตัวนาง เอ่ยอย่างข่มข่อยู่บ้าง “ยามที่ข้าพูดคุยเรื่องใดต้องให้เจ้าเข้ามาตัดสินใจด้วยหรือ?”

หวงซังเซียงอ้าปากกระอึกกระอัก “ข้า…ข้า…”

หลัวจั่นอวี่มองนางอย่างเยียบเย็นแวบหนึ่ง “ที่อื่นจะมีการเล่นเล่ห์เพทุบายหัวหมอหรือไม่ข้าไม่สน แต่ในหมู่บ้านแห่งนี้ ไม่ยอมรับคน

เช่นนี้เด็ดขาด! วิถีชีวิตของทุกคนที่นี่ไม่ง่ายดายเลย ทุกคนที่นี่เป็นครอบครัวเดียวกัน สมควรสามัคคีปรองดอง!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version