บทที่ 17
ยังมีอะไรที่ทำให้ลำบากใจอีก?
สองแม่ลูกคู่นี้ช่วยกันร้องช่วยกันรับได้เป็นอย่างดี บุตรสาวคนอื่นๆ ก็กล่าวสมทบคำพูดของเหลิ่งเซียงอวี้จนเกิดเสียงดังเซ็งแซ่ พวกนางพากันกล่าวโทษบ่าวไพร่ชั่วช้า ในที่สุดสีหน้าของกู้เซี่ยเทียนก็สดใสขึ้น เขามองไปยังเหลิ่งเซียงอวี้
“เอาล่ะ ถึงแม้เรื่องนี้จะโทษเจ้าไม่ได้ แต่กฎบ้านก็ละเลยไม่ได้หลังจากนี้ก็ส่งเด็กสาวที่เหมาะสมไปรับใช้ช้างกายซีจิ่วหลายๆ คนหน่อย คุณหนูสูงศักดิ์กลับต้องใช้ชีวิตด้วยตนเองอย่างเดียวดาย ช่างไม่เข้าท่ายิ่งนัก!”
“เจ้าค่ะท่านพี่ เดี๋ยวน้องจะไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง น้องจะจัดการให้เหมาะสมกับซีจิ่วแน่นอนเจ้าค่ะ” เหลิ่งเซียงอวี้น้อมกายรับคำสั่ง
กู้ซีจิ่วมองดูการแสดงละครฉากใหญ่ของกู้เทียนฉิงและเหลิ่งเซียงอวี้อยู่เงียบๆ มุมปากกระตุกยิ้มเย้ยหยันออกมา ใช้เพียงเหตุผลกระจอกๆ แบบนั้นแม่ทัพกู้ก็เชื่อพวกนางทันที! เขาตาบอดหรือว่าใจดำกันแน่?! การใช้ชีวิตหลายปีในวงการขุนนางทำให้เขากลายเป็นเห็บไปแล้วหรือไง?
เกรงว่ามิใช่เขาไม่เข้าใจ แต่เป็นเพราะเขาต้องการหาข้อแก้ตัวเพื่อไม่ให้ตนเองต้องอับอายต่อหน้าผู้คนมากมายเหล่านี้ กู้ซีจิ่วเองก็เป็นลูกสาวคนหนึ่ง แต่เขาไม่สงสารเลยแม้แต่น้อย กลับปล่อยคนร้ายที่เป็นต้นเหตุไป!
อย่างไรก็ตาม กู้ซีจิ่วเองก็เข้าใจดีว่า เธอคงไม่สามารถโค่นล้มสองแม่ลูกคู่นี้ได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพราะถึงจะเปิดโปงอีก ก็คงไม่มีความหมายอะไร เป็นการถกเถียงโดยเปล่าประโยชน์เสียเท่านั้น
โดยเฉพาะยามนี้เธอไม่มีพลังวิญญาณ ไม่มีกำลังภายใน ช่วงนี้ยังไม่ควรแยกตัวออกมาจากจวนสกุลกู้ เธอยังต้องอาศัยอยู่ที่นี่อีกหลายปีเพื่อปรุงยาอีกหลายขนาน เธอควรจะอดทนรอช้าๆ เพื่อเก็บเกี่ยวผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
เธอแย้มยิ้มบางๆ “ที่แท้แล้วเป็นซีจิ่วเข้าใจฮูหยินผิดมาโดยตลอด หลังจากนี้ฮูหยินจะส่งสาวใช้มาให้ข้าใช่หรือไม่?”
“ย่อมเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว! วางใจเถอะซีจิ่ว แม่จะส่งสาวใช้ไปให้เจ้าสี่คน ทั้งสี่คนล้วนเป็นสาวใช้ที่มีประสบการณ์ทำงานมาก่อน” เหลิ่งเซียงอวี้ถอนหายใจ ออกมาเงียบๆ ด้วยความโล่งอก
กู้ซีจิ่วกวาดสายตามองเข้าไปในเรือน มีท่าทีลำบากใจเล็กน้อย “แต่ว่าเรือนของซีจิ่วเล็กมาก จู่ๆ ก็มีคนเพิ่มขึ้นมาอีก เช่นนี้เกรงว่าจะไม่มีที่ให้อยู่…”
เหลิ่งเซียงอวี้แอบเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเงียบๆ เห็นทีว่านังเด็กคนนี้คงอยากจะย้ายไปเรือนที่ใหญ่กว่านี้…
แต่ในตอนนี้หากนางไม่ทำเป็นใจกว้างคงไม่ได้
“ซีจิ่ว เจ้าวางใจเถอะ เมื่อก่อนแม่จัดการให้เจ้าพักอาศัยอยู่ที่นี่ ก็เพราะที่แห่งนี้เงียบสงบเป็นผลดีต่อการบำรุงรักษาเจ้า แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำให้เจ้าได้รับความทุกข์ยาก เป็นความผิดของแม่เอง ประเดี๋ยวแม่จะสั่งการให้คนไปทำความสะอาดเรือนใหญ่หลังหนึ่งให้เจ้าเข้าไปอยู่อาศัย…”
ขนตาของกู้ซีจิ่วไหวระริก “เช่นนั้นซีจิ่วต้องขอบคุณฮูหยินมาก แต่ซีจิ่วยังมีเรื่องลำบากใจอีกเล็กน้อย…”
“ยังมีอะไรที่ทำให้ลำบากใจอีก? พูดออกมาให้แม่ฟังทั้งหมดเถิด” เหลิ่งเซียงอวี้แทบจะทนสวมหน้ากากแสร้งเป็นสตรีอ่อนโยนมีคุณธรรมต่อไม่ไหวแล้ว กู้ซีจิ่วถอนหายใจเบาๆ “ฮูหยินมอบสาวใช้ให้ซีจิ่วมากเพียงนี้ย่อมเป็นเรื่องดี ทว่าซีจิ่วได้รับเบี้ยหวัดเพียงเดือน ละครึ่งก้วน[1] เกรงว่าจะเลี้ยงดูพวกนางไม่ไหว…”
“…” เหลิ่งเซียงอวี้หมดคำพูดอีกครา ใบหน้าของนางร้อนฉ่าขึ้นมาอีกหน ตามธรรมดาของตระกูลชนชั้นสูงในอาณาจักรเฟยซิง บรรดาคุณหนูผู้สูงศักดิ์ล้วนได้รับเบี้ยหวัดรายเดือนเป็นจำนวนมหาศาล ต่อให้เป็นเพียงคุณหนูจากตระกูล ขุนนางเล็กๆ ก็ยังได้รับเบี้ยหวัดรายเดือนถึงห้าตำลึง
แล้วนี่กู้เซี่ยเทียนมีตำแหน่งเป็นแม่ทัพใหญ่ ทั้งยังควบตำแหน่งเจ้ากรมกรมทหาร ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงส่งและทรงอำนาจยิ่ง บรรดาบุตรสาวในจวนเขาล้วนได้รับเบี้ย หวัดรายเดือนคนละ 20 ตำลึงทั้งสิ้น แต่กู้เทียนฉิงนั้นเป็นอัจฉริยะด้านการต่อสู้อีกทั้งได้รับความรักใคร่เอ็นดูจากบิดา นางจึงได้รับเบี้ยหวัดรายเดือนถึง 30 ตำลึง…
ในยุคนี้หนึ่งก้วนเท่ากับครึ่งตำลึงเงิน ไม่นึกเลยว่าคุณหนูสูงศักดิ์ผู้หนึ่งที่กำเนิดจากภรรยาเอกจะได้รับเบี้ยหวัดรายเดือนเพียงครึ่งก้วน… เรื่องเช่นนี้หากแพร่ กระจายออกไปคงกลายเป็นเรื่องน่าหัวเราะเยาะโดยแท้!
กู้เซี่ยเทียนรู้สึกได้ว่าใบหน้าแก่ๆ ของเขาต้องขายขี้หน้าเข้าจริงๆ เสียแล้ว!