บทที่ 19
คำพูดของบุตรสาวน่าเชื่อถือน้อยกว่าคำพูดคนนอกหรือ?
ทั้งชีวิตนี้จะแต่งภรรยาเพียงคนเดียว นั้นเป็นเพียงถ้อยคำหวานซึ้งที่ที่พลั้งปากพูดออกมาด้วยความคึกคะนองในวัยหนุ่มหลังจากร่วมอภิรมย์กันอย่างเร่าร้อนเท่านั้น ชนชั้นสูงในอาณาจักรเฟยซิงมีใครบ้างที่ไม่มีอนุภรรยาเป็นโขยง?
ต่อให้เป็นชาวบ้านธรรมดาแต่หากมีฐานะสักหน่อยก็สามารถแต่งภรรยาเอกได้หนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหนึ่งคน! แล้วเขาที่เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ผู้น่าเกรงขามล่ะ?
กู้เซี่ยเทียนจึงไม่เคยรู้สึกว่าการที่ตนมีอนุภรรยาหลายคนจะผิดตรงไหน!
แต่ในวันนี้กลับถูกบุตรสาวถามซึ่งๆ หน้า ทำให้ใบหน้า ของเขาแทบจะข่มอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ กล่าวออกมาอย่างเย็นชา
“เด็กอย่างเจ้าจะไปรู้อะไร! เรื่องของผู้ใหญ่มีที่ให้เจ้าสอดปากพูดได้หรือ…”
กู้ซีจิ่วไม่ได้กล่าวอะไรต่อ เพียงยิ้มมุมปากเล็กน้อย เธอไม่อยากจะเปลืองนํ้าลายกับผู้ชายเหลือเดนคนนี้อีกต่อไปแล้ว
รอยยิ้มนี้ของนางทำให้เพลิงโทสะในใจของกู้เซี่ยเทียนโหมกระหนํ่ายิ่งขึ้น เขาโกรธจนหน้าเปลี่ยนสี
“ซีจิ่ว หลายปีมานี้พ่อละเลยเจ้าเกินไปจริงๆ ต่อไปจะไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว แต่ก่อนอื่น เจ้าต้องตอบคำถามของพ่อข้อหนึ่งด้วยความสัตย์จริง มีผู้พบเห็นว่ามีชายแปลกหน้าเข้านอกออกในเรือนของเจ้าอยู่บ่อยๆ และยังเห็นอีกว่าเมื่อคืนเจ้าลักลอบออกไปข้างนอก เจ้าได้กระทำเรื่องเสื่อมเสียลงไปแล้วใช่หรือไม่?” เมื่อกล่าวถึงประโยคสุดท้าย นํ้าเสียงก็เย็นชากว่าเดิม
เมื่อเขาถามประโยคนี้ขึ้นมา ฝูงชนที่อยู่ภายในเรือนก็พากันคึกคักขึ้นมาทันที ในที่สุดก็ถามเข้าประเด็นสักที!
สายตาของคนทั้งหมดล้วนจับจ้องไปยังกู้ซีจิ่ว คล้ายอยากเห็นว่านางจะตอบว่าอย่างไร…
กู้ซีจิ่วใช้มือจัดผมหน้าม้าตรงหน้าผากของเธอให้เข้าทรง แล้วกะพริบตาเล็กน้อย “ท่านแม่ทัพกู้ คำถามนี้ไร้คุณธรรมยิ่งนัก! แค่มีคนพูดท่านก็เชื่อเลยหรือ? เช่นนั้น หากข้าบอกว่าเคยมีชายแปลกหน้าเข้านอกออกในเรือนของแม่รองอยู่เสมอเช่นกัน! ท่านแม่ทัพก็จะรู้สึกว่าถูกสวมเขาเลยใช่ไหม?”
ประโยคนี้ของนางถามได้หลักแหลมนัก
“หึ…” มีคนหัวเราะขึ้นมา
กู้เซี่ยเทียนหันไปมองด้วยความเดือดดาล แต่กลับพบว่าผู้ที่หัวเราะออกมาคือองค์ชายแปดหรงเช่อที่มาร่วมชมเรื่องครึกครื้นด้วย
หรงเช่อปีนี้อายุ 18 แล้ว รูปลักษณ์งดงามมาตั้งแต่กำเนิด เป็นชายหนุ่มหล่อเหลาขี้เล่น ยามที่เขาหัวเราะ ราวกับมีดอกท้อผลิบานอยู่ในดวงตาคู่นั้น เขาโบกพัดจีบในมือไปมาเบาๆ ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ดูสูงส่งผ่าเผยยิ่งนัก
กล่าวได้ว่าลูกหลานราชวงศ์หรงล้วนสืบทอดกรรมพันธุ์ความหน้าตาดีมาทั้งสิ้น ทั้งเขาและองค์ชายสิบสองหรงเหยียนที่ยืนอยู่ตรงนั้น ผู้หนึ่งสง่างามเรียบง่ายดุจลำไผ่ อีกผู้หนึ่งมีชีวิตชีวาดั่งสายลม มองแล้วเจริญหูเจริญตายิ่งนัก
พระมารดาขององค์ชายหรงเช่อคือกุ้ยเฟย[1] อีกทั้งพลังวิญญาณของเขาก็ยอดเยี่ยม เขาได้รับความรักใคร่เอ็นดูจากพระบิดาเป็นอย่างมาก จึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นลั่วอ๋อง
สีหน้าของกู้เซี่ยเทียนเต็มไปด้วยความอึดอัด เขาย่อมไม่กล้าติเตียนองค์ชายผู้นี้ ทำได้แค่เพียงย้ายสายตากลับมามองกู้ซีจิ่วอีกครั้ง
“ไร้สาระ! เจ้านี่เอาแต่พูดจาซี้ซั้วจริงๆ นังเด็กอกตัญญ!”
สีหน้าของกู้ซีจิ่วเย็นชา “ท่านแม่ทัพกู้ สิ่งที่ข้าพูดกลับเป็นแค่คำพูดซี้ซั้วไร้สาระ ท่านไม่เชื่อถือเลยแม้แต่น้อย แต่พอคนอื่นพูดจาซี้ซั้วใส่ร้ายข้าผู้เป็นบุตรสาว เหตุใด ท่านจึงเชื่อเล่า? คำพูดของข้าน่าเชื่อถือน้อยกว่าคำพูดของคนนอกหรือ?”
“นี่…” กู้เซี่ยเทียนถูกตอกกลับจนหน้าหงายได้แต่อํ้าๆ อึ้งๆ
วันนี้เจ้ากรมกรมวังรวมถึงองค์ชายอีกสองพระองค์รวมพลกันบุกมาเล่นงานจวนแม่ทัพ กล่าวว่ามีผู้พบเห็นชายแปลกหน้าเข้านอกออกในเรือนของกู้ซีจิ่วอยู่เป็นประจำ ทำให้จวนแม่ทัพต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ทั้งยังนำตัวพยานอีกสองคนมาด้วย
เรื่องเช่นนี้ย่อมนำมาล้อเล่นไม่ได้ เพราะเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของจวนแม่ทัพ และเกี่ยวข้องกับเกียรติยศของราชวงศ์อีกด้วย เพราะอย่างไรเสียบุตรสาวไม่เอาไหนของเขาก็ยังคงเป็นคู่หมั้นขององค์ชายสิบสองหรงเหยียน ดังนั้นเขาจึงนำผู้คนบุกมาด้วยความเดือดดาล…
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าบุตรสาวที่ไม่หือไม่อือได้แต่พยักหน้ารับคำลูกเดียวมาตลอด จะเปลี่ยนเป็นคนเฉียบแหลมได้ถึงเพียงนี้ เมื่อถูกนางท้วงถาม สายตาของเขาก็เหลือบมองเจ้ากรมกรมวังผู้นั้นอย่างอดไม่ได้