บทที่ 195
เด็กน้อย เจ้ากล้ามาก
กู้ซีจิ่วพูดอะไรไม่ออก เธอเขาใจได้ทันที ที่แท้ผู้ยิงใหญ่เบื้องหน้านี้คิดจะเปลี่ยนวิธีกำจัดเธอสินะ?!
เดิมทีอัตราที่การหมั้นหมายครั้งนี้จะสำเร็จมีน้อยอย่างยิ่ง น้อยจนสามารถมองข้ามไปได้เลย
ถึงอย่างไรร่างน้อยๆ ของเธอก็หมั้นหมายกับองค์ชายหรงเหยียนแล้ว ถอนหมั้นไม่ได้ง่ายๆ หากไม่ใช่เธอมาสวมร่าง คุณหนูหกคงตายไปนานแล้ว ต่อให้ไม่ตายก็ถูกหยามเกียรติจนย่อยยับ ถึงยามนั้นการถอนหมั้นอาจจะสำเร็จ แต่ก็เสียเกียรติครั้งใหญ่มิใช่หรือ? ไม่แน่อาจถูกแม่ทัพกู้จับยัดกรงหมูถ่วงน้ำเลยก็ได้! ดังนั้นต่อให้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ให้คำมั่นเช่นนี้กับฮูหยินแม่ทัพไว้เพราะบุญคุณ ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จะสำเร็จ!
ข้อผิดพลาดที่ไม่คาดฝันก็คือเธอถอนหมั้นได้โดยไม่บุบสลาย แม้แต่ปลายเส้นขน ถึงทำให้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้รู้สึกวิกฤตขึ้นมา
ดังนั้นเขาถึงจับตามองเธอไม่ยอมปล่อยถึงเพียงนี้ และคิดจะพาเธอกลับไปพิสูจน์…
เพราะโอกาสที่เธอจะมีชีวิตรอดออกมาจากป่าทมิฬได้มีอัตราแค่ หนึ่งในหมื่นเท่านั้น เมื่อเธอตาย การหมั้นหมายครั้งนี้ย่อมสิ้นสุดโดยปริยาย!
“ท่านเจ้าจัง หากข้าเป็นสานุศิษย์ของสวรรค์เบื้องบนล่ะ? เช่นนั้นการหมั้นหมายนี้จะเป็นอย่างไร?” กู้ซีจิ่วตัดสินใจถามให้ชัดเจนก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที
“ถ้าเจ้าเป็นสานุศิษย์ของสวรรค์เบื้องบนก็ไม่ต้องเข้าป่าทมิฬ อ้อ ควรพูดว่าเจ้าจะเข้าหรือไม่เข้าก็ได้ หากว่าเจ้าอยากแต่งให้ข้า ก็สามารถเข้าไป เมื่อเคยเข้าไปแล้วการหมั้นหมายครั้งนี้ก็จะเป็นผล”
กู้ซีจิ่วมีแผนการอยู่ในใจแล้ว
หากเธอเป็นสานุศิษย์ของสวรรค์เบื้องบนจริง คงต้องโดนลาถีบสมองก่อนเท่านั้นถึงจะไปที่นั่น ใช้ชีวิตให้รอดปลอดภัยจนถึงอายุสิบห้าก็พอแล้ว
ถ้าไม่อย่างนั้น…
หากเธอถูกโยนเข้าป่าทมิฬจริงๆ ต่อให้หนีออกมาได้ ก็ไม่ต้องใช้สถานะ ‘กู้ซีจิ่ว’ หนีออกมา…
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม การหมั้นหมายบ้าบอนี้เธอจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นแน่!
ไม่ถูกต้องสิ เดี๋ยวก่อน แล้วทำาไมเธอต้องเดินตามเส้นทางที่เขาวางไว้ด้วยล่ะ?!
“ท่านทูตสวรรค์เมื่อครู่ท่านบอกว่ามีทางเลือกให้ข้าสองทาง เช่นนั้นทางที่สองคืออะไร?”
“ทางเลือกที่สองง่ายมาก เจ้าไม่ต้องเป็นเด็กดีตามข้ากลับไป สามารถขัดขืนได้สุดกำลัง ข้าจะตีเจ้าให้สลบแล้วแบกกลับไป วันรุ่งขึ้นก็เริ่มทำการพิสูจน์เลย”
บ้าไปแล้ว! มีทางเลือกให้เธอทางเดียวชัดๆ นี่!
เคราะห์ดีว่าเธอบุกเบิกหนทางที่สามไว้ให้ตัวเองแล้ว…
เธอถอนหายใจ ลุกขึ้นยืน “เดิมทีข้าจะแลกปลาสามตัวกับการสงบศึกสามวัน แต่ดูเหมือนข้าคงเลือกได้แค่หนทางแรกเท่านั้น…”
“ฉลาดมาก! เช่นนั้นตามข้ากลับไปเถิด ดึกมากแล้ว…” ตี้ฝูอีก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน เขากำลังจะทำอะไรบางอย่าง จู่ๆ ก็ซวนเซ! เรือนกายสูงโปร่งโงนเงน…
“หวา ท่านเป็นอะไรไป? เมามากหรือ?” กู้ซีจิ่วถามเหมือนเป็นห่วงเป็นใย
ตี้ฝูอีพลันเงยหน้ามองเธอทันที ดวงตาแฝงแววเฉียบคมจางๆ ความกดดันที่ไร้รูปลักษณ์ทำให้หายใจไม่ออก
กู้ซีจิ่วยืนอยู่ไม่ไกล มองดูเขาอย่างเยือกเย็น ในมือยังถือหม้อเหล็กที่เพิ่งตุ๋นปลาเมื่อครู่
ตี้ฝูอีแย้มยิ้ม รอยยิ้มเยียบเย็นเล็กน้อย “เด็กน้อย เจ้ากล้ามาก ไม่นึกเลยว่าจะวางยาข้าได้!”
สุ้มเสียงเขาอ่อนโยนดั่งสายลมฤดูใบไม้ผลิ แต่กลับชวนให้รู้สึกหายใจไม่ออกอย่างไม่ทราบสาเหตุราวกับพายุกำลังมาเยือน จิตใจประหวั่นพรั่นพรึง
นัยน์ตากู้ซีจิ่วสุกสว่างเฉียบคม ไม่ได้ปฏิเสธ “ขออภัยด้วย”
ร่างกายตี้ฝูอีโงนเงนอีกครา ใบหล่อเหลาขึ้นสีเขียวคลํ้าจางๆ เห็น ได้ชัดเจนว่าพิษออกฤทธิ์แล้ว
เขายังประหลาดใจอยู่เล็กน้อย “สุราคือของข้า ปลาก็ไร้พิษ แล้วเจ้าวางยาข้าตอนไหน?”
กู้ซีจิ่วคลี่ยิ้ม น้ำเสียงก็อ่อนโยน “ปลาไร้พิษ สุราก็ไร้พิษ ส่วนอะไรมีพิษท่านลองเดาสิ ท่านเฉลียวฉลาดถึงเพียงนี้ย่อมเดาออกแน่นอน”
ตี้ฝูอีเงียบงัน เขาขยับกายคล้ายจะทำอะไรบางอย่าง แต่ขาทั้งสองข้างกลับอ่อนยวบกะทันหัน จึงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง เขามองเธอด้วยท่าทียิ้มไม่เชิงยิ้ม “เด็กน้อย เจ้าวางยาพิษข้าสองหนแล้ว!”