บทที่ 233
นี่หึงแล้วกระมัง?!
หลงซือเย่เอ่ย “ข้าจะไปหยิบมา”
เขาเดินไปได้สองก้าวก็พลันชะงัก หันกลับมามองกู้ซีจิ่ว เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างไม่วางใจ
“ไม่ไว้ใจหรือ? เช่นนั้นข้าจะไปกับท่านด้วย” กู้ซีจิ่วหัวเราะพลางลุกขึ้นมา
เธอเพิ่งจะลุกขึ้นก็ถูกคนดึงมือไว้
ตี้ฝูอียิ้มบางๆ “แค่หยิบสุราเท่านั้น เหตุใดต้องไปกันถึงสองคนด้วยเล่า?”
รอยยิ้มมุมปากเขาชวนลุ่มหลงดุจสุรา หว่าแววตากลับดูค่อนข้างเย็นชา
กู้ซีจิ่วหัวเราะอยู่ในใจ นี่เขาหึงแล้วกระมัง?! โมโหเธอแทบตายแล้วสินะเจ้าคนไม้ป่าเดียวกัน!
ตี้ฝูอีกุมข้อมือเธอค่อนข้างแน่น
กู้ซีจิ่วเองก็ทราบดีว่าสลัดไม่หลุด จึงโบกๆ มือ “เจ้าสำนักหลง ท่านโปรดไปหยิบด้วยตัวเองเถิด ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคงเกรงว่าพวกเราจะหลบหนี ดังนั้นถึงกักข้าไว้…”
หลงซือเย่พลันนิ่งงัน เหลือบตามองตี้ฝูอีแวบหนึ่ง “ในเมื่อนางตกลงว่าจะไปทดสอบแล้ว ท่านก็ไม่ควรสร้างความลำบากใจให้นางอีกมิใช่หรือ?”
นํ้าเสียงตี้ฝูอีเอื่อยเฉื่อย “ในระยะสั้นๆ นี้ข้าไม่ได้คิดสร้างความลำบากใจให้นาง แต่ถ้าท่านยังจู้จี้ต่อไปก็ไม่แน่…”
ด้วยเหตุนี้หลงซือเย่จึงไม่จู้จี้อีก หันหลังเดินจากไป
กู้ซีจิ่วมองแผ่นหลังของหลงซือเย่อยู่ตลอด ดวงตาฉายแววซับซ้อนรางๆ
ข้อมือพลันกระชับแน่น รัดจนเธอเจ็บเล็กน้อย กู้ซีจิ่วตวัดสายตากลับมา พยายามสลัดให้หลุด “ท่านจับจนข้าเจ็บแล้ว!”
ฝ่ามือตี้ฝูอีคลายออกเล็กน้อย แต่ไม่ได้ปล่อยเธอเป็นอิสระ “เด็กน้อย เจ้าระแวงว่าที่คู่หมั้นและยั่วเย้าชายอื่นคงไม่ดีกระมัง? เห็นข้าเป็นคนตายหรือ?”
กู้ซีจิ่วกระตุกยิ้มมุมปาก “เจ้าวังเห็นว่าซีจิ่วโง่เง่าจริงๆ ใช่ไหม? สัญญาหมั้นหมายทั้งหมดที่ท่านพูดเป็นเรื่องเหลวใหลทั้งสิ้น!”
“หมายความว่าอย่างไร?”
กู้ซีจิ่วตวัดสายตามองง่ามมือเขาแวบหนึ่ง บนนิ้วก้อยของเขายังสวมแหวนสีดำวงนั้นอยู่ กำลังเรืองแสงจางๆ
“แหวนนิลที่ท่านสวมอยู่ไม่ใช่ของหมั้นหมายอะไรทั้งนั้น แต่เป็นแหวนกู่เกศาดำ!”
ตี้ฝูอีมองแหวนบนนิ้ว แล้วมองดูเธอ พลันแย้มยิ้ม “เด็กน้อย เจ้ารอบรู้ไม่น้อยจริงๆ! เพียงแต่เจ้าเคยเห็นใครทำแหวนกู่เกศาดำเป็นหยกนิลได้รึ? หากมันเป็นแหวนที่เจ้าพูดถึง เช่นนั้นมันก็ควรจะเป็น เกศาดำถักมิใช่หรือ?”
“จะทราบได้อย่างไรว่าไม่ใช่วิธีตบตาของท่าน?” กู้ซีจิ่วเยาะหยัน
ตี้ฝูอีถอนหายใจ “เห็นทีการหมั้นหมายครานี้หากข้าไม่หาแหวนอีกวงมา เจ้าจะไม่ยอมรับใช่ไหม?”
กู้ซีจิ่วรินชาให้ตัวเองถ้วยหนึ่ง นํ้าเสียงเย็นชืดยิ่งกว่าชา “เดิมทีก็เป็นเรื่องไม่จริงอยู่แล้ว ท่านจะให้ข้ายอมรับอะไรเล่า?”
“เป็นเพราะหลงซือเย่หรือ?” นํ้าเสียงตี้ฝูอีเยียบเย็นเล็กน้อย
กู้ซีจิ่วเพียงหัวเราะโดยไม่กล่าวอะไร
ยามนี้ไม่พูดก็เท่ากับยอมรับโดยปริยาย ตี้ฝูอีมุ่นคิ้วเล็กน้อย นํ้าเสียงเย็นชากว่าเดิม “เจ้ากับเขาเป็นไปไม่ได้!”
เวรเอ๊ย ในที่สุดก็โผล่หางออกมาแล้วสินะ?!
ข้ากับเขาเป็นไปไม่ได้ เจ้ากับเขาใช่ไหมถึงจะเป็นไปได้?!
กู้ซีจิ่วหมุนถ้วยชาในมือเล่นอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน แล้วถามกลับว่า “อ้อ เช่นนั้นหรือ?”
เธอหัวเราะอีกครา “อันที่จริงต่อให้สัญญาหมั้นหมายที่ท่านพูดมาเป็นความจริง พวกเราก็ไม่น่าเป็นไปได้เช่นกัน หากข้าเป็นศิษย์ของสวรรค์เบื้องบน ภายในสองปีนี้ข้าไม่มีทางก้าวเข้าป่าทมิฬ แม้แต่ก้าวเดียว! หากว่าข้าไม่ใช่ ก็คงทิ้งชีวิตน้อยๆ ไว้ในป่า ความเป็นไปได้ที่จะรอดออกมาแทบไม่มีเลย สัญญาหมั้นหมายนี้ก็ไม่เป็นผลตามเดิม ดังนั้นสัญญาหมั้นหมายระหว่างข้ากับท่านถึงมีก็เหมือนไม่มี ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ”
ตี้ฝูอีมองนัยน์ตาพราวระยับของนาง “เจ้าคัดค้านสัญญาหมั้นหมายนี้มากหรือ?”
กู้ซีจิ่วก็ไม่ปฏิเสธ “ใช่แล้ว!”
เขาแย้มยิ้ม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าบนโลกนี้มีหญิงสาวมากมายเท่าใดที่อยากแต่งให้ข้าแต่ทำไม่ได้?”
กู้ซีจิ่วก็ยิ้มด้วยเช่นกัน “เช่นนั้นขอแสงความยินดีด้วยที่ท่านเป็นที่ต้องการถึงเพียงนี้ ท่านคัดเลือกหญิงสาวที่ชื่นชอบจากบรรดาคนเหล่านั้นมาตบแต่งเป็นภรรยาได้”