Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 211

บทที่ 211

ยังเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรไปเปล่าอยู่ดี!

หนนี้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเป็นหัวขบวน เมื่อรถม้าคันของเขาชะลอลง คันอื่นๆ ย่อมชะลอตาม

ก่อนหน้านี้รีบเร่งเดินทางอย่างนับพลัน ทุกคนล้วนหอบหายใจอยู่บ้าง ยามนี้ในที่สุดก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกได้ ทุกคนรีบร้อนจัดการเสื้อผ้าและผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงเพราะถูกลมพัด เพื่อไม่ให้นาย ท่านผู้รักความเป็นระเบียบเรียบร้อยเห็นแล้วต้องการลงโทษอย่างหนัก…

“นายท่าน จับนกสืบรอยได้อีกตัวแล้วขอรับ!” มีคนรายงานแก่ตี้ฝูอีที่อยู่ในรถ

“กฎเดิม ย่างเสีย” ตี้ฝูอีสั่งอย่างเกียจคร้าน

เด็กหนุ่มผู้ติดตามที่อยู่ด้านนอกตอบรับ “…ขอรับ”

เขามองนกในมือที่ดิ้นรนอย่างสุดกำลังด้วยความปวดใจยิ่ง นกสืบรอยหาได้ยากมาก หนึ่งตัวมูลค่ามหาศาล ยิ่งเป็นนกที่สำนักถามสวรรค์ใช้วิชาลับเลี้ยงมาด้วยแล้ว มูลค่าที่แท้จริงยิ่งไม่สามารถ ประเมินค่าได้ แต่ตอนนี้เพียงครึ่งวัน ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็สั่งย่างไปสามตัวแล้ว!

ถึงแม้รสชาติของนกชนิดนี้จะอร่อยมาก แต่…แต่ก็ยังเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรไปเปล่าอยู่ดี!

“นายท่านขอรับ ต้องการให้เดินทางตามแผนเดิมหรือไม่? ด้านหลังมีคนไล่ตามมา!” มีคนมารายงานที่หน้ารถ

“อยู่ไกลแค่ไหน?”

“ประมาณหนึ่งลี้ขอรับ คนผู้นั้นอำพรางกายไว้”

“เขาเข้ามาใกล้หนึ่งลี้แล้วค่อยพบตัว สายตาของนกอินทรีพวกเจ้ามีปัญหาแล้วหรือ?” นํ้าเสียงตี้ฝูอีเย็นเยียบเล็กน้อย

เด็กหนุ่มด้านนอกที่มารายงาน,ไม่กล้าพูดอะไร นกอินทรีขนทอง ตากลมตัวหนึ่งบนไหล่เขาหดคอลง เตรียมป้องกันกระจุกขนบนหัว ด้วยเกรงว่าจะถูกเผาทิ้ง

‘ฟิ้ว’ เข็มขัดเส้นใหญ่ถูกโยนออกมาจากรถ “นำเข็มขัดเส้นนี้ไปตัดเป็นชิ้นๆ วางแยกไว้บนรถม้า 12 คัน มุ่งหน้าไป 12 ทิศทาง”

เด็กหนุ่มผู้นั้นรับเข็มขัดไว้ จำได้ว่าสิ่งนี้อยู่บนร่างเศรษฐีอ้วนที่ก่อนหน้านี้นายท่านโอบไว้ในอ้อมแขน สีหน้าซับซ้อนเล็กน้อยอยู่แวบหนึ่ง ทว่าไม่กล้าถามมากความ รีบทำตามทันที

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกระทำการใดไม่ชมชอบอธิบายแก่ลูกน้อง หนนี้ พวกเขาก็ได้รับคำสั่งให้ไล่ตามมาเท่านั้น ไม่ทราบมาก่อนว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายต้องการจับกุมผู้ใด

ภายหลังเห็นท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายโอบเจ้าเศรษฐีอ้วนกลมผู้นั้นออกมาจากรถม้าของผู้อื่น ทุกคนคล้ายถูกสายฟ้าผ่าใส่ เพียงแต่ไม่กล้าถามเท่านั้น

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไม่ชมชอบให้ผู้คนเข้าใกล้ ปกติแล้วต่อให้เป็นคนงามปานเทพธิดาก็ยากนักที่จะได้เช้าใกล้เขาในระยะสามฉื่อ

บริวารเขารู้สึกว่านายท่านของพวกตนเป็นดั่งเทพเซียน ไม่เสวนากับมนุษย์ปุถุชนคนใด ไม่ใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้ใด และไม่มีอารมณ์ความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง เขาสมควรเป็นผู้สันโดษ สูงส่ง เหนือมวลชน ต่อมาได้ยินว่าเขาพากู้ซีจิ่วออกมาจากวังหลวง ทั้งยังจูงมือด้วย ถึงแม้จะมีผ้ากั้นกลางอยู่ชิ้นหนึ่ง เหล่าบริวารของเขาก็ตกตะลึงมากพอแล้ว รู้สึกว่าที่แท้นายท่านของพวกเขาก็สามารถใกล้ชิดกับ ผู้อื่นถึงเพียงนี้ได้ด้วย ภายหลังกู้ซีจิ่วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ในใจคนเหล่านี้ยังรู้สึก เสียใจอยู่บ้าง คิดว่ายากนักกว่านายท่านของพวกเขาจะมีคนที่ใกล้ชิดด้วยบ้าง แต่กลับหายตัวไปเช่นนี้ ทำให้อดรู้สึกเสียดายไม่ได้

แต่ทุกคนก็ไม่ได้ใส่ใจนัก

พวกเขาก็เคยได้ยินชื่อเสียงของกู้ซีจิ่วมาบ้าง ทราบว่าช่วงนี้นางโดดเด่นยิ่งนัก แต่ถึงอย่างไรใบหน้าก็ยังอัปลักษณ์อยู่ดี อีกอย่าง คือเป็นคู่หมั้นขององค์ชายสิบสองด้วย คนเช่นนี้เทียบไม่ได้แม้แต่นิ้วเท้าสักนิ้วของนายท่านพวกเขาด้วยซ้ำ

ต่อให้นายท่านหวั่นไหวกับสตรี ก็คงไม่หวั่นไหวกับสาวน้อยที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่งหรอก

สายฟ้าจากการที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจูงมือสาวน้อยอัปลักษณ์ พวกเขาสลายยังไม่ทันหมด ก็ต้องเห็นท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้สูงส่ง โอบเศรษฐีอัปลักษณ์ตัวอ้วนกลมออกมาอีก…

วินาทีนั้นในใจของทุกคนมีสายฟ้าถาโถมใส่อย่างจัง! เสียงดังกัมปนาทอยู่ในสมอง

สีหน้าของทุกคนยังคงสงบนิ่ง ทว่าในใจกลับคาดเดาไปต่างๆ นานา

เดิมทีเหล่าผู้ติดตามก็กังขาอยู่แล้วว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเป็น ชายรักชายหรือไม่ ถึงได้โอบกอดคนผู้นั้นแล้วให้ร่วมโดยสารรถคันเดียวกับเขา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version