Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 215

บทที่ 215

เธอทำได้เพียงรอความตายเท่านั้น!

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว

สีหน้าของโม่อวี่เยียนอีหลักอีเหลื่อเล็กน้อย กระแอมไอพลางกล่าว “นี้คือถ้อยคำที่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายสั่งให้บ่าวถ่ายทอดเจ้าค่ะ”

“แล้วท่านทูตสวรรค์ของพวกเจ้าล่ะ?” กู้ซีจิ่วถามหยั่งเชิง

“ท่านทูตสวรรค์กำลังยุ่งอยู่กับเรื่องทดสอบสานุศิษย์สวรรค์เบื้องบนเจ้าค่ะ กล่าวตามหลักแล้วแท่นเบิกสวรรค์สามารถเปิดใช้ได้เพียงเดือนละครั้ง แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้คุณหนูกู้ผู้นั้นหายตัวไป กะทันหัน ไม่อาจทดสอบได้ ท่านทูตสวรรค์เตรียมเปิดอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นท่านจึงต้องตระเตรียมข้าวของบางส่วนเจ้าค่ะ”

กู้ซีจิ่วตะลึงงัน ที่แท้เขายังต้องการทดสอบเธออยู่!

เธอยังหลงนึกว่าเขารู้ผิดชอบชั่วดีไม่สร้างความสำบากให้เธออีกต่อไป!

ที่แท้เขาพาเธอมากักขังไว้ที่นี่ เพื่อเตรียมทดสอบในวันพรุ่งนี้นี่เอง

กู้ซีจิ่วทราบชัดเจนดี วรยุทธ์ของตนเรียนมาจากยุคปัจจุบัน ไม่เกี่ยวข้องกับความสามารถที่สวรรค์ประทานให้

หากแท่นเบิกสวรรค์ใช้ได้ผลจริง เช่นนั้นย่อมจับได้แน่ว่าเธอเป็น ของปลอม!

เมื่อถึงเวลานั้น โทษทัณฑ์จะทยอยมาไม่ขาดสาย เธอทำได้เพียงรอความตายเท่านั้น!

ในว้งคํ้านภาแห่งนี้ก็ไม่รู้ว่าติดตั้งอะไรไว้ วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาของกู้ซีจิ่วสามารถใช้งานได้แค่ครึ่งๆ กลางๆ เมื่ออยู่ที่นี่

ความหมายของครึ่งๆ กลางๆ คือ เธอสามารถเคลื่อนย้ายได้หลายสิบเมตร แต่มีเงื่อนไขคือเบื้องหน้าต้องไม่มีสิ่งกีดขวางใดอยู่ มินะนั้นเธอจะชนผนังหรือติดต้นไม้

อันที่จริงครึ่งๆ กลางๆ เช่นนี้ก็ไม่ต่างกับวิชาตัวเบาที่ค่อนข้างลํ้าเลิศมากนัก ไม่ได้เยี่ยมยอดเท่าใดสำหรับยอดฝีมือมากมายของวังคํ้านภา

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไม่ได้อธิบายความเป็นมาของกู้ซีจิ่วให้คนในวังทราบ บอกเพียงว่าเธอแซ่กู้ และชี้แจงว่าเธอเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก กำชับ พวกนางให้จับตามองดีๆ หากหนัไปได้พวกนางจะต้องถูกไต่สวน!

ปัจจุบันวังคํ้านภามีสาวใช้ประจำการอยู่ 36 คน บ่าวรับใช้ 36 คน ถึงแม้วรยุทธ์ของพวกเขาจะเทียบกับคนทั้งแปดที่ติดตามอยู่ข้างกายทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไม่ได้ แต่ก็เป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือด้วยกัน ผนวกกับมาตรการป้องกันพิเศษของวังคํ้านภา ต่อให้คนระดับเดียวกับผู้อาวุโสของสามสำนักหลักถูกขังไว้ที่นี่ ก็อย่าได้คิดว่าจะหนีออกไปได้!

คนที่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายพากลับมาด้วยตัวเอง ทั้งยังจัดแจงเรือนพักให้ด้วยตนเอง ความโปรดปรานเช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อน

คนในวังด้านหนึ่งก็ทอดถอนใจกับรสนิยมอันแปลกประหลาดของเจ้าวังพวกตน อีกด้านหนึ่งก็พยามรับใช้เธออย่างสุดความสามารถ และจับตามองเธอไม่ให้คลาดสายตา…

กู้ซีจิ่วสามารถเดินเตร็ดเตร่ในวังคํ้านภาได้ตามสบาย แต่ออกนอกวังไม่เด็ดขาด ไม่ว่าเธอจะไปไหนล้วนแต่มีคนคอยเดินตาม ด้านนอกก็มีคนคอยเฝ้าอยู่มากมาย

โม่อวี่เยียนรู้สึกว่าเศรษฐีอ้วนผู้นี้เปี่ยมกำลังวังชายิ่งนัก หลังจากตื่นมาก็เดินเตร็ดเตร่ไปทั่ววังคํ้านภาตลอด นอกจากตอนกินอาหารทั้งสองมือแล้ว เขาก็ไม่หยุดพักเท้าเลย

“ตรงนั้นคือที่ไหน?” มืออ้วนๆ ของกู้ซีจิ่วชี้ไปยังหอขนาดเล็กสีขาว ทรงแปดเหลี่ยมแบบโบราณหลังหนึ่ง

“ตรงนั้นคือห้องหนังสือของท่านทูตสวรรค์เจ้าค่ะ” โม่อวี่เยียนที่ติดตามมาอธิบาย

กู้ซีจิ่วหักเลี้ยวทันที เมื่อมาถึงด้านหน้าหอขาวทรงแปดเหลี่ยมหลังนั้น โม่อวี่เยียนยังไม่ทันกล่าวห้ามปราม เธอก็ผลักประตูเข้าไปแล้ว

ภายในหอสะอาดสะอ้านยิ่ง เครื่องเรือนสะอาด ชั้นหนังสือสะอาด โต๊ะหนังสือก็สะอาด…

“หนังสือเหล่านี้คือหนังสือที่ท่านทูตสวรรค์สะสมไว้เจ้าค่ะ ส่วนใหญ่ เป็นหนังสือหายากที่มีอยู่เพียงเล่มเดียว หากนำหนังสือในนี้ออกไปด้านนอก คนมากมายต้องแย่งชิงกันอย่างดุเดือดเป็นแน่” โม่อวี่ เยียนซึ่งอยู่ด้านหลังกู้ซีจิ่วอธิบาย

กู้ซีจิ่วพยักหน้า กล่าววาจาว่า “เช่นนั้นพวกเจ้าก็มีวาสนาแล้วที่ได้อ่านหนังสือสะสมเหล่านี้ของเขา”

โม่อวี่เยียนส่ายศีรษะ “หนังสือสะสมเหล่านี้พวกเราอ่านไม่ได้เจ้าค่ะ เว้นแต่พวกเราสร้างผลงานได้ เจ้าวังถึงจะอนุญาตให้เลือกหนังสือหนึ่งเล่มออกมาอ่านครึ่งชั่วยาม”

ใจดำขนาดนี้เลยหรือ?! นิสัยเขาเหมือนพวกโรคจิตจริงๆ ด้วย!

กู้ซีจิ่วมองประตูหอที่ไม่ได้ลงกลอนไว้ ที่นี่ไม่มีแม้แต่คนเฝ้ายามด้วยซ้ำ บ่าวรับใช้เหล่านี้เชื่อฟังขนาดนั้นเชียวหรือ?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version