บทที่ 243
เป็นเพราะหลงซือเย่หรือ?
“จอกสุราใบนี้ของข้าดูดีมากหรือ? เจ้าจ้องจนมันจะมีดอกไม้งอกออกมาแล้ว” ตี้ฝูอีเอ่ยพลางโคลงจอกสุราในมือ
กู้ซีจิ่วดึงสติกลับมา มองจอกสุราของเขารอบหนึ่ง แล้วกล่าวชมเชยตามสัญชาตญาณ “จอกสุราใบนี้ของท่านไม่เลวเลย”
“อะไรคือไม่เลว? จอกสุราใบนี้ของข้ามีเพียงหนึ่งเดียว ในโลกนี้ไม่มีชุดที่สองอีกแล้ว” ตี้ฝูอีไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่าการถ่อมตัวเลยสักนิด เขาหยิบกาสุราที่เข้าชุดกับจอกสุราออกมา กาสุราหนึ่งใบ จอกสุราสองใบ ดูไปแล้วเข้ากันอย่างยิ่ง
กู้ซีจิ่วตอบอืมเบาๆ แล้วไม่กล่าววาจาอีก
ตี้ฝูอีเหลือบมองนางสองครา นัยน์ตาฉายแววครุ่นคิดแวบหนึ่ง ไม่กล่าวอะไรเช่นกัน และชันขาข้างหนึ่งขึ้นนั่งเอื่อยเฉื่อยอยู่ตรงนั้น
เด็กสาวผู้นี้เฉลียวฉลาดยิ่งนักมาโดยตลอด เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาจะระมัดระวังตัวมากเสมอ พร้อมจะหลบหนีตลอดเวลา แถมนางยังหลบหนีไปได้หลายต่อหลายครั้งจริงๆ ทำลายสถิติการไล่ล่าคนของเขาไป…
ครั้งนี้ดูเหมือนนางจะยอมรับชะตากรรมแล้ว ถึงได้เหม่อลอยอยู่บ่อยครั้ง!
เป็นเพราะหลงซือเย่หรือ?
คำตอบแทบจะแน่นอนอยู่แล้ว!
เขารินสุราให้ตัวเองหนึ่งจอก ค่อยๆ ลิ้มชิมรส
กู้ซีจิ่วที่อยู่ตรงข้ามเหม่อลอยไปชั่วขณะ ไม่นึกว่าจะยื่นมือมาสัมผัสกาสุราของเขาเช่นกัน เธอรินสุราใส่จอกที่เหลืออีกใบ จากนั้นก็ประคองขึ้นมาดื่ม
ขณะที่กำลังจะแนบชิดริมฝีปาก นิ้วมือกระจ่างดั่งหยกขาวนิ้วหนึ่ง พลันกดขอบจอกไว้ “สุรานี้เจ้าดื่มไม่ได้!”
กู้ซีจิ่วได้สติ ในที่สุดก็เงยหน้ามองเขา “ทำไมล่ะ?”
เธอได้กลิ่นสุรานี้แล้วผ่อนคลายยิ่งนัก
“อืม เด็กๆ ดื่มสุราไม่ได้ ดื่มมากแล้วสมองจะโง่งม” ตี้ฝูอีเอื้อมไปดึงจอกสุราในมือเธอมา นํ้าเสียงเฉยชา “สุราของข้า มีข้าดื่มได้คนเดียว”
“อ้อ” กู้ซีจิ่วตอบรับแล้วไม่พูดอะไรอีก พร้อมส่งจอกสุราใบนั้นคืนให้เขาไป
ตี้ฝูอีเงียบงัน
ในการสนทนา คนทั้งสองต้องมีความสนใจถึงจะเริ่มบทสนทนากันได้ หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแทบไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดดุจเป็นท่อนไม้ เช่นนั้นอีกฝ่ายก็จะเบื่อหน่ายอย่างรวดเร็ว
‘เจ้านายๆ อย่าเหม่อลอยสิ อยู่ต่อหน้าคนผู้นี้ท่านก็กล้าเหม่อลอยอีก! อยากตายหรือไง?’ หยกนภาส่งเสียงเรียกอยู่ในหัวกู้ซีจิ่ว
ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ได้สติ เงยหน้ามองตี้ฝูอีที่อยู่ตรงข้าม
หัวใจเต้นแรงเล็กน้อย!
ตี้ฝูอีนั่งอยู่ตรงนั้น กำลังมองดูเธอ ในดวงตาดำขลับคู่นั้นราวกับมีกระแสน้ำวนแฝงอยู่ แววตายากจะคาดเดา
สายตาของเขาราวกับมีรูปร่าง ยามตกลงบนร่างเธอก่อให้เกิดความกดดันอย่างน่าประหลาด ทำให้เกิดความรู้สึกวิงเวียน
กู้ซีจิ่วหลับตาลงเล็กน้อย เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็มีสติแจ่มชัดแล้ว เธอมองไปรอบๆ มวลเมฆล่องลอยรอบกาย ริ้วเมฆเคลี่อนคล้อยดุจกระสวยทอผ้า ลอยผ่านไปยังด้านหลังอย่างรวดเร็ว
เธอนึกถึงคำว่า ‘คู่สร้างคู่สม’ ขึ้นมาอีก อดจะหัวเราะเยาะไม่ได้!
คู่สร้างคู่สมเป็นแค่นิหานหลอกเด็ก หากเป็นคู่ครองในความเป็นจริง เกรงว่าอาจมีแผนร้ายอะไรอยู่เบื้องหลัง น่ารังเกียจจทำให้คนอยากจะหัวเราะ
“ได้สติแล้วหรือ?” ตี้ฝูอีเคาะโต๊ะด้วยปลายนิ้ว เสียงหยกดังแผ่วเบา ประหนึ่งจะเคาะเข้าไปในหัวใจคน หำให้หัวใจของกู้ซีจิ่วเต้นรัวโดยไร้สาเหตุ!
“มีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้นที่กล้าใจลอยต่อหน้าข้าอยู่เนืองๆ” ตี้ฝูอี กล่าวอย่างเอื่อยเฉื่อย
“ขออภัย” กู้ซีจิ่วเอ่ยสามคำ
ตี้ฝูอีกล่าวอีก “เป็นหลงซือเย่ที่กระต้นอารมณ์เจ้าใช่ไหม? หรือเป็นโลงน้ำแข็งใบนั้นที่กระต้นอารมณ์เจ้า?”
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว “ทั้งสองสิ่งนี้แตกต่างกันด้วยหรือ?”
“แตกต่าง! หากเป็นเพราะหลงซือเย่ เจ้าเหม่อลอยเนื่องจากเศร้าใจ หากเป็นเพราะโลงผลึกน้ำแข็ง เจ้าเหม่อลอยเพราะคิดหาวิธีทำลายมันใช่หรือไม่?”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน
“เจ้ายังไม่ได้ตอบว่าเป็นเพราะอะไร?” ตี้ฝูอีไม่ละความพยาม