Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 28

บทที่ 28

เขายังมีโอกาสวางแผนอีก

กู้ซีจิ่วเหลือบมองกู้เซี่ยเทียนแวบหนึ่ง เธอคิดไม่ถึงเลยว่าบิดาแท้ๆ ของร่างนี้จะเป็นผู้ลงมือทำลายจดหมายเสียเอง!

เห็นทีกู้เซี่ยเทียนผู้นี้จะยินยอมให้บุตรสาวถูกเข้าใจผิด และไม่กล้าจะทวงความยุติธรรมจากราชวงศ์ให้แก่บุตรสาว…

มีบิดาเช่นนี้ช่างทำให้รู้สึกผิดหวังเสียจริง สายตาของเธอเย็นชายิ่งขึ้นไปอีก ทำให้กู้เซี่ยเทียนที่ถูกมองรู้สึกเหน็บหนาวในหัวใจ เขาทราบดีว่าการกระทำเช่นนี้ไม่เป็นธรรมกับบุตรสาว จึงรู้สึกละอายใจเล็กน้อย เลยคิดหาวิธีเพื่อชดเชยให้ “จริงสิ องค์ชายสิบสองพะย่ะค่ะ เรื่องนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าซีจิ่วไร้มลทิน เช่นนั้น เรื่องการหมั้นหมาย?”

องค์ชายหรงเหยียนในยามนี้ไหนเลยจะกล้ากล่าวเป็นอื่นได้ได้แต่ตอบไปว่า “การหมั้นหมายย่อมเป็นไปตามเดิม หลังจากที่ข้ากลับวังไปแล้วจะกราบทูลต่อเสด็จพ่อ หารือเกี่ยวกับฤกษ์สมรส เพื่อมาสู่ขอน้องซีจิ่ว”

เขาทราบดีว่าเมื่อเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว เขาต้องแสดงท่าทียินดีถึงจะสามารถกลบเกลื่อนเรื่องนี้ไปได้… ส่วนกู้ซีจิ่ว อย่างไรเสียนางก็ยังเด็กอยู่ หลังจากอายุครบ 15 ปีถึงจะแต่งงานได้ยังเหลือเวลาอีก 2 ปี เขายังมีโอกาสวางแผนอีก ในกรณีเลวร้ายที่สุด ต่อให้เขาต้องแต่งกับตัวอัปลักษณ์นี้จริงๆ ก็ค่อยหาทางกำจัดนางทิ้งในภายหลัง…

ทว่ากู้เทียนฉิงกลับรู้สึกกระวนกระวายอยู่บ้าง นางได้มอบกายให้องค์ชายหรงเหยียนไปแล้ว หากองค์ชายหรงเหยียนต้องแต่งกับกู้ซีจิ่วจริงๆ แล้วนางล่ะจะให้อยู่ในฐานะอะไร? อนุหรือ?! จะเป็นไปได้อย่างไร?!

สายตาของนางจ้องมองไปที่องค์ชายหรงเหยียนอย่างอดไม่อยู่ องค์ชายหรงเหยียนกลับส่งสายตาเพื่อบอกให้นางอย่าวู่วาม เขาจะลองหาวิธีอื่นดู…

ทั้งสองคนสื่อสารกันผ่านสายตา โดยไม่ต้องใช้คำพูดใดๆ

กู้ซีจิ่วลอบยิ้มหยัน ผลลัพธ์ในครั้งนี้เป็นไปตามที่เธอคาดการณ์เอาไว้ แม้แต่การดีดลูกคิดรางแก้วขององค์ชายหรงเหยียนเธอก็สามารถเดาได้เกือบทั้งหมด

เธอรังเกียจผู้ชายเฮงซวยอย่างองค์ชายหรงเหยียนยิ่ง จึงคิดจะถอนหมั้นอย่างไม่ลังเลใจ

แต่คงไม่ใช่วิธีการเดียวกันกับหญิงร้ายชายเลวคู่นี้! เธอย่อมมีวิธีการของเธอเอง…

‘คนพวกนี้คิดว่าจะกลบเกลื่อนเรื่องนี้ได้โดยไม่มีใครรู้ใครเห็นสินะ เกรงว่าจะไม่ง่ายดายเช่นนั้นหรอก หึๆ’

เหตุการณ์วุ่นวายเช่นนี้ผู้คนสามารถเข้าใจได้ทันทีโดยไม่ต้องมีคำอธิบายใดๆ ให้ลึกซึ้ง กู้เซี่ยเทียนกำลังคิดจะเชื้อเชิญทุกคนไปที่สวนดอกไม้เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ จู่ๆ ทหารยามรักษาการณ์ด้านนอกจวนก็วิ่งตาลีตาเหลือกเข้ามาแล้วรายงานคดีใหญ่สะเทือนขวัญแก่ใต้เท้าฮู่ ว่า… เล่อฮวาโหวผู้โด่งดังถูกคนลอบสังหารจนสิ้นชีพในคฤหาสน์ที่ภูเขาหนิงอู่!

หรงเฟิงอี้บิดาของเล่อฮวาโหวเศร้าโศกเสียใจยิ่งนักจึง เข้าวังมาร้องห่มร้องไห้กราบทูลต่อเบื้องพระพักตร์องค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดิพิโรธเป็นอย่างยิ่ง ทรงมีบัญชา ให้สามกรม อันมีกรมอาญา ศาลต้าหลี่ และกรมวังตรวจสอบคดีนี้อย่างละเอียด…

ทุกคนที่อยู่ในเรือนเมื่อได้ยินข่าวนี้ต่างหน้าถอดสี ใต้เท้าฮู่เหลือบมององค์ชายหรงเหยียนแวบหนึ่งอย่างอดไม่ได้ ด้วยสีหน้าแข็งทื่อปานเหล็ก

เรื่องที่ปองร้ายบุตรสาวแม่ทัพใหญ่เขาสามารถช่วยองค์ชายปิดบังไว้ได้ แต่คดีของเล่อฮวาโหวที่เกิดขึ้นนี้ เกรงว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว!

เขาไม่พูดอะไรสักคำก็หันหลังเดินจากไป

องค์ชายหรงเหยียนย่อมเข้าใจว่าใต้เท้าฮู่ผู้นั้นกำลังสงสัยอะไร เขาพูดอะไรไม่ออกสักคำ ได้แต่นิ่งอึ้งตะลึงงัน

องค์ชายหรงเช่อใช้พัดจีบตบบ่าเขาเบาๆ ถอนหายใจออกมา แล้วเอ่ยกับเขาประโยคหนึ่ง “น้องสิบสอง หนนี้เจ้าเล่นแรงเกินไปแล้ว”

“ไม่ใช่ข้านะ!” องค์ชายหรงเหยียนแย้งออกมาอย่างอดไม่ได้ทว่าองค์ชายหรงเช่อหันหลังเดินจากไปแล้ว จึงเหลือเพียงเสียงของเขาดังสะท้อนอยู่ในเรือนที่ว่างเปล่า

คดีของเล่อฮวาโหวที่เกิดขึ้น สะเทือนขวัญทั้งขุนนางและราษฎร

ทั้งกรมอาญา ศาลต้าหลี่[1] กรมวังต่างพากันยุ่งวุ่นวายอยู่กับการสืบคดี ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ประชาชนต่างลอบปรบมือยินดี

สองวันต่อมา

ณ จวนพระอนุชาขององค์จักรพรรดิ

ความมืดมิดเข้าปกคลุม ราตรีกาลได้มาเยือนแล้ว

หลูอ๋องหรงเฟิงอี้ผู้เต็มไปด้วยความโศกาอาลัย กำลังอยู่ในห้องหนังสือพลางครุ่นคิดว่าที่แท้แล้วใครคือฆาตกรที่สังหารบุตรชายตน พลันมีลมสายหนึ่งพุ่งเข้ามากระแทกกับเสาห้องหนังสือจนเกิดเสียงดังปึก ทำให้เขาตกใจ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบกริชเล่มหนึ่งปักอยู่บนเสา ภายใต้กริชมีจดหมายฉบับหนึ่งอยู่

……………………………….

[1] ศาลต้าหลี่ เป็นศาลอาญาในสมัยโบราณ ใช้ตัดสินโทษหรือคดีของเชื้อพระวงศ์และขุนนางโดยเฉพาะ มีเจ้ากรมอาญาเป็นผู้พิพากษา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version