Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 461

บทที่ 461

ร่วมเป็นร่วมตาย 6

ถึงแม้เธอจะทำให้เจ้าหอยยักษ์หุบปากได้ แต่ความคิดนับไม่ถ้วนก็วนเวียนกลับไปกลับมาอยู่ในสมองเธอ ทำให้เธอสงบใจทำสมาธิไม่ได้

เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กู้ซีจิ่ว ไม่จำเป็นต้องคิดมากขนาดนี้ เธอกับคนคนนี้ไม่เกี่ยวข้องกันอีก ในเมื่อชาตินี้เลือกจะมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องนึกถึงคนที่ไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันเหล่านี้!

เธอลุกขึ้นมา กระโดดขึ้นหลังเพรียกวายุ “พวกเราไปกันเถอะ!”

……………………….

หนนี้กู้ซีจิ่วออกมาได้อย่างราบรื่น ไม่ประสบอุบัติเหตุใดๆ อีก

เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เธอค่อนข้างประหลาดใจมากคือ เธอไม่พบการซุ่มโจมตีใดๆ นอกป่าทมิฬเลย ภายนอกปลอดโปร่งแจ่มใส ตะวันรอนอ่อนแสง สายลมรำเพย อากาศแจ่มใสอย่างยิ่ง

ลำบากตรากตรำอยู่ในป่าทมิฬมาเนิ่นนานปานนั้น อากาศที่หายใจแทบจางหายไปหมด ทั้งยังเจือกลิ่นอายชื้นแฉะของป่าทมิฬ ไม่ได้เห็นท้องฟ้ามาตลอด

ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เห็นท้องฟ้าบนยอดเขาที่สี่สักครั้ง ซือเฉินที่เป็นตี้ฝูอีปลอมตัวมาก็เอาแต่ซักถามกวนประสาทเธอหลายประโยคแล้วจากไปเพียงลำพัง

แต่หลังจากตี้ฝูอีจากไปแล้ว ป่าทมิฬก็กลับสู่สภาพเดิม มองไม่เห็นแสงนภาสักเสี้ยว

ตอนนี้ในที่สุดก็ได้เห็นท้องฟ้าแล้ว เธอสูดอากาศบริสุทธิ์สดชื่น รู้ว่าปอดขยายออกอย่างผ่อนคลาย ความอึดอัดที่คับแน่นอยู่ในทรวงสลายไปไม่น้อย

เธอยืนอยู่นอกป่าทมิฬ บิดเอวเล็กน้อย

ในที่สุดก็ออกมาแล้ว!

ซ้ำยังเหลืออีกตั้งหนึ่งวันกว่าจะถึงระยะเวลาที่ตี้ฝูอีกำหนดไว้!

“จิ๊บๆ…” วิหคน้อยสีสันสดใสโฉบผ่านยอดศีรษะเธอ จากนั้นก็บินจากไป

กู้ซีจิ่วเหลือบมองวิหคน้อยตัวนั้นทว่าไม่ได้ใส่ใจ เธอลูบขนเพรียกวายุ เป็นครั้งแรกที่เพรียกวายุออกมาจากป่าทมิฬ นอกจากตื่นเต้นแล้วมันยังค่อนข้างกังวลด้วย กู้ซีจิ่วรับรู้ถึงความกังวลของมัน “เป็นอะไร? กังวลหรือ?”

เพรียกวายุเชิดหน้ากู่ร้องยาวๆ ใช้หัวถูไถฝ่ามือเธอ

ตั้งแต่ตอนที่กู้ซีจิ่วช่วยชีวิตมันจากกรงเล็บของศพพิษทั้งสอง มันก็ยอมถวายชีวิตให้เธอแล้ว

มันเป็นกังวลจริงๆ แม้แต่ขนบนหัวก็สั่นสะท้าน

นอกป่าทมิฬมีมนุษย์อยู่มากมายนัก แถมมนุษย์ยังชอบไล่ล่าพวกมันด้วย…

กู้ซีจิ่วเงยหน้าแล้วหัวเราะ “อย่ากลัวไปเลย โลกนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เจ้าคิดหรอก วางใจเถอะ ทุกอย่างมีข้าอยู่”

เสียงหัวเราะของเธอใสกระจ่าง มีพลังทำให้หัวใจคนสงบได้ เพรียกวายุถูไถเธอ ในที่สุดขนบนยอดศีรษะก็ไม่สั่นไหวอีกต่อไป

กู้ซีจิ่วขึ่เพรียกวายุทะยานลงเขา ที่ตีนเขาเธอเห็นโรงนํ้าชาขนาดใหญ่หลังหนึ่ง…

โรงนํ้าชาหลังนั้นมีขนาดไม่เล็กเลยจริงๆ กินพื้นที่ถึงห้าหมู่ มองไกลๆ แล้วยิ่งใหญ่จนหมือนจะบดบังนภาได้ ครองพื้นที่เนินเขาใหญ่ทั้งลูก

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว บังคับสัตว์พาหนะ ถึงแม้สถานที่นี้จะอยู่นอกป่าทมิฬแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ยังเปลี่ยวร้างผู้คนอยู่ แล้วจะมีโรงน้ำชาที่มีเนื้อที่กว้างใหญ่ถึงเพียงนี้อยู่ในสถานที่เช่นนี้ได้อย่างไร?

ขายนํ้าชาให้นกและสัตว์ที่ผ่านทางมาหรือ?

จะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ กู้ซีจิ่วมองผ้าม่านที่ห้อยอยู่รอบๆ มองเห็นสภาพด้านในของโรงนํ้าชาไม่ชัดเจน ปลายนิ้วแตะด้ามดาบลํ้าค่า

ผ้าม่านรอบโรงนํ้าชาสะอาดสะอ้านประณีตยิ่งนัก วัสดุดูเหมือนจะธรรมดาทว่าเป็นผ้าไหมชั้นเลิศ

ในโรงนํ้าชาเงียบมาก เงียบราวกับสถานที่แห่งนี้ถูกผู้คนทอดทิ้งแล้ว แต่กู้ซีจิ่วก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีกระดิ่งเงินห้อยที่ส่องประกายยิ่ง ห้อยอยู่สี่มุมของโรงนํ้าชา เมื่อลมโชยผ่านกระดิ่งเงินก็จะดังติงๆ เสียงใสเสนาะยิ่งนัก

เธอมองไปยังผืนป่าที่อยู่ไม่ไกลจากด้านหลังโรงนํ้าชา

ในป่าก็เงียบมากเช่นกัน แต่ในส่วนลึกของป่ามีเสียงเคลื่อนไหวแว่วๆ อยู่บ้าง

มีการซุ่มโจมตีรึ?

กู้ซีจิ่วค่อนข้างคลางแคลง

มีคนซุ่มโจมตีก็ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของเธอ แต่การสร้างโรงน้ำชาขนาดใหญ่เพื่อซุ่มโจมตีเธอจะไม่พิลึกไปหน่อยหรือ?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version