Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 473

บทที่ 473

พบพานในบ่อน้ำพุร้อนอีกครา 1

ตี้ฝูอีตกตะลึง ร่างกายเขาดิ่งลงน้ำเสียงดังตูม…

………………………….

กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าตนต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!

เธอจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าตนกำลังไปรายงานตัวที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ เดินทางไปสำนักศึกษานั้นโดยนั่งรถม้าที่เทพศักดิ์สิทธิ์ส่งมา สารถีของเธอคือทูตเจี่ยงซั่นที่แม้แต่จักรพรรดิก็ต้องประสานมือให้ความเคารพ…

เธอจำได้ชัดเจนว่าตนอยู่ในรถม้า ยามนั้นยังพะวงถึงเพรียกวายุของตนอยู่เลย…

แต่เวลาถัดมาเธอก็พบว่าตัวเองกลับมาอยู่ในโรงน้ำชาแห่งนั้นอีกแล้ว เพียงแต่โรงน้ำชาถูกรื้อถอนไปแล้วครึ่งหนึ่ง จักรพรรดิซวนและข้าราชบริพารล้วนจากไปแล้ว ตรงที่เดิมยังมีเพียงทหารรักษา พระองค์ไม่กี่สิบนายกำลังเก็บกวาดข้าวของ จัดการปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลังให้จักรพรรดิซวน

เธอหันไปรอบๆ โรงนํ้าชา จากนั้นก็พบว่าตัวเองเสมือนไร้ตัวตน ผู้คนในโรงน้ำชาเหล่านั้นไม่พบเห็นการมีอยู่ของเธอเลยสักคน

เพรียกวายุล่ะ?

เธอครุ่นคิดแวบหนึ่ง ไม่รู้ด้วยเหตุใดจึงหันไปทางด้านหลังโรงน้ำชา ในที่สุดก็มองเห็นเพรียกวายุแล้ว…

คงเป็นเพราะไม่พบเจ้านายตน เพรียกวายุที่หวาดกลัวคนแปลกหน้าและมีอคติต่อมนุษษ์อย่างใหญ่หลวงจึงจ้องมองคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยท่าทีระแวดระวัง ยกขาหน้าขึ้นตะกุย คำรามเสียงต่ำเป็น การขู่

ผู้ที่ยืนโบกพัดอยู่เบื้องหน้ามันคือองค์ชายแปดหรงเช่อ

การขู่ของเพรียกวายุดูเหมือนจะไม่มีผลกับเขาเลย “ข้าจะพาเจ้าไปพบเจ้านายของเจ้าไงเล่า มองเป็นศัตรูเช่นนี้คงไม่ดีกระมัง?”

เห็นได้ชัดว่าเพรียกวายุไม่เชื่อเขา เมื่อเห็นเขาก้าวย่างบีบต้อนเข้ามา เส้นขนบนกระหม่อมมันก็ค่อยๆ ตั้งชันขึ้น

อย่างไรเสียกู้ซีจิ่วก็ร่วมทางกับเพรียกวายุมาระยะหนึ่ง จึงรู้ว่าท่าทางนี้ของมันคือการเตรียมโจมตี เมื่อเธอคิดจะเขยิบเข้าไปใกล้ตามสัญชาตญาณ คิดไม่ถึงว่าร่างองค์ชายหรงเช่อจะไหววูบ ตัวคนขึ้นไปอยู่บนหลังเพรียกวายุแล้ว เพรียกวายุยังพองขนไม่ทันเสร็จ ฝ่ามือเขาก็ลูบเขาแหลมบนศีรษะของมันเบาๆ “ว่าง่ายๆ หน่อยสิ!”

เพรียกวายุพลันสะท้านไปทั้งร่าง หยุดนิ่งไปจริงๆ

หรงเช่อโน้มกายไปด้านหน้า เข้าประชิดใบหูเพรียกวายุ คล้ายกล่าวอะไรหลายประโยค

เพรียกวายุผงกหัวเล็กน้อย จากนั้นก็เริ่มก้าวไปด้านหน้า หรงเช่อยิ้มนิดๆ “แบบนี้สิเด็กดี อีกไม่กี่วันข้างหน้าพอนายของเจ้าได้พบเจ้าจะต้องดีใจมากแน่นอน”

เพรียกวายุที่หยิ่งพยศ ยอดฝีมือถึงเจ็ดแปดคนยังปราบให้เชื่องไม่ได้ แต่เขาพูดจาสองสามคำก็ทำให้เชื่องได้แล้ว ดูว่าง่ายยิ่งกว่าแกะน้อยเสียอีก

กู้ซีจิ่วประหลาดใจจนเลิกคิ้วขึ้นสูง นึกไม่ถึงว่าองค์ชายหรงเช่อมีความสามารถในการฝึกสัตว์ให้เชื่องเช่นนี้ ทำให้เธอต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่

“เจ้าแปด!” ไม่รู้ว่าหรงเจียหลัวโผล่ออกมาจากหลืบมุมใด สกัดทางหรงเช่อที่ขี่เพรียกวายุอยู่ได้พอดี

หรงเจียหลัวก็ดูประหลาดใจมากเช่นกัน “ไม่นึกว่าเจ้าจะสยบมันได้…”

หรงเช่อประสานมือไปทางเขา คลี่ยิ้มสุภาพอ่อนโยน “เพียงโชคดีๆ อาจเป็นเพราะมันค่อนข้างถูกชะตากับน้องกระมัง? เสด็จพี่สาม สัตว์ตัวนี้จำเป็นต้องส่งไปให้ซีจิ่วโดยเร็ว มิเช่นนั้นเกรงว่านางจะ เป็นกังวล น้องคงต้องล่วงหน้าไปก่อนแล้ว”

พัดจีบเคาะลงบนศีรษะเพรียกวายุเบาๆ เรือนกายเพรียกวายุห้อทะยาน พุ่งจากไปปานสายฟ้า

หรงเจียหลัวนิ่งเงียบ…

เขายืนอยู่ที่เดิมมองเงาร่างหรงเช่อที่กลายจุดดำเล็กๆ ภายในชั่วพริบตา ใจลอยไปชั่วขณะ

“องค์รัชทายาทพะย่ะค่ะ ฝ่าบาทให้ท่านหรือองค์ชายแปดคนใดคนหนึ่งไปก็พอ ในเมื่อองค์ชายแปดพาเพรียกวายุไปส่งให้แม่นางกู้แล้ว องค์รัชทายาทก็ไม่จำเป็นต้องไปแล้วกระมัง?” จิ้งจอกดำ องครักษ์คนสนิทของหรงเจียหลัวกระซิบถาม

หรงเจียหลัวก็ไม่ได้เก็บงำความรู้สึกต่อหน้าองครักษ์คนสนิท เขาทอดถอนใจเบาๆ “อันที่จริงเปิ่นกงก็ค่อนข้างเป็นห่วงซีจิ่ว…” เขาส่ายศีรษะ “เอาเถอะ เจ้าแปดไปดูก็ดีแล้ว”

สองนายบ่าวเดินไปคุยไป

กู้ซีจิ่วซึ่งยืนอยู่ที่เดิมเหม่อลอยไปชั่วขณะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version