บทที่ 572 นางคือพญาหงส์ 4
น้ำเสียงเขาไม่เบาเลย สะท้อนก้องทั่วห้องโถง แต่มีเสียงหัวเราะเยาะและเหยียดหยามยิ่งกว่าเดิม
ไม่มีผู้ใดลุกขึ้นมาโต้แย้ง และไม่มีผู้ใดเอ่ยตอบเขา คนเหล่านี้เมินเฉยต่อคำพูดของเชียนหลิงอวี่
บางคนถึงขั้นหัวเราะฮ่าๆ ราวกับจะเย้ยหยัน “ฮ่าๆ พญาหงส์ ฮ่าๆๆ พญาหงส์ จริงๆ นั้นแหละ…”
เชียนหลิงอวี่โกรธจนใบหน้าหล่อเหลาเขียวคล้ำ เขายังคิดจะกล่าวต่อ ทว่าฝ่ามือของกู้ซีจิ่วกดลงบนไหล่เขา กล่าวอย่างเฉยชา
“จำเป็นต้องเปลืองน้ำลายด้วยหรือ? ไปกันเถอะ”
เธอกวาดตามองคนที่หัวเราะฮ่าๆ ผู้นั้นแวบหนึ่ง เป็นเชียนหลิงเทียน…
ขณะที่เธอกำลังจะขึ้นชั้นบน จู่ๆ ตรงปากประตูนั้นก็เงียบลง ทุกคนในห้องโถงต่ำงลุกขึ้นยืน
“ศิษย์พี่เยี่ยนเฉิน!”
“ศิษย์พี่เยี่ยนเฉินท่านมาแล้ว …”
“พี่ เยี่ยนเฉิน…”
เสียงทักทายสารพัดแว่วเข้าเต็มหู
กู้ซีจิ่วเหลือบมองแวบหนึ่ง เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ที่ปากประตู เรือนกายสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชา ต่อให้สวมเครื่องแบบชั้นเรียนเมฆาม่วงก็ยังสง่างามโดดเด่นกว่าเด็กหนุ่มคนอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด เป็นตำนานของชั้นเรียนเมฆาม่วงผู้นั้นเด็กหนุ่มอัจฉริยะที่ฝึกฝนพลังวิญญาณจนบรรลุขั้นแปดตั้งแต่อายุยังน้อย เมื่อเผชิญหน้ากับการทักทายอย่างกระตือรือร้นของเหล่าศิษย์ เขาเพียงแค่พยักหน้าอย่างเฉยชา แล้วเดินเข้ามา และไม่ทราบว่าด้วยเหตุใด สายตาของเขาจึงหันเห มาที่ร่างของกูซีจิ่ว หยุดอยู่ที่ร่างของกู้ซีจิ่วครู่หนึ่ง จากนั้นก็กวาดผ่านไปที่ร่างของเชียนหลิงอวี่ แล้วค่อยตรงที่โต๊ะของเขา
โรงอาหารนี้จัดที่นั่งไว้ให้เขาโดยเฉพาะ
นัยน์ตากู้ซีจิ่วสาดแสงแวบหนึ่ง เยี่ยนเฉินผู้นี้ คล้ายว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อเธออยู่บ้าง ดูท่าจะได้ฟังข่าวลือพวกนั้นมาเช่นกัน…
กู้ซีจิ่วก็ไม่ได้หยุดฝีเท้าเช่นกัน ขึ้นไปชั้นบนกับเชียนหลิงอวี่ ศิษย์บนชั้นสองไม่มากนัก แถมแต่ละคนล้วนคอตกเซื่องซึม ประหนึ่ง
หมดอาลัยตายอยาก
ทุกคนล้วนกินอาหารอย่างรวดเร็วยิ่ง กินอิ่มก็จากไปทันที ส่วนใหญ่ไม่รั้งอยู่และไม่ทักทาย
เชียนหลิงอวี่เกรงว่ากู้ซีจิ่วรับสถานที่แห่งนี้ไม่ได้ กล่าวขึ้นมาทันที
“ซีจิ่ว ต่อไปเจ้าอย่ามากินข้าวที่นี่ดีกว่า ข้าจะหาวิธีนำอาหารไปส่งให้เจ้าเอง”
กู้ซีจิ่วกลับคลี่ยิ้ม “ไม่เป็นไร แค่คำติฉินนินทาไม่กี่ประโยคเท่านั้น ไม่มีค่าอะไร”
เธอกินอาหารอย่างไม่อนาทรร้อนใจ เดิมทีคิดจะนำอาหารกลับไปให้พวกเจ้าหอยยักษ์เสียหน่อย
แค่คนของโรงอาหารบอกเธอว่า อยู่ที่นี่อาหารของทุกคนกำหนดปริมาณไว้แล้ว ไม่อนุญาตให้นำไปข้างนอก เว้นแต่จะใช้หิน
วิญญาณซื้อถึงจะนำออกไปได้…
ด้วยเหตุนี้สองมือของกู้ซีจิ่วจึงว่างเปล่า
เมื่อลงมาชั้นล่างก็ต้องเผชิญกับสายตาชำระล้างของเหล่าศิษย์อีกครั้ง แม้กระทั่งเยี่ยนเฉินผู้นั้นก็ยังมองมาทางเธอแวบหนึ่ง…
หลังจากกู้ซีจิ่วออกมาก็ขบคิดถึงสายตาของพวกเขา
ดูเหมือนว่า สายตาที่คนพวกนี้มองเธอดั่งมองสตรีมากเล่ห์…
เห็นทีว่าข่าวลือที่เธอได้ยินที่หลังเขาเหล่านั้นจะแพร่ไปทั่วสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์แห่งนี้นานแล้ว เธอกลายร่างเป็นดอกบัวขาวเจ้าแผนการ อาศัยนามท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เที่ยวเกะกะระรานไปทั่ว เป็นจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ วิ่งเร่ไปทั่ว…
จุ๊ๆ ฟังจากที่พวกเขาว่ามานั้นตัวเธอเองยังรู้สึกเลยว่าตนเหมือนสุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ เหมือนขันทียืมอำนาจฮ่องเต้มาอวดเบ่ง!
เธอดีดเล็บเล็กน้อย ดูเหมือนบางคนจะทุ่มเทอย่างสุดกำลังเพื่อขับไล่เธอออกไปจริงๆ!
เธอใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ด้วยคุณสมบัติของเธอในตอนนี้รวมถึงอคติที่อาจารย์ใหญ่กู่มีต่อเธอ มีความเป็นไปได้มากที่เธอจะได้เข้าชั้นเรียนเมฆาคล้อย
สำหรับเธอแล้วจะอยู่ชั้นเรียนไหนก็ได้ทั้งนั้นแต่เธอรู้สึกว่าอาหารเลวร้ายยิ่งนัก เธอไม่คิดจะอยู่ที่นี่ไปอีกหลายปี โดยการแทะหัวผักกาดกับไชเท้าดองนะ!
ดังนั้นเธอจะต้องพึ่งพาตัวเอง…
หินวิญญาณ เธอต้องหาหินวิญญาณ!
ทำภารกิจแลกหินวิญญาณช้าเกินไป เธอยังต้องอ่านตำรำเล่มใหญ่นั้นอีก ไม่มีเวลาว่างมากขนาดนั้น โชคดีที่เธอได้ทราบวิธีหา
หินวิญญาณอีกทางหนึ่งมาจากเชียนหลิงอวี่ นั้นก็คือการเก็บสมุนไพรขาย แน่นอนว่าหากสามารถปรุงยาได้ด้วยตัวเอง การ
ขายยาแบบปรุงสำเร็จเลยจะดีกว่า…
ดูเหมือนภายภาคหน้าเธอจะต้องหาลู่ทางด้านนี้เอาไว้สักหน่อย
แน่นอน ต้องสะสางเรื่องของเชียนหลิงอวี่ด้วย เธอควรจะดำเนินการขั้นต่อไปได้แล้ว…