บทที่ 775 ข้ามีเรื่องจะถามพวกเจ้า
กู้ซีจิ่วในยามนี้ย่อมเป็นตี้ฝูอี เขาเปิดใช้งานป้ายหยก ลวดลายบนป้ายหยกแปรเปลี่ยนไปกลายเป็นกระจก ด้านในปรากฏใบหน้าของมู่เฟิง มู่เฟิงมองเจ้านายของบ้านตนอย่างซับซ้อนยุ่งเหยิงอยู่บ้าง แต่ก็ยังสอบถามไปตามหน้าที่อันพึงปฏิบัติ “นายท่าน มีเรื่องใดจะสั่งการขอรับ?”
ตี้ฝูอีสั่งการอย่างรวบรัดยิ่ง “ส่งคนไปตรวจสอบว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่อยู่ข้างกายอวิ๋นชิงหลัวในเทศกาลความรักคืนนั้นคือผู้ใด เป็นมาอย่างไร ระยะนี้จับตามองอวิ๋นชิงหลัวไว้หน่อย ดูว่านางมีอะไรผิดปกติหรือไม่?”
มู่เฟิงทั้งตกใจและเดือดดาลยิ่งนัก มีคนกล้าสวมรอบเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายหรือ?!
เบื่อหน่ายจะใช้ชีวิตแล้วหรือไร?!
เขารีบตอบรับ “ขอรับ!”
แล้วไปจัดการทันที
ตี้ฝูอีเก็บป้ายหยก มือเคาะบนโต๊ะหินเบาๆ
มิน่าเล่า กู้ซีจิ่วถึงเป็นปฏิปักษ์ต่อตนมากขนาดนี้ ที่แท้ก็เห็นตนอี๋อ๋ออยู่กับอวิ๋นชิงหลัวนี่เอง…
ว่ากันตามเหตุผลแล้ว กู้ซีจิ่วมิใช่คนหุนหันพลันแล่น โดยทั่วไปแล้ว นางไม่มีทางมองผิด แถมคืนเทศกาลความรัก นางพาเจ้าหอยยักษ์ลงเขาไปด้วย ด้วยประสาทรับกลิ่นของเจ้าหอยยักษ์ น่าจะวิเคราะห์ได้ว่ากลิ่นอายบนร่างเขาอีกคนเป็นจริงหรือเท็จ…
เจ้าตัวปลอมนั่นสมจริง จนแม้แต่เจ้าหอยยักษ์ก็แยกไม่ออกเลยหรือ?
ขณะที่เขาใคร่ครวญอยู่ ประตูก็ถูกเปิดเสียงดังปัง เพรียกวายุวิ่งห้อเข้าประตูมาดั่งสายฟ้าแลบ ลู่อู๋น้อยขี่อยู่บนหลังมัน และเจ้าหอยยักษ์หนีบอยู่ที่ปลายหางลู่อู๋น้อย…
เจ้าหอยยักษ์คึกคักมีชีวิตชีวา พอเข้าประตูมาก็ตะโกนว่า “เจ้านาย เจ้านาย ได้ยินว่าท่านได้รับบาดเจ็บเลยย้ายมาพักที่นี่ ดีขึ้นบ้างหรือยัง?”
มันกลิ้งเข้ามาหาทันที กำลังจะใช้ฝาหนีบชายชุดตี้ฝูอี ตี้ฝูอียกเท้าเหยียบมันไว้
ลู่อู๋น้อยก็ร้องแง้วๆ อยู่หลายที กระโจนเข้าใส่พวงหางทั้งเก้าแกว่งไกวดั่งกงจักรเพลิง คิดจะใช้หางพันข้อมือตี้ฝูอีไว้เพื่อแสดงความคิดถึงที่มันมีต่อผู้เป็นนาย กลับถูกนิ้วหนึ่งของตี้ฝูอีกดไว้ตรงนั้น
“เป็นเด็กดีหน่อย!” เขาเอ่ยเสียงต่ำ
ถึงแม้เขาจะใช้สังขารของกู้ซีจิ่ว แต่ดวงวิญญาณแข็งแกร่งมาก เมื่อปลดปล่อยรัศมีทั้งหมด สามารถทำให้หนังศีรษะคนชาได้
ประสาทสัมผัสของสัตว์ไวเป็นที่สุด ดังนั้นลู่อู๋น้อยจึงตกใจจนไม่กล้าขยับ กะพริบตามองตี้ฝูอีอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่เข้าว่าทำไมเจ้านายถึงไม่ยอมใกล้ชิดกับมัน
ตี้ฝูอีย่อมไม่ทราบว่าการกระทำตามความเคยชินของตนได้ทำร้ายจิตใจของลูกสัตว์วัยแบเบาะตัวหนึ่งแล้ว
เขาก็ไม่สนใจเช่นกัน หลังจากให้เจ้าสามตัวนี้ทำตัวดีๆ แล้วเขาถึงเปิดปากเอ่ย “พวกเจ้าสามตัวล้วนเป็นเด็กดี ข้ามีเรื่องจะถามพวกเจ้า”
บอกว่าถามพวกมัน ทว่าความจริงแล้วตัวที่เขาจะถามก็มีแค่เจ้าหอยยักษ์ที่สามารถพูดภาษามนุษย์ได้ตัวนี้
แน่นอน เขาไม่คิดจะให้เจ้าสามตัวนี้รู้ว่าร่างกายของเจ้านายตนเปลี่ยนผู้ถือครองแล้ว ดังนั้นเขาเลยคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วใช้นโยบายสันติวิธี ก่อกองไฟขึ้นมากองหนึ่ง เตรียมย่างปลาให้พวกเจ้าหอยยักษ์กิน
ระหว่างที่ย่างอยู่ เขาก็ทำทีสนทนาเรื่อยเปื่อยกับเจ้าหอยยักษ์อยู่หลายประโยค ในที่สุดก็ได้ทราบรายละเอียดทุกอย่างในยามที่กู้ซีจิ่วได้พบหน้ากับอวิ๋นชิงหลัวและ ‘ตี้ฝูอี’ ในเทศกาลความรักคืนนั้น…
….
และไม่ทราบว่าผ่านไปนานเท่าใด จู่ๆ ก็มีฟองนํ้าผุดพรายขึ้นมาบนผิวทะเลสาบ ตามด้วยระลอกคลื่นกระเพื่อมไหว จากนั้นอวิ๋นชิงหลัวก็โผล่ขึ้นมาดั่งคนเป็นโรคลมชัก
เมื่อนางโผล่ขึ้นมาจากนํ้าก็สำลักออกมาทันที ใบหน้าเพริศพริ้งหมองคลํ้าปานมะเขือม่วง
เนื่องจากข่มกลั้นอยู่นานเกินไป นางจึงกระอักโลหิตออกมาคำแล้วคำเล่า
ก่อนหน้านี้ยามที่จมลงสู่นํ้านางได้กลั้นหายใจไว้ เนื่องจากนางทราบว่าเข็มอาคมของนางทำให้คนชาได้หนึ่งเค่อ ขอเพียงนางผ่านพ้นช่วงหนึ่งเค่อไปก็จะได้อิสระกลับมา
แต่พูดแล้วดูเหมือนง่าย ทว่าทำแล้วกลับยากเย็นนัก
เมื่อก่อนนางรู้สึกว่าหนึ่งเค่อเพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น แต่เมื่ออยู่ใต้นํ้าระยะเวลาหนึ่งเค่อกลับคล้ายว่าจะยาวนานไม่มีที่สิ้นสุด