Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 806

บทที่ 806 ให้ข้าตกรางวัลแก่เจ้าเถิด

กู้ซีจิ่วครุ่นคิดสักครู่ แล้วพยักหน้า “ได้!”

ด้วยเหตุนี้เธอจึงร้องเพลงหนึ่งออกมา

ครั้งนี้เพลงที่เธอร้องคือ ‘แว่ววจี’ เนื่องจากเธอรู้สึกว่าเพลงนี้ค่อนข้างเหมาะกับเส้นเสียงในร่างปัจจุบันนี้ของเธอ

ทันใดนั้นดอกบัวผลิแย้ม

ลายเส้นชดช้อยแจ่มชัด

วาดผนังแต้มลายแด่ทวยเทพแดนสรวง

ทะเลทรายชายแดนเหลือเพียงกระดูกขาว

สุราขุ่นไหลสู่คอ

เวียนว่ายใช้บุญบาปมาหลายภพ

เสียงขลุ่ยแว่วครวญผ่านดั่งหยันข้า

ความรู้แจ้งเหตุแห่งกรรมพลันเสื่อมถอยทว่าผู้ใดเล่ามีจิตมาร

ละวางความยึดมั่น

แสงจันทร์ยังเลื่อนลอยเช่นกาลก่อน

ร่างนี้ของตี้ฝูอีเส้นเสียงไม่เลว ถึงขั้นที่เสียงดีกว่าร่างเดิมของกู้ซีจิ่วด้วยซํ้า นํ้าเสียงทุ้มตํ่าแบบบุรุษ ยามร้องออกมามีเสน่ห์ดึงดูดเป็นพิเศษ

เธอเพิ่งจะร้องส่วนแรกไป ไม่ทราบว่าตี้ฝูอีหยิบพิณตัวหนึ่งออกมาจากที่ใด ดีดบรรเลงไปตามทำนองของเธอ

เสียงเพลงและเสียงพิณแว่วกังวานอยู่ในเรือน ท่ามกลางแมกไม้ที่พลิ้วไหว น่ารื่นรมย์ยิ่งนัก

นอกเรือน หลงซือเย่ก็นั่งฟังอย่างเหม่อลอยอยู่บนกิ่งของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เขาเม้มริมฝีปากบางนิดๆ กำกิ่งไม้ไว้จนนิ้วมือซีดขาว

นางในดวงใจครองคู่โบยบินกับชายอื่น ดีดพิณร่ายเพลงหวานชื่นสุขสันต์ เขากลับทำได้เพียงฟังอยู่นอกเรือน ไม่สามารถทำอะไรได้เลย…

“ตี้ฝูอี เจ้าแย่งชิงสตรีของข้า แค้นนี้ไม่อาจอยู่ร่วมโลกได้! ในเมื่อเจ้าไม่เมตตา ก็อย่าได้โทษที่ข้าไม่ปราณี!” เขาพึมพำเสียงแผ่ว

เขาฟังต่ออีกครู่หนึ่ง ดูเหมือนจะทนรับสิ่งนี้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ผุดลุกขึ้น หายแวบไปทันที

เขาเพิ่งแวบหายไปได้ไม่นาน บนต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ด้านข้างก็สั่นไหวสวบสาบ บนกิ่งของต้นไม้ต้นนั้นมีมนุษย์ตัวจ้อยสีเขียวผู้หนึ่งค่อยๆ ลุกขึ้นมา มนุษย์ตัวจ้อยนี้คือหุ่นกระบอกรูปร่างมนุษย์ มันลอยขึ้นมา พุ่งหายลับไปในอากาศ

อวิ๋นชิงหลัวยืนอยู่ในเรือนตน ริมฝีปากขยับขมุบขมิบ จรดนิ้วร่ายวิชา ผ่านไปครู่หนึ่ง หุ่นกระบอกสีเขียวตัวนั้นก็ลอยกลับมา ร่วงลงในมือนาง หุ่นกระบอกตัวน้อยพูดเจื้อยแจ้วกับนาง นางพยักหน้าเล็กน้อย เมื่อหุ่นกระบอกตัวน้อยพูดจบ ก็ทำลายมันทิ้งทันที

จากนั้นก็กลับเข้าไปในห้องนอน แขนข้างหนึ่งยื่นมาโอบเอวนางไว้ วันนี้หุ่นของนางสวมเสื้อคลุมสีเขียวคราม ยิ้มน้อยๆ พลางเอ่ยถามนาง “เป็นอย่างไรบ้าง?”

อวิ๋นชิงหลัวตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ทุกอย่างปกติ หลงซือเย่มีจิตคิดสังหารเขาจริง…”

คนชุดเขียวครามผู้นั้นพยักหน้าอย่างพอใจ อุ้มนางขึ้นมา เดินไปที่เตียงใหญ่ “ชิงหลัว ทำได้ดีมาก ให้ข้าตกรางวัลแก่เจ้าเถิด…”

พลางฉีกกระชากเสื้อผ้านางออก

แรกเริ่ม สีหน้าอวิ๋นชิงหลัวยังราบเรียบอยู่ แต่ทักษะการใช้มือของคนผู้นี้ชํ่าชองนัก ในไม่ช้า ก็ทำให้นางหายใจหอบถี่ โอนอ่อนผ่อนตาม ดวงหน้าเฉิดฉันของนางแดงซ่าน เสียงสั่นพร่า “จะ…จะต้องลงมือพรุ่งนี้หรือ? ผู้คุ้มกันทั้งสี่ของเขา…”

“วางใจเถิด ผู้คุ้มกันสี่คนนั้นจากไปสามคนแล้ว เหลือเพียงมู่อวิ๋นที่รั้งอยู่ข้างกายเขา ไม่ควรค่าให้กังวลหรอก”

การเคลื่อนไหวของคนชุดเขียวครามผู้นั้้นป่าเถื่อน มองใบหน้าเฉิดฉันที่แทบจะบิดเบี้ยวเหยเกของนาง ทราบว่าทั้งรังเกียจทั้งขาดเรื่องนี้ไม่ได้

ความปรารถนาของเขาก็พุ่งขึ้นมา ดวงตาของเขาแดงฉานเล็กน้อย ก้มหน้าลงไปขบกัดใบหูของอวิ๋นหลัว กระซิบว่า “เด็กน้อย ยามที่เจ้าสร้างข้าขึ้น มาในคราแรกเหตุใดไม่มอบสิ่งสำคัญของบุรุษให้ข้าด้วยเล่า? มิเช่นนั้นตอนนี้ข้าคงทำให้เจ้าสุขสมได้ยิ่งกว่านี้…”

อวิ๋นชิงหลัวหลับตาลง เหตุผลที่นางไม่สร้างสิ่งนั้นให้หุ่นเชิดตัวนี้ เป็นเพราะนางแค่อยากให้มันกลายเป็นเครื่องปลอบขวัญเท่านั้น นางอยากเก็บพรหมจรรย์ของนางไว้มอบให้ตี้ฝูอี…

เพียงยามนี้ตัวนางตกสู่ขุมนรกแล้ว จะเพ้อฝันถึงสรวงสวรรค์อีกได้อย่างไร?

ในเมื่อร่วงหล่นแล้ว เช่นนั้นก็ร่วงหล่นลงไปให้ถึงที่สุดเลยแล้วกัน!

ในเมื่อครอบครองเขาไม่ได้ เช่นนั้นก็ทำลายเขาทิ้งเสีย!

จะดีที่สุดถ้าเขาตายด้วยนํ้ามือนาง เช่นนั้นก็สมบูรณ์แบบแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version