บทที่ 826 ตั๊กแตนที่อยู่บนด้ายเส้นเดียวกัน
เช่นนั้นคนชุดเขียวเหล่านี้ที่แท้เป็นหุ่นเชิดหรือเป็นผีดิบกันแน่?!
ดูจากท่าทางที่พวกเขาพุ่งกระโจนออกไปเมื่อกี้ดูเหมือนจะไม่ต่างกับหรงเหยียนและกู้เทียนฉิงในตอนนั้นเลย…
สรุปแล้วคนผู้นี้ไปเสาะหาหุ่นเชิดหรือผีดิบที่มีไอแค้นอันแกร่งกล้ามากมายเช่นนี้มาจากที่ไหนกัน?!
“เจ้าสำนักหลง สนใจความเป็นมาของพวกเขามากใช่หรือไม่?” คนชุดม่วงผู้นั้นขยับเข้าใกล้เขา
หลงซือเย่เม้มปากนิดๆ “สนใจจริง ๆ นั้นแหละ แต่เจ้าจะพูดไหมล่ะ?”
คนชุดม่วงผู้นั้นยิ้มกว้าง “แน่นอนว่า…ไม่พูด!”
เขาเงี่ยหูฟัง เมื่อกี้ยามที่คนชุดเขียวสิบหกคนนั้นเข้าไปดูเหมือนจะพบเจอบางคนและถูกซักถาม แต่เสียงซักถามนั้นเพิ่งดังขึ้นก็เงียบไปทันที คาดว่าคงถูกคนชุดเขียวกำราบไว้แล้ว ยามนี้คนชุดเขียวเหล่านั้นน่าจะบุกทะลวงเข้าไปแล้ว…
เห็นได้ชัดยิ่งว่าตี้ฝูอีไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าจะมีคนมาโจมตีเขาในยามนี้ ดังนั้นจึงไม่ได้วางคนไว้รอบกายหลายๆ คน…
อีกอย่างเขากำลังวุ่นวายอยู่กับการเกี้ยวพากู้ซีจิ่วไหนเลยจะให้ผู้อื่นติดตามอยู่ข้างกาย!
ในสวนมีเสียงต่อสู้แว่วมา ชัดเจนนักว่าคนชุดเขียวที่เป็นกองหน้าหลายคนนั้นพบกับมู่อวิ๋นแล้ว เนื่องจากเขาได้ยินเสียงโหยหวนของมู่อวิ๋นรางๆ…
แถมยังได้ยินเขาตะโกนว่า “นายท่าน มีศัตรูจู่โจมขอรับ!”
จากนั้นพลุสีเขียวขจีสายหนึ่งก็พุ่งขึ้นสู่ท้องนภาเหนือสวน นี่เป็นสัญญาณว่าสามารถบุกเข้าโจมตีได้แล้ว!
ทุกอย่างราบรื่นจนมิอาจราบรื่นไปมากกว่านี้แล้ว!
แผนการนี้ช่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ!
เห็นทีว่าวันนี้เขาต้องประสบความสำเร็จเป็นแน่!
สังหารตี้ฝูอีก่อน จากนั้นค่อยหาโอกาสใช้ร่างของตี้ฝูอีเข้าใกล้เทพศักดิ์สิทธิ์…
คนชุดม่วงผู้นั้้นชะล่าใจแล้วพลันโบกมือ กลุ่มคนชุดเขียวที่เหลือส่งเสียงคำรามอันแปลกประหลาดออกมา ดีดกายขึ้น พากันเข้าจู่โจมด้านในสวน…
คนชุดม่วงมองหลงซือเย่แวบหนึ่ง “เป็นอย่างไร? จะเข้าไปกับข้าด้วยหรือไม่?”
หลงซือเย่ตอบอย่างไม่ลังเล “เข้า! ข้าจะไปคุ้มครองซีจิ่ว กันไม่ให้ถูกลูกหลงจากเจ้า”
คนชุดม่วงหัวเราะฮ่าๆ “ดี! ท่านอยากคุ้มครองนางก็คุ้มครองไป แบบนี้ข้าจะได้คล่องตัวขึ้น”
ดูเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้อีก เอ่ยถามหลงซือเย่ “ท่านจะช่วยข้าสังหารตี้ฝูอีไหม?”
หลงซือเย่นิ่งงัน “นี่…”
คนชุดม่วงจ้องมองเขา “ตอนนี้ท่านไม่เหลือช่องให้เสียใจภายหลังแล้ว!”
คนชุดม่วงผู้นี้พยายามเปลี่ยนหลงซือเย่ให้กลายเป็นตั๊กแตนที่อยู่บนด้ายเส้นเดียวกับเขา คิดจะลากเขาลงนํ้า
ในที่สุดหลงซือเย่ก็ตัดสินใจได้ “ตกลง! ถ้าถึงยามที่ข้าสบช่องก็จะลงมือ!”
คนชุดม่วงในที่สุดก็วางใจแล้ว หันไปเหลือบมองอวิ๋นชิงหลัวแวบหนึ่ง “ไปกันเถอะ! เข้าไปด้วยกัน!”
ยามนี้อวิ๋นชิงหลัว ก็ไม่เหลือหนทางถอยแล้วเช่นกัน จึงพยักหน้า เงาร่างคนทั้งสามไหววูบ เหินทะยานเข้าไป
….
พรรณไม้ในสวนสวรรค์สุคนธาเรียงรายเป็นระเบียบ มีดอกไม้ใบหญ้าอยู่ทั่วทุกมุม อันที่จริงที่นี่คือสวนสมุนไพร
ดอกไม้ใบหญ้านับไม่ถ้วนที่พบเห็นได้ตามสถานที่ทั่วไปล้วนเจริญงอกงามอยู่ที่นี่
ในสวนมีป่าเฟิง มีภูเขาจำลอง มีทะเลสาบ มีศาลา แถมยังมีระเบียงทางเดินบางส่วนด้วย…
ตอนที่กู้ซีจิ่วมาที่นี่ครั้งแรกก็รู้สึกว่าสถานที่นี้งดงามนัก จัดวางอย่างประณีต บรรยากาศดี อีกทั้งสอดแทรกค่ายกลบางอย่างไว้รางๆ ด้วย เดินอยู่ที่นี่ให้ความรู้สึกเหมือนเดินเล่นในแดนสุขาวดี แถมเธอยังค่อนข้างคุ้นตากับการจัดแต่งของที่นี่ ดูเหมือนจะมีเอกลักษณ์บางอย่างที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกับวังคํ้านภา
ยามที่เธอนั่งดื่มชาอยู่ในศาลากับตี้ฝูอีในที่สุดก็เอ่ยถามเขาประโยคหนึ่ง “การจัดแต่งของที่นี่ท่านเป็นผู้ออกแบบใช่หรือไม่?”
ตี้ฝูอียื่นมือรินชาให้เธอถ้วยหนึ่ง “เสี่ยวซีจิ่ว สายตาเจ้าช่างมีแววจริงๆ! เป็นอย่างไร? งดงามมากใช่ไหม?”
“งดงามนัก! ท่านเป็นปรมาจารย์ด้านการจัดสวนโดยแท้! นึกไม่ถึงว่าท่านจะศึกษาด้านนี้อย่างลํ้าลึกด้วย”