Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 860

บทที่ 860 เรื่องที่ท่านนึกไม่ถึงยังอีกมากนัก

หลงซือเย่เอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน “เธอยอดเยี่ยมที่สุดตลอดอยู่แล้ว ฉันรู้ดีมานานมากๆ แล้ว…เอาล่ะ พวกเราไปกินข้าวกัน!”

กู้ซีจิ่วยังคงฉงนอยู่บ้าง “ใช่แล้ว สำรับอาหารของอาจารย์อย่างพวกคุณไม่ใช่ว่ามีเด็กรับใช้นำไปส่งที่เรือนพวกคุณหรอกเหรอ? ทำไมยังต้องไปกินที่โรงอาหารล่ะ?”

หลงซือเย่หัวเราะเบาๆ “ฉันจะให้เธอเลี้ยงน่ะสิ!”

“หือ?”

หลงซือเย่ยื่นมือมา ในมือมีดอกเหมยบุหลันหลายดอกส่งกลิ่นหอมจางๆ “ฉันเก็บดอกไม้มาให้เธอแล้ว เก็บได้แปดร้อยกว่าดอก เพียงพอสำหรับตัว ยาของเธอหรือยัง ไม่คู่ควรให้เธอเชิญฉันไปกินข้าวอีกเหรอ?”

ดวงตากู้ซีจิ่วเปล่งประกายทันที “ได้เลย! ขอเชิญคุณ!”

….

อาหารเช้าในโรงอาหารของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ ยังคงพรั่งพร้อมยิ่งนัก

กู้ซีจิ่วทำตัวเป็นเจ้าถิ่นและซื่อตรงเปิดเผยยิ่งนัก สั่งอาหารมาเต็มโต๊ะใหญ่ ล้วนเป็นของโปรดของหลงซือเย่ทั้งสิ้น

หลงซือเย่กวาดตามองอาหารบนโต๊ะแวบหนึ่ง ยินดียิ่งนัก “ซีจิ่ว ยังคงเป็นเธอที่รู้รสนิยมฉัน”

กู้ซีจิ่วดอไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “นี่ยังต้องพูดอีกเหรอ? ถึงยังไงก็รู้จักกันมานานหลายปี…”

เพิ่งจะกล่าวประโยคนนี้จบ จู่ๆ ภายในโรงอาหารก็เงียบลง มีคนกระซิบเบาๆ ว่า “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมา!”

“วันนี้มันอะไรกัน? ไม่เพียงแต่เจ้าสำนักหลงเท่านั้นที่มากินข้าวที่โรงอาหาร แม้แต่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็มาด้วยเหมือนกัน!”

ขณะที่พูดคุยกัน เหล่าศิษย์ในที่อยู่ในโรงอาหารก็พากันคุกเข่าลงเสียงดังพึ่บพั่บ เทียบได้กับตอนที่ต้อนรับการมาถึงของหลงซือเย่…

กู้ซีจิ่วใจเต้นแรงนิดๆ หันไปมองประตูโรงอาหารเช่นกัน มองเห็นตี้ฝูอีดินเข้ามาจริงๆ ที่ติดตามอยู่ข้างกายเขาคือมู่อวิ๋น

กู้ซีจิ่วค่อนข้างปวดศีรษะจริงๆ มิน่าล่ะพวกคนใหญ่คนโตถึงไม่อยากมาโรงอาหาร พอมาก็ทำให้ฝูงชนแตกตื่นฮือฮา ซํ้ายังทำให้ผู้อื่นต้องคุกเข่าทั้งขามาขาไปด้วย

ตี้ฝูอีกวาดตามองภายในโรงอาหารแวบหนึ่ง หยุดอยู่ที่โต๊ะนี้ของกู้ซีจิ่ว เอ่ยทักทายหลงซือเย่ด้วยรอยยิ้ม “เจ้าสำนักหลงก็อยู่ด้วยหรือนี่”

อันที่จริงหลงซือเย่ก็ปวดประสาทเช่นกัน เขารู้สึกว่าตี้ฝูอีผู้นี้ช่างเป็นวิญญาณร้ายที่ตามราวีโดยแท้!

ดังนั้นเขาจึงหนังยิ้มเนื้อไม่ยิ้ม [1] “นึกไม่ถึงว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็จะมาร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเหล่าศิษย์เช่นกัน”

ตี้ฝูอียกยิ้มมุมปากแวบหนึ่ง “เรื่องที่ท่านนึกไม่ถึงยังอีกมากนัก…”

ยามที่กู้ซีจิ่วเห็นเขาเข้ามา หัวใจยังคงบีบรัดอยู่เล็กน้อย กระอักกระอ่วนอย่างที่พบเห็นได้ยาก เพียงแต่เธอแสร้งทำเป็นสงบนิ่งอยู่ตลอด ดังนั้นเธอจึงทำความเคารพและเอ่ยทักทายเขาอย่างสุขุม

ตี้ฝูอีก็พยักหน้าให้เธอนิดๆ และไม่ได้มองเธอเพิ่มอีกสักแวบเลย ไม่แตกต่างกับที่ปฏิบัติต่อลูกศิษย์ทั่วไปเลย

ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงนั่งลงด้วยตัวเองอย่างรู้ความ ปล่อยให้เขาทักทายกับหลงซือเย่อยู่ตรงนั้น เธอไม่สนใจอีก

“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ตรงนี้เจ้าค่ะ ตรงนี้” เล่อจื่อซิงที่อยู่ไม่ไกลยืนขึ้นแล้วร้องทักทายตี้ฝูอี

ตี้ฝูอีหันเหฝีเท้าไป เดินไปที่โต๊ะนั้นของเล่อจื่อซิ่ง

ดูเหมือนเล่อจื่อซิ่งได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว สั่งอาหารไว้โต๊ะใหญ่พรั่งพร้อมด้วยอาหารเลิศรสหลากชนิด

“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ท่านพอใจอาหารพวกนี้ไหมเจ้าคะ?”

เล่อจื่อซิ่งมีสีหน้าปรารถนาคำชมเชย

“ไม่เลว! ล้วนเป็นของโปรดข้า ลำบากเจ้าแล้ว นั่งลงแล้วกินด้วยกันเถิด” ตี้ฝูอีหยิบตะเกียบงาช้างส่วนตัวออกมา เริ่มทานอาหารร่วมกับเล่อจื่อซิ่ง

 

กู้ซีจิ่วก็นั่งลงหน้าโต๊ะของตัวเอง จู่ๆ เธอก็รู้สึกค่อนข้างหมดความอยากในอาหารที่เรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ

หลงซืเย่กลับกินอย่างมีความสุขยิ่งนัก เอ่ยชมเชยความเอาใจใส่ของกู้ซีจิ่วเป็นระยะ อาหารทั้งหมดล้วนถูกปากเขา

กู้ซีจิ่วก็เออออห่อหมกไปด้วย ทันใดนั้นหลงซือเย่ก็ถามออกมาประโยคหนึ่ง “ใช่แล้วซีจิ่ว ทำไมเธอไม่สั่งเนื้อผัดสับปะรดมาด้วยล่ะ? ฉันจำได้ว่าเธอชอบกินอันนั้นนี่”

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “คุณแพ้สับปะรดไม่ใช่เหรอ? ถ้ากับข้าวบนโต๊ะมีรสนี้ด้วยร่างกายก็จะเกิดผื่นแดง…”

——————————————————————

[1] หนังยิ้มเนื้อไม่ยิ้ม หมายถึง เสแสร้งแกล้งยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่มองออกว่าไม่จริงใจและไม่ปรารถนาดี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version