Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 982

บทที่ 982 เกรงว่าไม่สะดวกจะพบนาง…

เขาเหลือบมองด้านล่างแวบหนึ่ง ยามนี้สถานที่ที่เขาอยู่คือภายในหมู่เมฆ มีระยะห่างจากพื้นดินห้าพันเมตร มองเห็นเพียงกองเพลิงที่พวยพุ่งขึ้นสู่ฟ้าเท่านั้น ไม่เห็นคนเบื้องล่าง หลังจากเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ที่นี่ สาวน้อยคนนั้นจะมาตามหาตนหรือเปล่านะ?

น่าจะมากระมัง?

ถึงอย่างไรนางก็เห็นอิงเหยียนนั่วเป็นสหายแล้ว เมื่อนางเห็นการระเบิดครั้งใหญ่นี้อาจจะรีบกลับมาก็ได้ หากนางตามหาอิงเหยียนนั่วไม่พบ เกรงว่าจะนึกว่าเขาประสบเหตุสิ้นชีพไปแล้ว…

ตี้ฝูอีถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่ง ขณะที่กำลังจะสั่งการมู่เตี่ยนอีกครั้ง ให้ลงไปรับบทเป็นอิงเหยียนนั่ว เลี่ยงไม่ให้สาวน้อยผู้นั้นหาเขาไม่พบโศกเศร้า รู้สึกผิด ให้มู่เตี่ยนรับมือกับนางไปสักสองสามวันก่อน ทำให้จิตใจของนางผ่อนคลาย ผ่านไปสักระยะค่อยให้มู่เตี่ยนออกจากสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เสีย เช่นนี้ก็สามารถทำให้อิงเหยียนนั่วหายตัวไปได้แล้ว…

เขายังไม่ทันได้สั่งการอะไร ก็ได้ยินเสียงตะโกนของกู้ซีจิ่วดังมาจากข้างล่าง หัวใจเขาพลันสั่นสะท้าน!

นํ้าเสียงของกู้ซีจิ่วเต็มไปด้วยความวิตกกังวล เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น แฝงความสั่นเครือไว้รางๆ…

เสียงตะโกนนั้นดุจเข็มแหลมที่ทิ่มแทงสู่หัวใจ ทำให้อดไม่ได้ที่จะกำมือ เขายิ้มขื่นพลางนวดคลึงหว่างคิ้วตน เขาสามารถทำให้ผู้อื่นเศร้าหมองได้ แต่ไม่อาจทนมองนางเศร้าหมองได้…

เมื่ออยู่ต่อหน้านาง หลักการของเขา ความเย่อหยิ่งของเขาล้วนเป็นดั่งเมฆหมอก กระจายหายไปง่ายดายยิ่ง แต่เป็นนางที่ทอดทิ้งเขาอย่างง่ายดายถึงเพียงนั้น ซ้ำยังทำให้เขาเกิดปมในใจด้วย…

สี่ทูตที่เดิมทีกำลังรอรับคำสั่งจากเขาอยู่ คาดไม่ถึงว่าเขาเพิ่งจะเอ่ยขึ้นก็หยุดไปเสีย สีหน้าบนดวงหน้าน้อยๆ ค่อนข้างซับซ้อน

พวกมู่เตี่ยนย่อมได้ยินเสียงตะโกนของกู้ซีจิ่วที่ดังมาจากด้านล่างเช่นกัน แถมมู่เตี่ยนยังเข้าอกเข้าใจผู้อื่นเป็นอย่างดี จึงกล่าวว่า “นายท่าน ต้องการให้ข้าน้อยปลอมเป็นอิงเหยียนนั่วลงไปปลอบนางอีกครั้งไหมขอรับ?”

ตี้ฝูอีเงียบไปครู่หนึ่ง ถอนหายใจแล้วเอ่ย “เดี๋ยวข้าจะลงไปเอง”

สี่ทูตตกตะลึง มู่เฟิงขมวดคิ้ว “นายท่าน ยามนี้ท่านเป็นเช่นนี้…เกรงว่าไม่สะดวกจะพบนาง…”

นัยน์ตาตี้ฝูอีวูบไหวเล็กน้อย เงี่ยหูฟังเสียงตะโกนของกู้ซีจิ่วอีกครู่หนึ่ง เส้นเสียงนางเริ่มแหบแห้งแล้ว…

ตี้ฝูอีเป็นบุคคลประเภทที่ว่าเมื่อตัดสินใจจะทำเรื่องใดแล้วก็จะทำให้ถึงที่สุด ดังนั้นในที่สุดเขาก็ตัดสินได้แล้ว “ข้าจะลงไป พวกเจ้าไม่ต้องตามมา!”

มู่เตี่ยนอดกลั้นไว้ไม่อยู่สุดท้ายก็เอ่ยออกมาว่า “นายท่านเช่นนั้นต่อไปข้าน้อยยังต้องปลอมเป็นท่านเหมือนยามนี้อีกไหมขอรับ?”

ตี้ฝูอีในยามนี้สูงแค่หนึ่งร้อยสามสิบเซนติเมตรเท่านั้น กระจ้อยร่อยนัก

ตี้ฝูอีส่ายหน้า “สภาพนี้ของข้าน่าจะคงอยู่ไม่นานนัก ไม่จำเป็นต้องใช้เจ้า”

ขณะที่มู่เตี่ยนกำลังจะถอนหายใจอย่างโล่งอก ฝ่ามือของตี้ฝูอีก็ตบลงบนไหล่เขาคราหนึ่ง “เพียงแต่เจ้ายังต้องหมั่นฝึกฝนวิชาดัดกระดูกอยู่ เตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน”

มู่เตี่ยนพูดไม่ออก รูปร่างเขาสูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบต้องดัดกระดูกให้กลายเป็นหนึ่งร้อนสามสิบเซนติเมตร ช่างเป็นแรงกดดันปานขุนเขาโดยแท้!

….

กู้ซีจิ่วตามหาจนจะบ้าแล้ว!

เธอวนเป็นวงอยู่รอบสถานที่เกิดเพลิงสองรอบแล้ว ยังไม่พบเห็นเงาร่างของอิงเหยียนนั่วเช่นเคย และไม่ได้รับการตอบกลับจากเขาเลย

อุณหภูมิรอบสถานที่เกิด เพลิงย่อมสูงยิ่งนักเป็นธรรมดา ทว่าบนหน้าผากเธอกลับมีหยาดเหงื่อเย็นเฉียบผุดออกมา เท้าก็อ่อนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ขณะที่เธอตระเวนไปทั่วด้วยฝีเท้าหนักบ้างเบาบ้าง ก็มีเสียงครางแผ่วๆ เสียงหนึ่งแว่วออกมาจากพุ่มไม้ด้านข้างที่ถูกเผาจนแทบเกรียม เสียงนั้นแผ่วเบา ทว่าทำให้กูซีจิ่วหันกลับไปทันที แทบจะโผเข้าไป มือที่สั่นนิดๆ แหวกพุ่มไม้ออก จากนั้นก็ตะลึงงัน!

ในพุ่มไม้มีเด็กคนหนึ่งนอนอยู่ เด็กคนนั้นอายุราวแปดเก้าขวบ ใบหน้าน้อยๆ ค่อนข้างมอมแมม แต่กลับซ่อนเครื่องหน้าที่งดงามดั่งวาดแต้มของเขาไว้ไม่ได้ ยามนี้เด็กน้อยคนนี้กำลังเบิกดวงตาชุ่มฉํ่าแวววาวมองเธออยู่ เรียกชื่อเธออย่างขลาดๆ “ซีจิ่ว …”

เดิมทีกู้ซีจิ่วค่อนข้างสิ้นหวังแล้ว แต่หลังจากได้ยินเสียงนี้ของเขาก็ราวกับถูกฟ้าผ่า!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version