ตอนที่ 636 ความลึกลับของแสงสว่างหยาง
เมื่อประตูอักขระแห่งฤดูหนาวเปิดออก ท่ามกลางเสียงดังกระหึ่ม นิ้วก้อยมือขวาซูหมิงปรากฏอักขระขยับวูบวาบ และยังมีกลิ่นอายหนาวเยือกและการดับสลายมาจากนิ้วก้อย
ในเวลาเดียวกัน ซูหมิงมองนิ้วก้อยมือขวาของตนและเริ่มเห็นว่ามันแห้งเหี่ยวทีละน้อย ต่างกับสีนิ้วอื่นๆ ราวกับเป็นนิ้วคนชรา
ภายใต้ความเงียบงัน ซูหมิงเงียบไปพักหนึ่งแล้วจึงเงยหน้าขึ้น สีหน้าค่อนข้างต่างจากเมื่อก่อน ถูกกลิ่นอายแห่งการดับสลายโอบล้อม ประหนึ่งแก่ชราลงทั้งตัวในพริบตา
เสียงหายใจแว่วเข้ามาเบาๆ นั่นคือซุนซานของสำนักซ่อนมังกรที่มีแววตาเหลือเชื่อ ลมหายใจกระชั้น หลายวันก่อนหน้านี้ที่ซูหมิงไม่อาจตระหนักรู้อักขระแห่งฤดูใบไม้ผลิได้ มันทำให้เขาโล่งอกและยิ้มเยาะในใจ ทว่าเมื่อเห็นภาพนี้แล้ว เขากลับความรู้สึกเหมือนมีฝ่ามือไร้รูปตบหน้าอย่างแรง
เสียงหัวเราะเยาะในใจแข็งค้าง ต้องกลืนคำถากถากลงไปทั้งหมด ซุนซานลมหายใจกระชั้น สายตาอึ้งมองซูหมิง
‘อักขระแห่งฤดูหนาว นี่คืออันสุดท้ายในแปดอักขระของสำนักซ่อนมังกร และก็เป็นอันที่ยากที่สุดด้วย…ไม่อยากเชื่อว่าเขา…จะตระหนักรู้สำเร็จในพริบตาเดียว!’
โดยเฉพาะกลิ่นอายเหี่ยวแห้งเริ่มดับสูญจากซูหมิง ยิ่งทำให้ซุนซานในยามนี้เหมือนเกิดภาพลวงตาตรงหน้า ในสายตาเขา ซูหมิงกลายเป็นต้นไม้ใหญ่แห้งตายท่ามกลางความหนาวเหน็บในฤดูหนาว ต้นไม้แบบนี้บางทีอาจกำลังรอการมาเยือนของฤดูใบไม้ผลิ รอวันฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
จนเวลาผ่านไป เมื่อซูหมิงตระหนักรู้อักขระแห่งฤดูใบไม้ร่วงมาแล้วหลายวัน หุบเขาพันวารีด้านนอกก็ถูกสำนักวิญญาณอสูรยึดครองอย่างสมบูรณ์ ภายใต้เสียงกลองและบรรยากาศตึงเครียด กลิ่นอายของมหาสงครามดูเข้มข้นอย่างยิ่ง
ทว่าทุกอย่างตอนนี้ไม่เกี่ยวกับซูหมิงมากนัก เขามองอักขระฤดูใบไม้ร่วง หลับตาลงอยู่ชั่วครู่แล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก่อนมองอักขระฤดูร้อนอย่างนั้นจนกระทั่งกลับไปยังฤดูใบไม้ผลิอีก
‘เพราะร่างกายข้าจึงตระหนักรู้อักขระฤดูหนาวได้ในพริบตา ทว่าฤดูใบไม้ร่วง ฤดูร้อน กับใบไม้ผลิกลับยากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความสามารถของข้าในตอนนี้จึงยากจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ทั้งหมด’ ซูหมิงไม่มีสีหน้าเศร้าหมอง แต่สุขุมเยือกเย็น
‘ฤดูใบไม้ร่วงหมายถึงกลิ่นอายความตายเสื่อมถอยและพลังชีวิตปรากฏขึ้น…ฤดูร้อนหมายถึงพลังชีวิตหนาแน่น…ฤดูใบไม้ผลิก็คือลืมตา!’ ซูหมิงเกิดความรู้สึกรางๆ ว่าสักวันหนึ่งเมื่อตนเข้าใจอักขระฤดูใบไม้ผลิแล้ว ก็จะเท่ากับว่าตนพลิกจากฤดูหนาวเดินมาถึงฤดูใบไม้ผลิ
นั่นก็เท่ากับจากความตายเดินมาสู่ชีวิต!
เขาจดจำอักขระฤดูใบไม้ร่วง ฤดูร้อน และใบไม้ผลิเอาไว้อย่างแม่นยำ แม้ยังไม่อาจตระหนักรู้ให้พวกมันผสานรวมสู่ร่างกาย แต่ก็ใช้ความจำนำมันไปด้วย แล้วค่อยให้กาลเวลาทำความเข้าใจมัน
ซูหมิงยืนขึ้น มองห้องลับห้าห้องที่เปิดอ้าอยู่ในถ้ำแวบหนึ่ง เขาไม่รู้ตัวเลยว่าอยู่ที่นี่มาครึ่งเดือนกว่าแล้ว จุดซ่อนสมบัติที่ว่างเปล่านี้ ในสายตาเขามันเป็นสมบัติยิ่งใหญ่
ขณะกวาดสายตามอง ซูหมิงก็มองซุนซานที่ตนผนึกเอาไว้บนผนังหินด้วยนัยน์ตาวาววับ ตอนนี้เขายังตกอยู่ในสภาวะอักขระฤดูหนาว ทั่วร่างเหมือนแห้งเหี่ยวโรยรา
นัยน์ตาไม่มีประกายแวววาว ทว่าในสายตาที่มองซุนซานกลับสร้างความตื่นตะลึงให้เขาอย่างรุนแรง เขาแยกไม่ออกว่ามันเป็นดวงตาแบบใด สิ่งนี้ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูด ทำได้เพียงแสดงออกตามความรู้สึก มันเป็นความรู้สึกเหมือนมองศพ แต่ช่วงที่มองตาศพมันกลับลืมตาขึ้นมองเขา
ดวงตาของคนตาย!
ไม่มีราศี ไม่มีประกายวาว ไม่มีพลังชีวิต ไม่มีคลื่นอารมณ์ ต่อให้เป็นความเย็นชาก็ยังไม่มีอีก มีเพียงความสงบนิ่งเฉยชา เมื่อมองแล้วจะเกิดความรู้สึกไปว่าเน่าผุทั้งตัว
ซุนซานตัวสั่นเทิ้ม ฟันก็สั่นไหวตาม ซูหมิงมอบความรู้สึกที่รุนแรงให้กับเขาจริงๆ รุนแรงจนเขาหวาดกลัว วิญญาณแทบหลุดลอยออกจากร่าง
“ในสำนักซ่อนมังกรยังมีที่ซ่อนสมบัติที่ใดอีก?” ซูหมิงมองซุนซาน ผ่านไปพักหนึ่งจึงกล่าวเรียบนิ่ง
ซุนซานพยักหน้าอย่างไม่ลังเล ทว่าสีหน้ากลับตึงเครียด ก่อนส่ายศีรษะ
“มี แต่ว่า…มีคนเอาไปหมดแล้ว”
“เจ้ามีฐานะใดในสำนักซ่อนมังกร?” ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่งยามถามต่อ
“ศิษย์รุ่นเก้าของสำนักซ่อนมังกร…” ซุนซานกล่าวเสียงสั่น
“บอกเหตุผลที่ข้าไม่ควรฆ่าเจ้ามาข้อหนึ่ง” ซูหมิงยังคงสงบ แววตาไม่มีจิตสังหาร แต่ในสายตาซุนซานมันเหมือนดวงตาคนตาย ซึ่งน่ากลัวเสียยิ่งกว่าจิตสังหารใดๆ
“หากไม่มี ข้าจะส่งวิญญาณเจ้ากลับแดนเซียน” ซูหมิงยกมือขวาขึ้น พอซุนซานเห็นนิ้วก้อยที่แห้งเหี่ยว ม่านตาเขาหดตัว ขณะตัวสั่นความบ้าคลั่งก็พรั่งพรูออกมาภายใต้ภยันตรายเป็นตาย ทำให้ใบหน้าเขาขาวซีด รีบร้องเสียงแหลมในทันใด
“ผู้อาวุโส ข้าเป็นเพียงศิษย์รุ่นเก้าของสำนักซ่อนมังกรธรรมดาคนหนึ่ง ขะ….ข้า…”
ซูหมิงมีสีหน้าดังเดิม มือที่ยกขึ้นปล่อยกลิ่นอายมรณะแห่งการดับสูญ ก่อนชี้ไปยังซุนซาน ฉับพลันนั้นมีควันสีเทาลอยมาจากนิ้วก้อยซูหมิงตรงไปหาอีกฝ่าย
“ยังจะพูดจาเหลวไหลอยู่อีก เจ้าล่อคนสำนักวิญญาณอสูรสามคนให้มาที่นี่ได้ และตั้งใจจะใช้วงแหวนอาคมของถ้ำนี้สังหารพวกเขาสามคน ทั้งยังตั้งใจเปิดถ้ำเพื่อซ่อนตัวจากภัยพิบัติทำลายล้างสำนักในครั้งนี้
ถ้าเป็นศิษย์ธรรมดา ต่อให้คิดได้ก็ทำไม่ได้” ซูหมิงกล่าวเสียงเบา มองควันสีเทาใกล้จะสัมผัสตัวซุนซาน ซุนซานมีสีหน้าขมขื่น พอลังเลอยู่ชั่วครู่จึงกล่าวออกไปในทันที
“ข้าเป็นคนที่มีคุณสมบัติตามหามังกรในบรรดาศิษย์รุ่นเก้าของสำนัก ขะ…ข้ารู้วิธีแก้ผนึกส่วนใหญ่ที่ต่ำกว่าระดับหกของสำนักซ่อนมังกร!
สมบัติที่นี่ถูกย้ายไปแล้ว และยังมีบางส่วนถูกซ่อนเอาไว้ ถึงข้าจะไม่รู้ แต่หากข้ากลับสาขาหลักสำนักซ่อนมังกร ข้าจะแอบเอาสมบัติมาให้ผู้อาวุโส!
ข้าสาบาน ข้าทำได้ ข้าทำได้แน่!” น้ำเสียงซุนซานแฝงไว้ด้วยความกลัวตาย เขามองซูหมิงด้วยสีหน้าอ้อนวอน
ควันสีเทาแผ่จากนิ้วซูหมิงมาหยุดอยู่ตรงหน้าซุนซานห่างไปสามชุ่น ถึงควันเทาจะไม่มีจิตสังหารหรือความเย็นเยียบ ทว่าความรู้สึกของการดับสลายจากในนั้นกลับทำให้พลังชีวิตซุนซานยุ่งเหยิง ราวกับว่าเพียงควันสีเทาสัมผัสกับร่างกายก็จะปลิดชีวิตเขาทันที
“เจ้าใช้วิชาซ่อนดวงตาสำเร็จโทษได้หรือไม่?” นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย พลันกล่าวขึ้น
ซุนซานอึ้งงัน หัวใจเต้นดังตึกๆ วิชาซ่อนดวงตาสำเร็จโทษเป็นความลับยิ่งใหญ่ในสำนักซ่อนมังกร คนนอกรู้น้อยมาก อีกทั้งยังไม่รู้ชื่อมัน ทว่าบุคคลตรงหน้ากลับเอ่ยถึงวิชานี้
“ข้าใช้ได้เพียงสี่เต๋าผสานปิดซ่อน พอจะใช้ได้บ้างเล็กน้อย…” ซุนซานลังเลครู่หนึ่งถึงตอบเสียงเบา
“หินแสงสว่างหยางคืออะไร” ซูหมิงถามอีกครั้ง
ซุนซานหน้าเปลี่ยนสี เงียบงันไม่กล่าวอะไรอีก
ซูหมิงไม่รีบร้อน รอคอยคำตอบอีกฝ่าย
ผ่านไปพักหนึ่ง ซุนซานมองซูหมิงด้วยความขมขื่นแล้วลอบถอนหายใจ
“หินแสงสว่างหยางมีไว้สำหรับผู้มาเยือนกลุ่มใหญ่ของเซียน วิธีใช้คือให้รวมพลังชีวิตของตน ก็จะมาเยือนยังแดนมรณะหยินได้ และยังใช้เป็นต้นกำเนิดของพลัง
ทุกสำนักที่มาเยือนต้องให้หินแสงสว่างหยางรวมวิญญาณ…หินนี้เป็นของจำเป็นสำหรับเซียนที่จะออกไปจากที่นี่”
“แสงสว่างหยาง…” ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง ทว่าในใจกลับสั่นไหว พอวิเคราะห์ตามเหตุผลที่เซินตงคิดจะช่วงชิงหินนี้แล้ว เขาก็มองออกว่าถึงซุนซานมีบางอย่างปิดบังอยู่ แต่มากกว่าครึ่งเป็นเรื่องจริง
‘หินแสงสว่างหยาง มิน่าสำนักวิญญาณอสูรถึงต้องการมัน มันแทบจะเรียกว่าเป็นหินชีวิตเลยก็ว่าได้ รวมวิญญาณของผู้มาเยือนทั้งหมดในสำนักเอาไว้
ที่นี่คือแดนมรณะหยิน ข้างนอกคือจักรวาลแห่งแสงสว่างหยาง ถ้าจะมาเยือนซึ่งกันและกัน ดูแล้วหินนี้คงจะทำให้ผู้มาเยือนทั้งหมดไม่ถูกพลังแห่งมรณะหยินรบกวน มีมันปกป้องอยู่ วิญญาณผู้มาเยือนทุกดวงจะอยู่ในสภาวะแสงสว่างหยางตลอดเวลา
ถ้าทำลายหินแสงสว่างหยาง เช่นนั้นก็เท่ากับสังหารผู้มาเยือนจำนวนมาก….’
ซูหมิงมองซุนซาน เหตุที่เขาพาอีกฝ่ายเข้ามาในถ้ำนี้ด้วยนั่นเป็นเพราะคาดเดาเรื่องที่อีกฝ่ายล่อสามคนแห่งสำนักวิญญาณอสูรมาได้ จากการเค้นถามเมื่อครู่ แม้คนผู้นี้จะไม่น่าเชื่อถือ แต่ก็ได้คำตอบโดยประมาณแล้ว
‘หากข้าเป็นกู้หยวนไห่ที่เหลือเพียงวิญญาณแรก หลังจากสำนักถูกทำลาย ตนมีหินแสงสว่างหยางที่สำนักวิญญาณอสูรต้องการอยู่ เช่นนั้นเขาก็ไม่น่าจะนำติดตัวไป…แต่ซ่อนมันไว้ในสำนักซ่อนมังกร เช่นนั้นก็จะเก็บรักษาเอาไว้ได้!
หากกู้หยวนไห่กลัวตายก็ไม่น่าจะทำแบบนี้ ทว่าการต่อสู้ครั้งก่อน บุคคลผู้นี้มีความแน่วแน่ในการระเบิดตัวเอง น่าจะเป็นคนซื่อสัตย์ที่ยอมตายเพื่อสำนักซ่อนมังกร
หากข้าเป็นเขา ถ้าหินแสงสว่างหยางแบ่งเป็นสองส่วนได้ เช่นนั้นข้าจะเอาไปครึ่งเล็กๆ ใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ เพื่อแลกกับโอกาสไม่ให้หินแสงสว่างหยางก้อนใหญ่ถูกพบเจอ’ นัยน์ตาซูหมิงวาววับ เรื่องนี้เขาเคยใคร่ครวญตอนเซินตงต่อสู้กับอีกฝ่ายแล้ว ฉะนั้นจึงร่วมมือกับกู้หยวนไห่ เห็นๆ อยู่ว่าในถ้ำอาจไม่มีสมบัติ แต่ก็ยังเลือกช่วยถ่วงเวลา
เพราะการถ่วงเวลาครั้งนี้ ไม่เพียงมีประโยชน์กับกู้หยวนไห่เองเท่านั้น มันยังมีประโยชน์กับผลลัพธ์หลังจากซูหมิงวิเคราะห์แล้วด้วย!
‘มีความเป็นไปได้สองส่วนที่กู้หยวนไห่กลัวตาย แล้วการคาดเดาของข้าจะผิดหมด ทว่าต่อให้เป็นแบบนั้นข้าก็ไม่เสียอะไร! มีโอกาสสี่ส่วนที่เขาจะซ่อนหินแสงสว่างหยางเอาไว้…และมีโอกาสสี่ส่วนเช่นกันที่จะเอาก้อนเล็กติดตัวไปด้วย แล้วซ่อนก้อนใหญ่เอาไว้ใกล้ๆ กับสำนักซ่อนมังกร!’
ซูหมิงหรี่ตา นัยน์ตามีประกายแวววาว
‘ยิ่งสิ่งนี้สำคัญเท่าไร สำนักซ่อนมังกรก็จะยิ่งร้อนใจเท่านั้น หากสำนักวิญญาณอสูรเอาไปจริงๆ ก็ไม่เป็นไร ถ้าการวิเคราะห์ของข้าถูกต้อง เมื่อหุบเขาพันวารีเริ่มมั่นคง สำนักซ่อนมังกรต้องลังเลว่าจะส่งผู้แข็งแกร่งบุกเข้ามาเอาหินดีหรือไม่ เพราะถึงอย่างไรสำหรับพวกเขาแล้ว ทุกฝีก้าวก็ล้วนอันตราย!’
‘บางที ข้าอาจสร้างโอกาสให้สำนักซ่อนมังกรได้’
แววตาซูหมิงดูครุ่นคิด ทว่าวินาทีที่ความคิดนี้ลอยขึ้นมาในใจ ซุนซานที่มองซูหมิงอยู่หน้าซีดขาว พลันกัดฟันเอ่ยไปประโยคหนึ่งด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว
“หากผู้อาวุโสรับปากสาบานว่าจะปล่อยข้าไป ผู้เยาว์จะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้ ข้าจะเซ่นไหว้ชีวิตเพื่อพาผู้อาวุโสไปหาจุดซ่อนสมบัติแห่งสำนักซ่อนมังกร!”