Skip to content

สู่วิถีอสุรา 689

ตอนที่ 689 จากนี้จงสร้างชะตา

“นั่นเป็นเรื่องราวที่ยาวนานมาก…ในเรื่องมีเผ่าเซียน มีเผ่าเชมัน มีเผ่าหมาน…มีแดนอรุณใต้ แดนรกร้างบูรพา และก็มีวังจักรพรรดิต้าอวี๋…”

“มียอดเขาลำดับเก้า มีโลกอมตะ และยังมีเทพหมาน…” ในชนเผ่ายามฤดูใบไม้ร่วงในปีหนึ่ง ท่ามกลางใบไม้ที่โรยรา ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง มีเด็กน้อยล้อมรอบอยู่สิบกว่าคน เด็กน้อยเหล่านี้ล้วนเบิกตากว้าง ตั้งใจฟังชายชราคนหนึ่งใต้ต้นไม้เล่าเรื่องของเขา

ชายชราคนนี้ดูผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ผิวหนังมีรอยเหี่ยวย่น เส้นผมเป็นสีขาว รอยยิ้มมีเมตตา น้ำเสียงดูมีความพิลึกบางอย่างดึงดูดเด็กน้อยเหล่านั้นให้หลงใหลอยู่ในนิทาน

เขาคือซูหมิง

ปีที่หกสิบหลังจากไป๋หลิงจากไป

หกสิบปีมานี้เขาทมิฬเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ผู้คนในอดีตส่วนใหญ่ลาลับไปแล้ว ชาวเผ่ารุ่นใหม่ๆ เติบใหญ่ขึ้น กลายเป็นแกนสำคัญของเผ่าเขาทมิฬ

เผ่าเขาทมิฬขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า พื้นที่ครอบครองใต้ภูเขาทมิฬกว้างใหญ่ยิ่งนัก

สามปีก่อนหลังจากซูหมิงก้าวสู่ขั้นเซ่นไหว้กระดูก เขาก็กลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในบริเวณรอบๆ หมื่นลี้ ต่อให้เผ่าร่องลมก็ปรากฏผู้แข็งแกร่งเซ่นไหว้กระดูกเช่นกัน ทว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มในตอนนั้นอีก กาลเวลาฝากความฉลาดและมีวิสัยทัศน์ไว้กับเขา ฝากการผ่านโลกมาอย่างโชกโชนเอาไว้ บางทีอาจเป็นเพราะอายุมากแล้ว เขาจึงเริ่มหวนรำลึกถึงความฝันเมื่อหกสิบปีก่อนที่กำลังลืมเลือนไป

“สุดท้ายข้าก็เป็นเทพหมาน และต่อสู้กับตี้เทียน…” ซูหมิงยิ้มพลางเล่าเนิบๆ ให้เด็กน้อยรอบๆ ฟัง

“ท่านปู่ สุดท้ายใครชนะรึ”

“ตี้เทียนช่างน่ารังกียจยิ่งนัก ท่านปู่รีบบอกเถอะว่าใครชนะ”

“ปู่เองก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายใครชนะ เรื่องจบลงตรงนี้ บางที…..อาจไม่มีอีก” ซูหมิงยืนขึ้น แล้วลูบศีรษะเด็กชายเจ็ดแปดขวบคนหนึ่ง เด็กคนนี้คือหลานชายคนเล็กของเป่ยหลิง

ซูหมิงจากไปท่ามกลางความค้างคาของเหล่าเด็กๆ เขาเล่าเรื่องนี้จบแล้ว เวลาหกสิบปีทำให้เผ่าเขาทมิฬขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า เขาทำให้เผ่าเขาทมิฬแกร่งที่สุดในละแวกใกล้เคียง ต่อให้เขาออกจากที่นี่ เผ่าเขาทมิฬก็จะไม่เป็นอันตราย เพราะเป่ยหลิง…..ก็ก้าวสู่ขั้นเซ่นไหว้กระดูกแล้วเช่นกัน เพราะในหกสิบปีมานี้ เผ่าเขาทมิฬปรากฏนับรบขั้นชำระล้างอีกสี่คน!

อีกทั้งต่ำกว่าชำระล้างยังมีอีกมาก

นี่คือผลจากการหลอมเม็ดโอสถของซูหมิง

ในปีนี้ ยามรุ่งอรุณฤดูใบไม้ร่วงวันหนึ่งที่มีใบไม้ร่วงมากที่สุด ซูหมิงจัดสัมภาระเดินทางอยู่ชั่วครู่ แล้วเดินออกจากเรือนพัก ตั้งใจว่าจะออกจากเผ่าเขาทมิฬที่ขยายใหญ่ขึ้นมากแล้ว

ด้านหลังเขาไม่มีเสี่ยวหงติดตาม

เสี่ยวหงชรามากแล้ว มันกลับเข้าไปอยู่ในป่า ไปอยู่กับทายาทของมัน….

ยามรุ่งอรุณในชนเผ่าเดิมทีไม่มีใครออกมาข้างนอกมากนัก ทว่าวันนี้ตอนที่ซูหมิงเดินออกจากเรือน ชาวเผ่าทั้งหมดต่างยืนมองเขาอย่างเงียบๆ

“ขอคารวะส่งจ้าวหมาน!” ชาวเผ่าทั้งหมด ไม่ว่าชราหรือรุ่นเยาว์ล้วนคุกเข่าลง ส่งเสียงดังก้องกังวาน ซูหมิงหยุดชะงัก เขามองชาวเผ่าเหล่านั้นอยู่นาน ก่อนยิ้มพลางพยักหน้า

“แยกย้ายกันไปเถอะ ข้าจะกลับมา” ซูหมิงสะบัดมือแล้วเดินไปทางประตูใหญ่ของเผ่า จนกระทั่งจะเดินออกจากเผ่า ก็เห็นว่ามีชายชราคนหนึ่งยืนอยู่ตรงปากประตู

ชายชราคนนี้รูปร่างสูงตรงดุงดั่งทวน นัยน์ตาวาววับปานแฝงด้วนสายฟ้า เขามองซูหมิง ซูหมิงก็มองเขาเช่นกัน

นี่คือเป่ยหลิง นักรบเซ่นไหว้กระดูก

“จะไปจริงๆ รึ?” เป่ยหลิงเงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวช้าๆ

“หลังจากเหตุการณ์ใหญ่ครั้งนั้น ตอนนี้ผ่านมาหกสิบปีแล้ว…เผ่าเขาทมิฬขยายใหญ่ขึ้นมาก ไม่ต้องให้ข้าอยู่ที่นี่แล้ว…” ซูหมิงหันไปมองชนเผ่าแวบหนึ่งแล้วกล่าวเรียบนิ่ง

“ทว่าเหลยเฉินยังไม่กลับมา…” เป่ยหลิงมีสีหน้าอาลัยอาวรณ์ ความแกร่งของภูเขาทมิฬ ทุกอย่างเหมือนแรงกดดันที่เขากับซูหมิงแบกรับมาหลายสิบปี ในหกสิบปีนี้ผ่านอะไรมามากนัก

“ที่นี่คือบ้านของเขา เขาจะกลับมา…ข้า…..ต้องไปแล้ว” ซูหมิงเดินผ่านเป่ยหลิง ตบบ่าเขาก่อนเดินขึ้นฟ้าไปพร้อมกับรอยยิ้ม กลายเป็นสายรุ้งยาวค่อยๆ หายไปจากเส้นขอบฟ้า

ซูหมิงไปแล้ว หกสิบปีมานี้นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจากไปจริงๆ

สิบปีต่อมา ทางตอนใต้ของแดนพันธมิตรตะวันตก นอกป่าทึบสีเขียวไร้ที่สิ้นสุด ซูหมิงทะลวงผ่านขั้นเซ่นไหว้กระดูกตอนกลางก้าวเข้าสู่เซ่นไหว้กระดูกตอนปลาย

ยี่สิบปีต่อมา ทางตะวันออกของแดนพันธมิตรตะวันตก ซูหมิงยืนอยู่บนยอดเขาสูงสุดของที่นี่ เงยหน้าคำรามเสียงลากยาว ขั้นพลังเขาก้าวเข้าสู่เซ่นไหว้กระดูกสมบูรณ์!

ห้าปีต่อมา ตรงชายแดนพันธมิตรตะวันตกใกล้กับทะเลมรณะ เขายืนอยู่บนเรือลำหนึ่ง เขาในตอนนี้ไม่ใช่ขั้นเซ่นไหว้กระดูกอีก ระลอกคลื่นทั่วร่างผสานรวมกับฟ้าดิน เผยขั้นพลังอย่างชัดเจนคือวิญญาณหมาน!

เขาอยู่แดนพันธมิตรตะวันตกมาสามสิบห้าปี ในสามสิบห้าปีนี้ เขาเดินทางไปทั่วแดนพันธมิตรตะวันตก ทว่า…..ไม่เจอไป๋หลิง

จากกันมาเกือบร้อยปีเหมือนเป็นนิจนิรันดร์ ไม่ชัดเจนอยู่เพียงในความทรงจำ

ตอนที่ซูหมิงขึ้นเรือ เขาออกจากแดนพันธมิตรตะวันตก ภายใต้คลื่นทะเลมรณะซัดสาด เขายืนอยู่บนเรือเพียงลำพัง ล่องไปตามคลื่นกลางทะเลมรณะ

ฟ้าดินกว้างใหญ่ ซูหมิงรับสายลมกลิ่นเค็มของทะเลมรณะ เดินทางไปตามคลื่น เป้าหมายคือ…..แดนอรุณใต้!

สามสิบกว่าปีในแดนพันธมิตรตะวันตก เขารู้ว่าแผ่นดินหมานมีแดนอรุณใต้ มีแดนรกร้างบูรพา มีแดนทวีปเหนือ! หลังจากรู้ว่าโลกนี้มีแดนอรุณใต้กับรกร้างบูรพาจริงๆ เขาก็อยากไปแดนอรุณใต้ เขาอยากไปมองให้เห็นกับตาว่าทุกอย่างในความฝันเป็นจริงหรือไม่

เขาอยากไปดูยอดเขาลำดับเก้ากับตาตัวเอง ดูว่าที่นั่นจะเหมือนกับความฝันหรือไม่

ซูหมิงเดินทางอยู่บนทะเลมรณะอีกสิบปี ภายใต้การเข่นฆ่าตลอดทาง ขั้นพลังเขาก้าวสู่วิญญาณหมานตอนกลางแล้ว จนได้เหยียบบนแผ่นดินอรุณใต้!

ในแดนอรุณใต้ เขาเห็นเผ่าเชมัน เห็นเผ่าทะเลใบไม้ร่วง เห็นกำแพงหมอกนภาที่ยังไม่เป็นรูปร่างสมบูรณ์ เห็น…..เซียนจำนวนหนึ่ง

ในแดนอรุณใต้ เขาเห็นเมืองเขาหาน เพียงแต่ว่าที่นี่ไม่มีเมือง เป็นเพียงภูเขารกร้างเท่านั้น

เขาเห็นสำนักเหมันต์สวรรค์ เห็นยอดเขาลำดับเก้า เพียงแต่ว่าคนที่อาศัยอยู่บนยอดเขาไม่ใช่หู่จื่อ ไม่ใช่ศิษย์พี่รอง ไม่ใช่ศิษย์พี่ใหญ่ และไม่มีอาจารย์

ซูหมิงอยู่บนแดนอรุณใต้อีกร้อยปี เขาเดินทางผ่านทุกจุดในความฝัน เขาอยากตามหาความคุ้นเคยให้พบ มีบางที่คุ้นเคย ทว่าก็มีบางที่แปลกตา

จนกระทั่งปีหนึ่งที่ซูหมิงเลือกจากไป ขั้นพลังเขาก้าวสู่วิญญาณหมานสมบูรณ์ เขา…เห็นยอดจ้าวเชมันแห่งเผ่าเชมัน เห็นสงครามครั้งใหญ่ของเผ่าเชมันและหมาน

เดิมทีเขาไม่ร่วมสงครามนั้น จนกระทั่งเขาเห็นสองคนบนสนามรบ ในนั้นคือผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่าทะเลตะวันออก อีกคนคือชายวัยกลางคนที่เหมือนเพิ่งมาแดนอรุณใต้ วินาทีที่ซูหมิงเห็นหน้าตาชายคนนั้น ในใจเขาก็สั่นสะท้านอย่างพบเห็นได้ยาก

ชายวัยกลางคนผู้นั้นคล้ายกับเทียนเสียจื่อมาก!

เพียงแต่ว่ารูปลักษณ์ซูหมิงในตอนนี้ผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน อบอวลไปด้วยร่องรอยของเวลา ชายวัยกลางคนผู้นั้นกับผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่าทะเลตะวันออกต่อสู้กับยอดจ้าวเชมัน ความแกร่งของยอดจ้าวเชมันเหมือนจะอยู่เหนือกว่าวิญญาณหมานสมบูรณ์ ซูหมิงจึงเลือกลงมือ!

สงครามจบลง ยอดจ้าวเชมันสลายไป วิญญาณเขาหลับใหล ต่อให้เป็นซูหมิงก็ไม่มีขั้นพลังอย่างในตอนนี้อีก เพราะวิญญาณเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน สงครามครั้งนี้ ชื่อเสียงของสามยอดฝีมือแห่งแดนอรุณใต้ผงาดขึ้น

ทว่ากลับไม่มีใครรู้นามของซูหมิง จึงค่อยๆ กลายเป็นบุคคลลึกลับที่สุดในสามยอดฝีมือ

ซูหมิงจากไป เขาหาคำตอบเจอแล้ว เขาขึ้นเรือที่พาเขามาจากแดนพันธมิตรตะวันตกออกจากแดนอรุณใต้ มุ่งหน้าไปยังแดนรกร้างบูรพาด้วยความซับซ้อนและปลงอนิจจัง

บนแผ่นดินรกร้างบูรพา เขาไปมาสองที่ หนึ่งคือส่วนลึกของแดนรกร้างบูรพา ตรงแดนรกร้างใต้ยอดเขาแห่งหนึ่ง ที่นั่นคือตำแหน่งครอบครัวของเสี่ยวโฉ่วเอ๋อร์ในความฝัน อีกที่หนึ่งคือแดนที่มีหินใหญ่ลอยอยู่กับมีหลุมลึกจำนวนมากตรงใจกลางแดนรกร้างบูรพา ที่นี่คือจุดมาเยือนของเซียนในความฝัน!

ซูหมิงยืนอยู่บนหินก้อนใหญ่ตรงจุดมาเยือนของเซียน เขายืนมองฟ้าอยู่นานมาก ทุกอย่างในความฝันผุดขึ้นในความคิดอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายเขาก็หัวเราะ ในเสียงหัวเราะแฝงการหลุดพ้นและเข้าใจ

มันคือความเข้าใจต่อชีวิต คือความเข้าใจต่อวัฏจักร อีกยังเป็น…การควบคุมต่อชะตาชีวิต

“ตี้เทียน…” ขณะหัวเราะ นัยน์ตาค่อยๆ ฉายประกายเย็นชา เขาก้มหน้าลงมองแผ่นดิน ก่อนกัดปลายลิ้นพ่นโลหิต โลหิตตรงหน้ารวมตัวอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็กลายเป็นผลึกโลหิตหนึ่งชิ้น!

เขาวางผลึกโลหิตตรงหน้าผาก แล้วนำขั้นพลังทั้งหมดรวมถึงความเข้าใจต่อกาลเวลาและโชคชะตาผสานรวมเข้าไปด้านใน จากนั้นสะบัดลงพื้น ผลึกตรงไปยังพื้นดินโดยพลัน แล้วเข้าไปยังส่วนลึกสุดของดิน…ฝังอยู่ตรงนั้นไปชั่วนิรันดร์

เมื่อทำเสร็จก็สะบัดแขนเสื้อ เดินหน้าไกลออกไป

“วัฏจักรคือหนึ่งจุด…” หลังจากเขาจากไป เสียงยังคงกึกก้องรอบๆ

เวลาผ่านไปอีกร้อยปี

หนึ่งร้อยปีนี้ซูหมิงเดินผ่านภูเขาใหญ่บนเผ่าหมานหลายที่ เขากำลังตามหา…

เขาแดนหมานที่ท่านปู่บอก เพียงแต่ว่ายังคงหาไม่เจอ ผ่านไปอีกร้อยปี และอีกหลายปี….

ไม่รู้ว่าผ่านไปอีกนานเท่าไร เขาเดินทางไปทั่วแผ่นดิน แต่ก็ยังหาเขาแดนหมานไม่พบ

จนกระทั่งเขาเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ ตอนนี้เขาอยู่บนแผ่นดินใหญ่ที่ใดสักแห่งหนึ่งที่ลืมไปแล้ว นั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขา มองฟ้าที่ไกลออกไป

“เขาแดนหมาน…” ซูหมิงพึมพำเบาๆ

“ท่านปู่บอกว่ามันอยู่ในใจข้า…” ซูหมิงหลับตาลง หลับตาครั้งนี้ วัฏจักรสี่ฤดูวนเวียนไป กาลเวลาผ่านไปไม่รู้ว่านานเท่าไร…

จนกระทั่งวันหนึ่ง ซูหมิงลืมตาขึ้น ใบหน้าแก่ชราเผยรอยยิ้มเข้าใจ ตรงหน้าเขาเป็นภูเขาลูกหนึ่ง มันเป็นยอดเขาสูงเสียดเมฆ บนยอดเขานั้นมีตัวอักษรใหญ่สามตัวถูกแกะสลักลึกบนผนังหิน

เขาแดนหมาน!

ซูหมิงยืนขึ้นแล้วเดินขึ้นไปบนเขาแดนหมาน ตรงยอดเขา เขามองไปยังเหวลึกหมื่นจั้งด้วยรอยยิ้ม ก่อนเดินก้าวไปยังเหวลึก เขาไม่ใช้พลังใดๆ ร่างกายจึงดิ่งลงสู่เหวลึกหมื่นจั้งไป

เสียงลมกรีดร้องดังอยู่ข้างหู ใบหน้าแก่ชราเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว สุดท้าย…ก็กลายเป็นเด็กหนุ่ม

ฉับพลันนั้นโลกของเขาพังพินาศลง กลายเป็นเศษภูเขาทมิฬม้วนถอยไป ก่อนข้างหูจะได้ยินเสียงซวินในความฝัน

“เข้าใจวัฏจักร เข้าใจต้นสายปลายเหตุ ปลุกวิญญาณของเผ่า…”

“สละกายให้แดนหมาน อยู่เหนือโชคชะตา จากด้านหนึ่งของกระจก ก้าวสู่…อีกด้านหนึ่ง”

“จากนี้ไปจงสร้างชะตา…”

“ข้าเป็นใคร….คำตอบนี้ เมื่อเจ้ามาถึงเขาแดนหมานอีกครั้งอย่างแท้จริง ข้าจะรอเจ้า…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version