Skip to content

สู่วิถีอสุรา 778

ตอนที่ 778 หินโลก

ชั่วขณะที่หลงลี่เห็นหินโลกกลางธงใหญ่เก้าอัน ลมหายใจก็ติดขัดขึ้นมาทันที นัยน์ตาเปล่งประกาย อึ้งงันอยู่ตรงนั้นอยู่ชั่วครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะเสียงดัง

“โลกนี้มีได้มีเสีย สองอย่างมีความหมายของมัน ข้าเสียน้ำเต้าล้ำค่าไป แต่ก็ได้หินโลกมาแทน” เวลานี้หลงลี่ปลงอนิจจังอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเจ้าปกครองโลก ไม่นานก็ระงับความตื่นเต้นและปลงอนิจจังไป จากนั้นขยับตัวเข้าไปใกล้วงแหวนอาคม นัยน์ตาขยับประกายน้อยๆ จ้องหินโลกพลางหยิบม้วนคัมภีร์โบราณออกมาจากอกเสื้อ

หลังจากอ่านอย่างละเอียดแล้ว หลงลี่ก็ทำสัญลักษณ์มือขวาแล้วตบไปตรงปากทางเข้าด้านหลัง ตรงทางเข้าพลันขยับแสงหม่นวูบวาบ ทั้งปากทางเข้าถูกแสงรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนยักษ์ปกปิดเอาไว้ มันขยับวิบวับอยู่หลายทีก่อนผนึกเอาไว้อย่างหนาแน่น

‘ตามคำบรรยายในม้วนคัมภีร์โบราณ การรับหินโลกแกนรองไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ทักษะอย่างมากไม่ว่า ยังต้องใช้เวลาอีกด้วย…และในระหว่างนี้ห้ามมีใครมารบกวน’ ขณะหลงลี่ตรึกตรองอยู่ก็ยังไม่ค่อยวางใจนัก จึงทำสัญลักษณ์มือซ้ายกดตรงระหว่างคิ้วตัวเอง

ฉับพลันนั้น ตรงระหว่างคิ้วก็ปรากฏเกล็ดรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนเก้าชิ้น หลังจากแยกออกจากหว่างคิ้วกับเลือดเนื้อแล้ว มันก็วนเวียนอยู่รอบๆ ขยับแสงวูบไหวติดต่อกันจนกลายเป็นรังไหมแสงห่อหุ้มหลงลี่เอาไว้ภายใน สร้างขึ้นเป็นปราการที่หนาแน่นที่สุด

ยามนี้หลงลี่ถึงวางใจลงได้ เขาหายใจกระชั้นเล็กน้อย จ้องหินโลกพลางยกมือขวาแล้วเกิดความลังเลใจ

‘ตอนรับหินโลกแกนรองจะทำให้ผนึกของที่นี่คลายออกเป็นวงกว้าง…และหินโลกนี้จะปลดปล่อยพลังแห่งหนึ่งโลก ทำให้คนตกอยู่ในห้วงเหม่อลอย ขั้นพลังของข้าน่าจะรับมือไหว’ หลงลี่ไม่ลังเลอีก เขาทำสัญลักษณ์มือขวาพิลึก แล้วชี้ไปยังหินโลกที่ลอยอยู่กลางอากาศ

หลังจากนั้น ธงใหญ่เก้าอันบนพื้นพลันโบกสะบัดอย่างน่าประหลาด สัตว์กิเลนหน้าดำเก้าหัววิ่งวนไปรอบๆ พลางคำรามใส่หลงลี่

ในเวลาเดียวกัน หินโลกพลันเปล่งแสงสว่างจ้า ประหนึ่งว่าภายในถูกสัญลักษณ์มือพิลึกของหลงลี่กระตุ้น บนเปลือกหินโลกมีสายน้ำยาวลอยขึ้นมา มีภูเขาสูงและที่ราบ ใบหน้าสิ่งมีชีวิต ความยินดีโกรธเสียใจมีความสุข และการเกิดแก่เจ็บตายอัดแน่นอยู่เต็มไปหมด จากนั้นก็มีระลอกคลื่นพลังแห่งโลกแผ่มาจากในหินโลกก้อนนี้

สัตว์กิเลนหน้าดำเก้าหัวถูกระลอกคลื่นปะทะ มันไม่ร้องคำรามอีก แต่หลับตาลงครึ่งหนึ่งคล้ายหลับใหล หลงลี่อยู่ไม่ไกล วินาทีนี้ร่างเขาถูกระลอกคลื่นนั้นปกคลุม ทว่าเขาเตรียมตัวมาก่อนแล้วจึงไม่หลบหลัก เพียงแต่ช่วงที่ระลอกคลื่นเข้ามา เขากัดปลายลิ้นพ่นโลหิตแล้วยกมือขวาขึ้นสะบัด ทันใดนั้นก็มีร่างเงาดำมัวหมองสิบกว่าตนบินออกมาจากแขนเสื้อ ก่อนจะเข้าไปในร่างกายเขาผ่านทางทวารทั้งเจ็ด

ระลอกคลื่นจากหินโลกยังทะลวงผ่านปราการคุ้มกันของหลงลี่เข้ามา ทว่ากลับไม่ทำอันตรายใดๆ เพียงทะลวงผ่านไปแล้วก็วนเวียนอยู่รอบๆ

คนที่อยู่ใกล้ที่สุดแน่นอนว่าต้องเป็นซูหมิงในผนังหินซึ่งห่างจากที่นี่เพียงหนึ่งจั้ง ครั้นระลอกคลื่นทะลวงผ่านผนังหินมาแล้ว มันก็ส่งมาถึงซูหมิงด้วย

ซูหมิงกำลังสูบพลังแห่งเลือดเนื้ออยู่ ระลอกคลื่นอันอัดแน่นไปด้วยพลังแห่งโลกนี้ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ยังไม่ทันที่เขาจะรู้สึกตัว มันก็ตรงเข้ามาปะทะร่างกายแล้ว กระทั่งกระเรียนขนร่วงซึ่งกำลังอึ้งงันอยู่ก็ยังถูกระลอกคลื่นปกคลุมไปทั่วร่างด้วย

ยามนี้หากก้มหน้ามองจากด้านบนสุดของแดนผนึก ถ้าสายตามองทะลุผนังหินเหล่านี้ได้ จะเห็นว่ามีระลอกคลื่นไร้รูปวงหนึ่งขยายออกจากจุดที่มีหินโลกไปสู่ถ้ำรังผึ้งอย่างรวดเร็ว

การขยายออกเป็นวงกว้างนี้กะทันหันเกินไป อย่าว่าแต่ซูหมิงเลย กระทั่งคนเจ้าแผนการอย่างเถียนหลินกับซุนคุนยังไม่เคยคาดคิดว่าผลจะเป็นเช่นนี้

ถึงอย่างไรคัมภีร์โบราณของหลงลี่ก็เป็นความลับในใจเช่นเดียวกับน้ำเต้าล้ำค่า

ระลอกคลื่นเข้าไปใกล้เถียนหลินโดยพลัน เวลานี้เถียนหลินยังแปลงเป็นต้นไม้ใหญ่อยู่ แต่กิ่งไม้ทั้งหมดกำลังหดกลับมาอย่างเร็วไว เพราะเขารู้เส้นทางแน่ชัดที่จะเข้าไปยังส่วนลึกของผนึกแล้ว

ทว่าทันทีที่กิ่งก้านสาขาทั้งหมดกลับมา ต้นไม้ใหญ่ร่างแปลงของเขาพลันสั่นสะท้าน กิ่งไม้หนึ่งปะทะกับระลอกคลื่นก่อน แต่เสี้ยววินาทีต่อมา กิ่งไม้จำนวนมากของเขาก็มีเกือบครึ่งปะทะกับระลอกคลื่นพลังแห่งโลก เพราะเถียนหลินกระจายกิ่งไม้ออกกว้างเกินไป แม้เขาในตอนนี้จะตื่นตะลึงอยู่ แต่ก็ต้องคืนสภาพจากต้นไม้อย่างรวดเร็ว หากแต่กิ่งไม้แยกทั้งหมดตอนนี้มีมากกว่าครึ่งปะทะกับระลอกคลื่นและหลับใหลไปแล้ว แม้แต่จิตสำนึกตัวเขาเองยังใกล้จะหลุดลอย เพียงแต่มีความรู้สึกถึงภยันตรายเกิดขึ้นในใจ ทว่ามันกลับ…ไม่มีประโยชน์ใดๆ เลย

ครู่ต่อมา เถียนหลินในสภาพครึ่งคนครึ่งต้นไม้ก็หลับตาลงคล้ายหลับใหล ตกอยู่ในห้วงระลอกคลื่นของหินโลก

คนที่รับผลท้ายสุดคือซุนคุนที่มาถึงส่วนลึกของผนึก และอยู่นอกหินหนืดที่อยู่ของชื่อหั่วโหว เวลานี้เขากำลังนั่งฌานสูบพลังแห่งโลกอันเข้มข้นอย่างมีความสุข

เขาหมดสติไปโดยไม่รู้ตัว กระทั่งกล่าวได้ว่าเขาเองยังไม่รู้เลยว่าตนหมดสติไป ช่วงที่ระลอกคลื่นผ่านร่างเขา เขายังคงตื่นเต้นกับการสูบพลังแห่งโลกด้วยซ้ำ

จนถึงตอนนี้ ระลอกคลื่นจากหินโลกปกคลุมแดนผนึกทั้งหมด ใช้เวลารวมไม่เกินสิบลมหายใจ สิบลมหายใจต่อมาระลอกคลื่นก็หายไป แดนผนึกกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง

ทว่าเงียบสงบได้ไม่นานก็มีเสียงกึกๆ ดังกังวานในแดนผนึก ทุกครั้งที่เกิดเสียงดังกึกๆ จะเหมือนกับมีของบางอย่างแตกไป

เสียงนี้ดังกึกก้องตลอด โครงกระดูกในหินหนืดสีดำอมม่วงตรงส่วนลึกของผนึก ดวงตาของมันเปล่งแสงหม่นอย่างเด่นชัด กระบี่ตรงกลางกระหม่อมเริ่มคลายออกอีกครั้งเหมือนจะถูกบีบออกมา

บนตัวโครงกระดูกปรากฏเลือดเนื้อขึ้นอีกครั้ง จากนั้นโดยรอบก็มีเส้นสีขาวนับไม่ถ้วนโผล่ขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าจะทำการตัดชิ้นส่วนอีกหนึ่งรอบ เพียงแต่ว่า…เส้นสีขาวในรอบนี้มีอยู่ราวเจ็ดแปดส่วนเสียหาย

หลังจากเส้นสีขาวลากผ่านโครงกระดูกหลายครั้ง บนใบหน้าโครงกระดูกกลับยังมีเศษเนื้ออยู่บางส่วน ในอดีตเป็นไปไม่ได้ ทว่าตอนนี้เป็นไปแล้ว

โครงกระดูกอ้าปากเหมือนกำลังหัวเราะเสียงดังโดยไร้เสียง เลือดเนื้อบนใบหน้าฟื้นฟูด้วยความเร็วระดับสายตา ทั่วร่างก็เช่นกัน เส้นสีขาวโดยรอบวิ่งไปวิ่งมาไม่มีสิ้นสุด กลายเป็นการต่อต้านซึ่งกันและกัน

ทว่า…เส้นสีขาวนี้เสียหายเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ไม่อาจตัดเลือดเนื้อทั้งหมดของโครงกระดูกเหมือนดังแต่ก่อนได้ ทุกครั้งจะตัดออกทีละนิด แต่แม้จะเป็นเลือดเนื้อทีละเล็กน้อย หากสะสมมากเข้าก็น่าสะพรึงกลัวเช่นกัน

หากเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ บางทีอีกไม่นานโครงกระดูกอาจจะฟื้นคืนร่างกายทั้งหมด ส่วนพวกซูหมิงก็หลับต่อไป ไม่มีใครมารบกวน

การบุกแดนผนึกครั้งนี้หยุดชั่วคราวเพราะเรื่องนี้ ส่วนจะดีหรือไม่อย่างไรไม่รู้แน่ชัด ทว่าเรื่องราวไม่ได้ดำเนินไปเช่นนี้ วันที่สองหลังจากทุกคนหลับใหล ร่างครึ่งคนครึ่งต้นไม้ของเถียนหลินอยู่ภายในพื้นที่กว้างโล่ง อาจเป็นเพราะเถียนหลินหลับใหลเลยทำให้มันเสียการควบคุม กิ่งไม้หนึ่งจากต้นไม้ร่างแปลงจึงค่อยๆ เกิดรอยปริแตก

ไม่นานก็มีของเหลวสีเขียวหยดหนึ่งไหลออกมาจากรอยปริแตกของกิ่งไม้

ของเหลวหยดลงพื้นดังแปะ ทว่าไม่ได้แตกกระจายออก กลับตั้งอยู่บนพื้น จากนั้นภายในก็ขุ่นมัว ไม่นานหยดน้ำสีเขียวก็กลายเป็นหมอกเขียว

หมอกลอยขึ้นสูงปกคลุมพื้นที่ราวครึ่งจั้งแล้วหดกลับมาอย่างเร็วรี่ ก่อนจะมีคนตัวเล็กขนาดเท่าฝ่ามือปรากฏร่างอยู่ในหมอก ครั้นหมอกหดตัวเข้ามาเร็วขึ้นเรื่อยๆ ร่างเงานั้นก็ชัดเจนขึ้นทุกที

พริบตาเดียว เมื่อหมอกถูกเขาสูบไปจนหมด คนตัวเล็กจึงเผยหน้าตาอย่างชัดเจน เขาก็คือเยียเซินถง!

เขามีสีหน้าสับสนเล็กน้อย ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ มองไปรอบๆ ด้วยความสับสนยิ่งกว่าเดิม

“สังเวยร่างแยก บอกเรื่องทุกอย่างกับนายท่าน…” ครู่ต่อมา คนเล็กเยียเซินถงเหมือนนึกอะไรออก จึงเอ่ยพึมพำพลางขยับวูบไหวตัวออกไปข้างนอก

นี่คือสิ่งที่เถียนหลินไม่เคยคาดคิดมาก่อน ก่อนหน้านี้เขาผนึกเยียเซินถงไว้ เดิมทีตั้งใจว่าจะปล่อยในเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้เรียกจิงหนานจื่อมา ฉะนั้นจึงฝากร่างมายาเอาไว้ในจิตสัมผัสอีกฝ่ายส่วนหนึ่ง เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อเยียเซินถงตื่นแล้ว จะไปทำตามแผนโดยที่ร่างจริงอีกฝ่ายไม่รู้ตัว

เถียนหลินเตรียมตัวมานานหลายปีเพื่อแผนการครั้งนี้ แต่เพราะระลอกคลื่นของหินโลกเลยหมดสติไป ส่งผลให้แผนการ…ดำเนินไปก่อนเวลา

หลังจากคนตัวเล็กเยียเซินถงออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็วแล้ว หลายชั่วยามต่อจากนั้นเขามาปรากฏตัวอยู่บนผิวดาวแดงเพลิง ทั่วร่างลุกโชนด้วยเปลวเพลิง หลังจากใช้วิธีพิเศษวางอาคมสามวันแล้ว ช่วงที่ส่งจิตสัมผัสเสี้ยวหนึ่งออกจากร่างแยกไป ร่างแยกเขาก็ตายลง

ทว่าตอนที่ตายลงนั้น ภายในเขตพื้นที่ปกครองแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตของสี่มหาโลกแท้จริงซึ่งห่างไปไปไม่ไกลมากนัก ที่นั่นมีดาวแท้จริงจำนวนมากที่อัดแน่นไปด้วยพลังชีวิตและพลังวิญญาณ รวมถึงมีผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนของสี่มหาโลกแท้จริงอยู่

ตอนที่ไม่ได้ออกไปปฏิบัติภารกิจ ส่วนใหญ่พวกเขาจะหาที่ปิดด่านฝึกฝน เวลานี้ภายในผืนฟ้ากระจ่างดาวกว้างใหญ่ บนดาวแท้จริงสีเหลืองดิน มีภูเขาโลหิตอยู่ลูกหนึ่ง

ภูเขาลูกนี้เป็นสีแดงสดเพราะฝนสีโลหิตจากบนฟ้า ตรงปลายยอดเขามีบุรุษเปลือยท่อนบนนั่งขัดสมาธิอยู่ เส้นผมยาวยิ่งนักพลิ้วไหวตามสายลม ข้างกายวางหมวกกับเสื้อเกราะสีแดงไว้

เขานั่งเปลือยกายท่อนบนอยู่อย่างนี้ ปล่อยให้ฝนกลิ่นคาวโลหิตอาบชโลมร่าง จุดโลหิตหลายจุดติดอยู่บนหน้าอก ทว่าเขาหาได้สนใจไม่ เพียงแค่หลับตาหายใจอย่างเนิบช้า ทุกลมหายใจจะทำให้ฟ้าดินสีโลหิตเกิดเสียงดังกระหึ่ม เขา…คือจิงหนานจื่อ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version