ตอนที่ 104 ละครใหญ่เปิดฉากข้างถนน
ประชาชนทั่วไปเมื่อได้ยิน ‘จับส่งไปรับโทษที่ศาล’ ส่วนใหญ่ก็จะหวาดกลัวกัน เถ้าแก่เซี่ยยังหายใจไม่ทันอยู่ข้างหน้าพร้อมกับเพื่อนบ้านผู้นั้นได้ยินแล้วก็หัวหด ผ่อนฝีเท้าลงทันที มองอีกฝ่ายด้วยแววตาขอร้อง
ทว่าเด็กๆ ที่วิ่งตามมานั้นไม่กลัว ไม่ต้องพูดถึงหวังทงและฮ่องเต้ว่านลี่ คนอื่นๆ ก็ล้วนเป็นลูกหลานตระกูลทหาร ตอนอยู่ในพื้นที่ตนก็ทำอะไรตามอำเภอใจกันมาตั้งแต่เด็ก คำพูดนี้ขู่พวกเขาไม่ได้
“ศาลไหน ผู้ใดทำคดี แจ้งชื่อมา อย่าได้ข่มขู่เช่นนี้!”
เด็กคนหนึ่งโต้กลับไป เรื่องฉุดคร่าหญิงสาวชาวบ้านพวกนี้จะมีเอกสารเป็นทางการได้อย่างไร บ่าวรับใช้ที่ออกมาขวางไว้ผู้นั้นอดถลึงตาใส่ไม่ได้
เด็กๆ กรูกันเข้ามา บ่าวรับใช้ที่ตะโกนอยู่ก็รู้สึกลนลานอยู่บ้าง พอมีช่องเล็กๆ ให้เถ้าแก่เซี่ยแอบแทรกตัวเข้าไป
ประตูใหญ่เปิดอยู่ แม้ว่ามีคนออกันอยู่เต็มไปหมด แต่ยังสามารถมองเห็นเหตุการณ์ด้านในได้ เถ้าแก่เซี่ยตกใจสะดุ้งเมื่อเห็นว่าหลานสาวตนใช้กรรไกรจี้คอตนเองไว้ ท่าทางเด็ดเดี่ยว พี่สาวและพี่เขยเอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญอยู่ด้านนอก ก็ลนลานรู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่อาจคุมสติไว้ได้
เถ้าแก่เซี่ยมองซ้ายมองขวา ก็ไม่เห็นเจ้าหนี้อยู่ที่นั่น มีแต่พวกผู้คุ้มกันพวกนั้นที่ส่วนใหญ่จับจ้องอยู่ที่หญิงสาวในบ้านผู้นั้น อีกส่วนหนึ่งหันไปสนใจกับบรรดาเด็กหนุ่มสวมชุดสีน้ำเงินพวกนั้น ใครๆ ก็ไม่สนใจเขา เถ้าแก่เซี่ยลนลานอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็อดรนทนต่อไปไม่ไหว ตะโกนเสียงดังขึ้นว่า
“ทุกท่านมีอะไรคุยกันดีๆ คุยกันดีๆ เงินที่เป็นหนี้จะคืนให้ตอนนี้เลย จ่ายตอนนี้เลย!!”
เขาโก่งคอตะเบ็งเสียงดัง ในที่สุดก็มีคนได้ยิน เถ้าแก่เซี่ยล้วงมือลงไปในอกเสื้อหยิบก้อนเงินเศษๆ ออกมารวม 4 – 5 ร้อย ฝืนยิ้มสุดกำลังยื่นให้คนข้างหน้าคนหนึ่งกล่าวว่า
“เงินพวกนี้ นายท่านทั้งหลายรับไปดื่มน้ำชากันก่อน เงินที่ค้างไว้อีกสักครู่จะนำไปส่งให้ทุกท่าน หลานสาวข้านิสัยแข็งกร้าว อย่าได้บีบจนถึงขั้นต้องมีคนตายเลย!”
คว้าเงินออกมาทีสี่ห้าร้อยนั้น นับว่าไม่ใช่ชาวบ้านทั่วไปแล้ว หอรุ่งเรืองเป็นร้านอาหารใหญ่ การค้าตอนนี้ก็ยังรุ่งเรืองคึกคักดีมาก เถ้าแก่เซี่ยผู้นี้จึงได้มีเงินเช่นนี้ แต่บ่าวรับใช้เบื้องหน้าเขาหรี่ตามองแล้วก็ยกมือปัดมือเถ้าแก่เซี่ย
เงินร่วงลงพื้น ก็ไม่มีคนเก็บ คนพวกนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้มเพียงผิวหน้าว่า
“ใครต้องการเงินเจ้ากัน ที่ต้องการคือหญิงสาวผู้นี้ ถอยไป เจ้ารอเป็นน้าชายนายข้าแล้วกัน!!”
สีหน้าเถ้าแก่เซี่ยดำคล้ำลงทันที เดิมคิดว่าจะใช้วิธียอมเสียเงินแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับไม่เอา เรื่องนี้จะแก้ไขอย่างไรดี
ละครคั่นเวลาด้านนี้กำลังแสดงอยู่ อีกด้านก็มีเสียงร้องโอยดังขึ้น ถนนนั้นไม่กว้างนัก บ่าวรับใช้และผู้คุ้มกันขวางเอาไว้ พวกเด็กๆ เบียดเข้ามาไม่ได้
เอาศาลมาอ้างก็แล้ว ยังขู่ไม่ได้ บ่าวรับใช้พวกนี้จึงโมโหมาก พอเห็นด้านหลังเด็กพวกนี้ไม่มีผู้ใหญ่มาด้วย แม้ว่ายังไม่รู้ว่ามาจากไหนกัน แต่ก็ยังไม่อาจวางใจได้ ในเมืองหลวงมีบุคคลที่เสนาบดีกรมปกครองไม่อาจล่วงเกินน้อยมากๆ อย่างไรก็คงไม่ใช่เจ้าเด็กพวกนี้
ในเมื่อไม่กลัวก็ลงมือเลย ที่อยู่ด้านหน้าสุดก็คือลี่เทา ซุนซิงและคนที่ตัวใหญ่อีกสองสามคน จึงได้ลงมือผลักไปสองสามที
แต่เด็กๆ ยืนเบียดเสียดกันแน่น ผลักก็ผลักไม่ขยับ กลับเป็นการทำให้ขบวนของเด็กๆ ฮึกเหิมขึ้น ส่งแรงดันมาจากด้านหลังทันที คนมากแรงก็มาก บ่าวรับใช้พวกนั้นต้านไว้ไม่อยู่
พอต้านไม่อยู่ ก็จะลงมือแล้ว บ้างก็ยกเท้าถีบ บ้างก็ตบบ้องหู ยังมีที่กำหมัดต่อย ล้วนเป็นวิธีการลงมือไม้ลงมือแบบพวกชาวบ้านร้านตลาดทั่วไป แต่บรรดาเด็กที่อยู่แถวหน้าล้วนเป็นพวกได้รับการฝึกกันมาแต่เล็ก ฝึกยุทธวิธีแบบกองทัพใช้กัน แม้ว่าอายุยังน้อย แต่ฝึกมาตั้งแต่เล็กจนโต ยังมีการฝึกหนักเป็นระบบจากลานฝึกบวกเข้าไปอีก เทียบกับพวกบ่าวรับใช้ที่มาช่วยก่อการวิวาทพวกนี้แล้ว จะเก่งกาจกว่าสักเท่าไรก็ไม่อาจรู้ได้
เดิมด้านหน้าก็เบียดเสียดอยู่แล้ว บรรดาเด็กยังหวาดกลัวกันบ้าง แต่พออีกฝ่ายลงมือ ก็ไม่มีหนทางจะให้ถอยอีก ลี่เทาเตะไปที่ขาของอีกฝ่าย ตวัดเท้าเตะขึ้นอย่างแรงทีหนึ่ง พอดีเตะไปโดนจุดยุทธศาสตร์ ซุนซิงตัวอ้วนใหญ่ โดนอีกฝ่ายไปหนึ่งหมัด ก็ต่อยคืนทันทีหนึ่งหมัด โดนแก้มของอีกฝ่ายอย่างแรง แรงเขามากอยู่แล้ว หมัดเดียวก็ทำเอาคนผู้นั้นร่วงลงกับพื้นทันที
บ่าวรับใช้ที่ถูกเตะโดนจุดยุทธศาสตร์ผู้นั้นใบหน้าเขียวคล้ำ ร้องครวญครางขดตัวราวกับกุ้งแห้งทันที ลงมือกันแค่เวลาไม่นาน คนที่อยู่แถวหน้าหากไม่ล้มลงกับพื้น ก็ถอยกรูดไปด้านหลัง
สองคนที่ถอยกรูดไปล้วนแต่งตัวแบบผู้คุ้มกัน พอเห็นฝีมือของเด็กพวกนี้ก็เริ่มถอยกรูดพลางตะโกนเรียกพรรคพวกเสียงดัง
ทางนี้ลงมือตีกัน เด็กๆ ก็ยิ่งเฮโลกัน สีหน้าฮ่องเต้ว่านลี่แดงก่ำ พยายามฉุดหลี่หู่โถวขึ้นหน้าไปด้วยกัน ตัวเตี้ยมองไม่ชัดก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
ชุลมุนวุ่นวายกันเช่นนี้ ยังไม่ทันบอกกล่าวอะไรก็เบียดตัวขึ้นหน้าไป ฮ่องเต้ว่านลี่เป็นอะไรไป หวังทงวางแผนงานมานานเกรงว่าจะพังลงในวันเดียว หวังทงได้แต่ร้องโอดครวญในใจ ได้แต่ตามติดขึ้นหน้าไป
คนที่แต่งกายแบบผู้คุ้มกันสิบกว่าคนกรูกันออกมาจากร้านน้ำชา คนเหล่านี้เป็นชายฉกรรจ์หน้าตาถมึงทึง แยกตัวเป็นสองแถวปิดทางเอาไว้ ระหว่างแถวเว้นช่องว่างระหว่างกันเอาไว้ มิได้อุดทางไว้หมด แต่สถานการณ์เช่นนี้ทำเอาเด็กๆ พากันหยุดชะงัก
“คนพวกนี้รู้ยุทธวิธี ทุกคนนิ่งก่อน อย่าเพิ่งรุก!!”
ลี่เทาพอมีความสามารถในการนำกองทหารอยู่บ้าง พอเห็นอีกฝ่ายตั้งท่าป้องกันเช่นนี้ ก็ยกมือตะโกนขึ้น ยามนี้จึงได้เห็นผลจากการฝึกชัดเจน พอลี่เทาตะโกน เด็กๆ แถวหน้าสุดก็หยุดพร้อมกัน ด้านหลังก็ไม่ดันด้านหน้าอีก
คนร้อยคนเคลื่อนไหวราวคนเดียวกัน สภาพเช่นนี้มีเพียงกองทหารที่เข้มแข็งเท่านั้นที่จะทำได้ บรรดาเด็กๆ หยุดชะงัก ผู้คุ้มกันที่เรียงสองแถวก็ตกใจ สามารถมีกองทัพเด็กเข้มแข็งร้อยคนและผ่านการฝึกเช่นนี้ได้ เบื้องหลังต้องไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาทั่วไป อย่างไรคงต้องรับมือให้รอบคอบไว้ก่อนเป็นดี
“เรื่องส่วนตัวของเสนาบดีหวังแห่งกรมปกครอง ทุกคนอย่าได้ยุ่งเกี่ยว จะได้ไม่มีภัยมาสู่ตัว!”
การปฏิบัติการของผู้คุ้มกันพวกนี้มีระเบียบแบบแผนมากกว่าพวกบ่าวรับใช้ที่ใช้อำนาจรังแกผู้อื่นทั่วไปมากนัก เอ่ยขึ้นมาก็แจ้งชื่อชัดเจน ประชาชนทั่วไปอาจไม่รู้จักตำแหน่งขุนนางอะไร แต่ตำแหน่งเสนาบดีนี้ทุกคนล้วนรู้จัก เป็นตำแหน่งเทียบได้กับขุนนางผู้ใหญ่ระดับอำมาตย์เลยทีเดียว แต่เด็กๆ ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา ก็ย่อมเข้าใจเรื่องพวกนี้ดี
แม้ว่าก่อนมาก็รู้แล้วว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเสนาบดีกรมปกครอง แต่เมื่อมาตะโกนแจ้งกันต่อหน้าเช่นนี้ ทุกคนก็รู้สึกลังเลอยู่บ้าง ผู้คุ้มกันพวกนั้นก็ดูไม่เบา ยังตะโกนสำทับมาอีกว่า
“อย่าได้ก่อเรื่องนำภัยมาสู่ตัวจะดีกว่า พวกเจ้ากลับไปก่อน เรื่องวันนี้เราไม่เอาเรื่อง”
ลี่เทากับซุนเซิงสองคนที่อยู่ด้านหน้าเป็นผู้นำในการลงมือ ทั้งสองมีความเป็นผู้ใหญ่กว่าวัยเดียวกันอยู่เล็กน้อย รู้ความหนักหนาสาหัสของเรื่องนี้ดี พอได้ยินอีกฝ่ายกล่าวเช่นนี้ ก็มองตากันส่งความนัยว่าให้ถอย
ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงเด็กผู้ชายร้องไห้ดังมาจากในบ้าน พอได้ยินเสียงร้องไห้ พี่สาวและพี่เขยเถ้าแก่เซี่ยก็ร้อนใจขึ้นมาทันที คิดจะเบียดตัวเข้าไปในบ้าน แต่บรรดาบ่าวรับใช้พวกนั้นจะให้พวกเขาเข้าไปได้อย่างไร ขาทั้งสองข้างถูกขัดล้มลง พี่สาวเถ้าแก่เซี่ยได้แต่ร้องไห้คร่ำครวญอยู่ที่พื้น โขกศีรษะอย่างไม่คิดชีวิต
เถ้าแก่เซี่ยยืนตะลึงอยู่ตรงนั้นไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่คุกเข่าลงโขกศีรษะขอร้องคนเหล่านั้น ร้องไห้กล่าวว่า
“นายท่านทั้งหลาย เด็กน้อยไม่รู้ความ ขอพวกท่านปล่อยเขา…”
เขาโขกศีรษะขอร้องคนกลุ่มนั้น หากถูกคนกลุ่มนั้นถีบล้มลง ทุบตีไปหลายที พอลุกขึ้น ก็ได้แต่โขกศีรษะต่อ
“พวกเดรัจฉาน ปล่อยน้องชายข้า!!”
ได้ยินเสียงหญิงสาวตะโกนเสียงดุดัน ในตอนนั้นเองก็มีเสียงกลั้วหัวเราะกล่าวว่า
“แม่นางอย่าได้กลัวไป นี่มิใช่เพราะกลัวเจ้าจะทำร้ายน้องชายเจ้าหรือ? หุหุ เด็กน้อยนุ่มนิ่ม เจ้าวางกรรไกรลง ข้าก็จะปล่อยน้องชายเจ้า…”
ไม่ได้เห็นกับตา แต่ก็พอเดาเหตุการณ์ได้ คงเป็นน้องชายหญิงสาวไม่รู้ความ อยู่ๆ วิ่งออกไปให้ให้พวกคนของจวนเสนาจับเป็นตัวประกัน
บรรดาเด็กๆ เดิมคิดจะถอยแล้ว แต่พอได้ยินก็ฮึดขึ้นมาอีก ในตอนนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงตบมือหัวเราะดังออกมาจากในร้านน้ำชาว่า
“มิเสียแรงที่มาด้วยตัวเอง สนุกจริง รอให้จับเจ้าได้ ข้าจะดูว่าน้องชายเจ้าหน้าตาเหมือนกันหรือไม่ หากหน้าตาดีล่ะก็ จะพากลับไปสอนสั่งด้วย”
เสียงหัวเราะเริงร่าในร้านน้ำชา ยังมีเสียงคนพูดว่า ‘คุณชายช่างสุนทรีจริง’
ชื่อเสียงของเสนาบดีกรมปกครองสามารถทำให้เด็กๆ ตกใจกลัวได้ แต่ไม่อาจทำให้ฮ่องเต้ว่านลี่กลัว ขบวนไม่ขยับไปข้างหน้า ทำเอาร้อนใจจนต้องกระโดดดู
ได้ยินความเคลื่อนไหวดังออกมาจากในบ้าน พร้อมกับน้ำมันที่ราดลงบนกองไฟที่ดังมาจากในร้านน้ำชา การที่ฮ่องเต้ว่านลี่ได้มาฝึกที่ลานฝึกหลายเดือนมานี้ นิสัยก็เอาเรื่องมากขึ้น จึงก้มลงหยิบก้อนหินจากพื้น ปาใส่ผู้คุ้มกันสองแถวข้างหน้าทันที ปากก็ตะโกนว่า
“ถึงเป็นเสนาบดีกรมปกครองก็ไม่อาจฉุดคร่าหญิงสาวชาวบ้าน พวกเราลุย!”
เดิมสถานการณ์ก็นิ่งลงแล้ว ผู้คุ้มกันต่างคิดไม่ถึงว่าจะมีก้อนหินลอยมา คนที่อยู่ทางนั้นไม่ทันได้หลบ ก็ถูกหินปาโดนหัวอย่างจัง ผู้คุ้มกันผู้นั้นร้องดังลั่น เลือดอาบ กุมหัวทรุดลงทันที
พอเห็นพวกของตนได้รับบาดเจ็บ บรรดาผู้คุ้มกันก็โมโหมาก หลายคนที่ทนไม่ไหวก็พุ่งเข้าใส่ทันที
บรรดาเด็กๆ เดิมก็ฮึกเหิมกันอยู่แล้ว พอได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากในบ้าน ก็ยิ่งยืนกันไม่ติด พอเห็นอีกฝ่ายเลือดอาบ ยังมีเสียงคนด้านหลังดังผสมโรงมาอีก ก็ทนต่อไปไม่ไหว พุ่งเข้าใส่ทันทีเช่นกัน
เด็กๆ เดิมก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟกันอยู่แล้ว สถานการณ์ที่ได้ผดุงความเป็นธรรมเช่นนี้ ก็เหมือนกับปืนใหญ่ที่จุดติด ระเบิดเข้าใส่ทันที
สองฝ่ายเปิดฉากประจัญบานเข้าหากัน ฮ่องเต้ว่านลี่ที่อยู่ด้านหลังก็เกือบกระโดดเข้าใส่ด้วย ตื่นเต้นฮึกเหิมสุดขีด หันไปตะโกนบอกหลี่หู่โถวว่า
“หู่โถว พวกเรารุกไปด้วยกัน!!”
หลี่หู่โถวชื่นชอบสถานการณ์เช่นนี้มากกว่าว่านลี่มากนัก ไหนเลยจะไม่ฟัง ขยับเท้ารุกเข้าใส่ทันที หวังทงที่ตามอยู่ด้านหลังก็ยิ้มขื่น แต่สถานการณ์เช่นนี้ก็ทำเอาเขาฮึกเหิมไปด้วยเช่นกัน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ลงมือเลยแล้วกัน หวังทงก้าวเท้ายาวๆ วิ่งไปหน้าฮ่องเต้ว่านลี่ เอ่ยว่า
“ตามข้าไว้ อย่าวิ่งไปที่อื่น พวกเราลุยไปด้วยกัน!!”