ตอนที่ 109 แยกแยะบุญคุณความแค้นชัดเจน ลูกชายที่ดี
มีภาษิตกล่าวว่า คนดีต้องเป็นให้ถึงที่สุด ยังมีอีกภาษิตว่า ส่งพุทธะต้องส่งให้ถึงสวรรค์แดนตะวันตก
ในเมื่อเจ้าเป็นคนดี ก็ต้องเตรียมใจที่จะเสียเปรียบ ดังนั้นตอนเจ้าช่วยเหลือ เสียเปรียบบ้าง ซวยไปบ้างก็สมควรอยู่
เดาว่าเถ้าแก่เซี่ยก็คิดเช่นนี้ ซุนต้าไห่วิ่งออกไปไม่นาน ก็กลับมา รายงานหวังทงด้วยสีหน้าแปลกๆ ว่า
“ใต้เท้า หอรุ่งเรืองค่ำนี้ไม่เปิดร้าน ว่ากันว่าเถ้าแก่เซี่ยเชิญคนที่พอจะเจรจากับจวนเสนาได้มาดื่มสุรากัน…”
หวังทงเดิมกำลังประคองชามโจ๊กดื่มอยู่ พอได้ยินก็อึ้งไปก่อนจะทิ้งชามโจ๊กลงบนโต๊ะอย่างแรง ลุกขึ้นยืนตะโกนดังทันทีว่า
“ต้าไห่ ข้าจะรออยู่ที่นี่ชั่วเวลาหนึ่งก้านธูป ไปตามคนที่เจ้าตามมาได้ทั้งหมดมา!”
ลูกน้องหวังทงล้วนรู้ว่าใต้เท้าของตนตอนบ่ายนำขบวนเด็กในลานฝึกไปออกหน้าช่วยเถ้าแก่เซี่ย มีเด็กไม่น้อยตอนมากินข้าวเย็นใบหน้ายังทายาอยู่ บางคนยังจมูกเขียวช้ำหน้าตาบวมปูดอีกด้วย
แต่ถึงตอนนี้ เถ้าแก่เซี่ยและครอบครัวพี่สาวยังไม่ได้มาขอบคุณถึงที่ ตอนปะทะกันแล้วพี่เขยเถ้าแก่เซี่ยพุ่งมาปิดประตู ปิดทางถอยของเด็กๆ เรื่องนี้หวังทงไม่เอ่ยถึง แต่พอได้ยินว่าเถ้าแก่เซี่ยถึงกับยังเชิญคนจวนเสนามาเลี้ยงอาหาร ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที
ไม่นานนัก ลูกน้องซุนต้าไห่ห้าคน ชายหนุ่มอีกหลายสิบคนที่เลี้ยงดูไว้ก่อนหน้านี้พร้อมทั้งหม่าซานเปียวก็มาถึง หลี่เหวินหย่วนคิดจะตามไปด้วย แต่หวังทงห้ามไว้ เพราะฆ่าไก่ไม่ต้องถึงขั้นต้องใช้มีดฆ่าวัว
ประตูทางเข้าหอรุ่งเรืองมีคนเดินผ่านไปมา คึกคักมาก คนงานต้อนรับหน้าประตูกำลังทักทายแขกอย่างนอบน้อม พอเห็นหวังทงในชุดองครักษ์เสื้อแพรนำคนมาสีหน้าไม่ดีนัก ก็อึ้งไปก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปกล่าวทักอย่างสุภาพว่า
“นายท่านหวัง ให้เกียรติมาดื่มที่ร้านเราเช่นนี้ เราจัดเรือนรับรองพิเศษไว้ให้ท่าน…”
คำพูดเหล่านี้ล้วนเป็นคำพูดตามมารยาท ให้แขกฟังแล้วรื่นหู แต่ใบหน้าหวังทงยังคงบึ้งตึง ไม่ได้สนใจคนงานต้อนรับผู้นี้ มองไปยังป้ายร้านหอรุ่งเรือง กล่าวน้ำเสียงเย็นเยียบขึ้นว่า
“ไล่แขกข้างในออกไปให้หมด แขกที่โต๊ะเถ้าแก่เซี่ยห้ามไปไหนทั้งนั้น ลงมือ!”
ชายหนุ่มที่ฝึกอย่างเป็นระบบสม่ำเสมอ มีแอบขี้เกียจฝืนกฎกันบ้าง แต่ก็ได้รับโทษให้วิ่งรอบสนามและว่ากันด้วยเหตุผล ชายหนุ่มที่ถูกฝึกโดยคนของหวังทงเหล่านี้ หากมีปัญหาก็จะลงแส้โบยลงไม่ตี โดนดุด่าก็เป็นเรื่องปกติ โอกาสที่จะฝืนกฎก็ไม่มากเท่าไร จนถึงตอนนี้มีเพียงคนสองคนที่ถูกส่งกลับบ้านไปเพราะฝึกได้ช้ากว่าคนอื่น
เพราะการฝึกเข้มงวด ดังนั้นจึงเห็นผลชัดเจน หวังทงออกคำสั่งนี้ก็เป็นเหมือนคำสั่งทหาร ชายหนุ่มด้านหลังก็วิ่งกรูกันเข้าไปในหอรุ่งเรืองทันที
“ใต้เท้าหวัง นายท่านหวัง นี่มันเกิดอะไรขึ้น มีอะไรๆ ค่อยๆ พูดจากัน…”
คนงานต้อนรับเห็นเช่นนี้ก็ร้อนใจทันที พูดติดกันไม่หยุด หวังทงโบกมืออย่างรำคาญ องครักษ์เสื้อแพรหน้าเข้มก็เข้ามาลากคนงานผู้นี้ออกไป
หวังทงก้าวเท้ายาวๆ เข้าไปในหอรุ่งเรือง หม่าซานเปียวลากม้านั่งตัวยาวมาวางไว้ด้านหลังหวังทง ตำแหน่งนี้อยู่หน้าประตูหอรุ่งเรืองพอดี หวังทงลงนั่งกางขาตั้งฉากวางท่าหนักแน่นอยู่ตรงนั้น
เสียงตะโกนอย่างโมโห เสียงกร่นด่า ยังมีเสียงร้องอย่างตกใจดังออกมาจากห้องส่วนตัวแต่ละคน จากเรือนรับรองแยกแต่ละเรือน เริ่มไล่คนออกไป ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงผู้หญิง หวังทงขมวดคิ้วถามว่า
“ผู้หญิงที่ไหน?”
ในยุคสมัยนี้ ผู้หญิงไม่อาจออกมาเผยโฉมหน้านอกบ้านได้ นอกจากบางสถานที่เท่านั้น สถานที่อย่างหอรุ่งเรืองนี้เป็นที่ไม่อาจปรากฏตัวได้ คนเก็บเงินที่อยู่หลังโต๊ะเก็บเงินใจกล้ากล่าวตอบว่า
“นายท่านหวัง แขกที่นี่เรียกหญิงสาวระดับเบอร์ต้นมาจากหอรับวสันต์ ให้มาร้องเพลงและดื่มเป็นเพื่อน”
อ้อ หวังทงส่งเสียงรับรู้ บรรดาแขกต่างมีสีหน้าโมโหหรือไม่ก็ไม่พอใจเริ่มทยอยกันออกมา พอเห็นองครักษ์เสื้อแพรอายุน้อยผู้หนึ่งนั่งกางขาตั้งฉากวางท่าน่าเกรงขามอยู่ที่เก้าอี้ยาวขวางหน้าประตูไว้ และยังมีองครักษ์เสื้อแพรด้านหลังอีกหลายคน ก็เดาได้ว่านี่คือคนสั่งการ แต่เดาได้แล้วอย่างไร กล้าโมโหแต่กลับไม่กล้าเอ่ยอันใด
คนกลุ่มสุดท้ายที่ออกมา เห็นชัดว่าดื่มกันไปไม่น้อย ล้วนสวมชุดผ้าแพรต่วนปักลายดอกสีอ่อน ในมือคนผู้หนึ่งยังโอบหญิงสาวเอาไว้ด้วย คนผู้นั้นเดินไปก็กร่นด่าไปว่า
“วันนี้คุณชายเช่นข้าไม่ได้พาบ่าวมาด้วย ไม่เช่นนั้นไหนเลยจะปล่อยให้สุนัขพวกนี้มาเห่าหอนกันอยู่ตรงนี้ได้!!”
บรรดาคนหนุ่มข้างๆ ต่างพากันประสานเสียงรับ ชุดผ้าแพรต่วนปักลายดอกสีอ่อน ในเมืองหลวงนี้หากไม่ใช่คุณชายหนุ่มๆ จากตระกูลร่ำรวยย่อมไม่อาจสวมชุดเช่นนี้ได้ และยังต้องร่ำรวยถึงระดับหนึ่งด้วย เพราะชุดผ้าแพรต่วนอย่างดี ปักลายดอกสีอ่อน เป็นของล้ำค่า แต่ใส่ไม่ทน คนไม่เงินหรือเงินไม่มากจริงก็ใส่กันไม่ไหว
คนที่เรียกตนเองว่าคุณชายนั้นพอเห็นหวังทงนั่งขวางอยู่หน้าประตู ก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ชี้หน้าด่าหวังทงด้วยเสียงอ้อแอ้ว่า
“เจ้าสุนัขสมควรตาย กล้ามาขัดความสำราญของข้า พรุ่งนี้จะลอกชุดมัจฉาเวหาเจ้าซะ เจ้า…”
คนที่ลงมือไล่แขกล้วนเป็นชายหนุ่มอายุน้อย พอเห็นพวกที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ ไม่ตอแยด้วยได้เป็นดี แต่องครักษ์เสื้อแพรกลับรู้ว่าอะไรคืออำนาจและความร่ำรวย รู้ว่าใครจัดการได้ ใครไม่ควรแตะต้อง
ดังนั้นพอคุณชายน้อยผู้นี้กล้าโมโหเหวี่ยงใส่หวังทง หวังทงที่กำลังเดือดจัด มองผู้ที่ชี้มาที่ตนด้วยสายตาเย็นเยียบ พอพูดถึงคำว่า ‘เจ้า’ หวังทงก็กระโดดลุกขึ้นตบหน้าอย่างแรงไปหนึ่งที
เดิมที่ยืนโงนเงนอยู่ พอถูกตบอย่างแรงเช่นนี้ คุณชายผู้นั้นก็ล้มลงกับพื้นทันที สหายข้างกายสองสามคนของเขาต่างพากันตะลึงมอง จ้องมาที่หวังทง ไม่กล้าส่งเสียงสักแอะเดียว
ใครก็คิดไม่ถึงว่า คนที่ได้สติคนแรกสุดจะเป็นหญิงสาวผู้นั้น พอคุณชายล้มลง หญิงสาวก็จำได้ว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนี้เป็นใคร หญิงสาวผู้นั้นรีบคุกเข่าลง โขกศีรษะติดๆ กัน ขอร้องว่า
“นายท่านหวัง ข้าน้อยไม่รู้ว่าท่านมาปฏิบัติภารกิจ นายท่านเหล่านี้เป็นแขกประจำของหอเรา แต่ดื่มกันไปไม่น้อย ท่านโปรดปล่อยพวกเขาไปนะเจ้าคะ!”
“เจ้าจำข้าได้?”
“วันนั้น นายท่านหวังไปที่หอรับวสันต์ ข้าน้อยมองดูอยู่ด้านหลัง”
พอพูดถึงตรงนี้ ก็มีเสียงกรนดังขึ้น หวังทงมองไป ก็เห็นคุณชายที่โดนตบหน้าไปผู้นั้นดื่มมากไป พอล้มลงกับพื้น ก็มึนด้วยฤทธิ์สุราหลับไปทันที
สถานการณ์เช่นนี้ทำเอาร้องไห้ก็ไม่ได้ หัวเราะก็ไม่ออก หวังทงโบกมืออย่างรำคาญ เอ่ยขึ้นว่า
“รีบไป ขี้เกียจจะสนใจพวกเจ้า!”
พอหวังทงลงมือกับคนผู้นั้นไป คนอื่นๆ ก็มองกันอ้าปากค้าง สีหน้าไม่อยากจะเชื่อ แต่มองไปที่หม่าซานเปียว ซุนต้าไห่และคนอื่นที่หน้าตาถมึงทึงแล้ว ก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ ช่วยหญิงสาวประคองคุณชายผู้นั้นออกไปทันที
คนงานที่ไปขับไล่แขกคนหนึ่งวิ่งกลับมา รายงานอย่างนอบน้อมว่า
“นายท่าน เหลือแค่โต๊ะเดียวขอรับ”
หวังทงเดินไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด โต๊ะที่เถ้าแก่เซี่ยเลี้ยงแขกนั้นเป็นเรือนรับรองเดี่ยวด้านหลัง ตอนหวังทงเดินไป ชายหนุ่มสิบกว่าคนก็อุดประตูไว้ ตรงประตูมีคนผู้หนึ่งกำลังตะโกนด่าว่า
“เจ้าพวกชั้นต่ำ กล้าขวางทางนายท่านตู้เช่นข้า หากยังไม่หลีกทาง ถึงตอนนั้นไปเรื่องถึงเสนาหวัง ระวังหัวของเจ้าให้ดี!!”
ชายหนุ่มที่หวังทงส่งมานั้นจ้องมองเขม็ง คนผู้นี้ดูแล้วน่าจะดื่มไปมาก ส่งเสียงสบถด่าไม่หยุด
“เจ้าเกี่ยวข้องอันใดกับท่านเสนาบดีกรมปกครอง?”
“ข้าเป็นสหายสนิทกับท่านเสนา ปกติมักจะร่วมวงวาดรูปร่ายกลอน…”
พูดยังไม่ทันจบ ก็ถูกหวังทงต่อยไปที่ท้องหนึ่งที คนทั้งคนกลิ้งไปอีกทางทันที พอหวังทงผลักประตูเข้าไปก็กล่าวเสียงเยียบเย็นว่า
“ก็แค่พวกไร้สาระ มาคุยโวโอ้อวดอะไรที่นี่กัน”
คนอื่นๆ ที่เรือนรับรองนี้กลับไม่ได้อวดเบ่งใหญ่โตอย่างนายท่านตู้ผู้นี้ ทุกคนนั่งอยู่กับที่ด้วยสีหน้าหมองคล้ำ สีหน้าเถ้าแก่เซี่ยยิ่งหมองกว่า เอาแต่นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างไม่รู้จะรับมืออย่างไร
หวังทงเดินเข้าไป มองไปรอบๆ กล่าวเสียงเยียบเย็นว่า
“ผู้ใดมีสายสัมพันธ์กับเสนาหวังอีก?”
นายกองธงใหญ่ตัวเล็กถามอย่างไม่กลัวเกรงเช่นนี้ หากเป็นเมื่อก่อน เกรงว่าคงมีคนหัวเราะกันฟันร่วงไปแล้ว แต่ตอนนี้ไม่มีใครกล้าส่งเสียง มีแต่เถ้าแก่เซี่ยที่ลอบกลืนน้ำลาย ทำหน้าตาไม่รู้เรื่องกล่าวว่า
“ใต้เท้าหวัง ท่านเหล่านี้เป็นคนที่ข้าน้อยเชิญมา มีบางคนรู้จักนายท่านตู้ผู้นั้น แต่มิได้รู้จักกับจวนเสนา”
“ไสหัวไป ไสหัวไปให้หมด!”
หวังทงยกมือขึ้นโบกไล่ทุกคน เขานั่งลงตรงข้ามเถ้าแก่เซี่ย รอจนคนออกไปหมด ก็เอ่ยเสียงเย็นเยียบว่า
“พี่เซี่ย วันนี้เด็กๆ ออกหน้าสู้ตายแทนท่าน ท่านและพี่สาวกับพี่เขยทำไมจึงได้ปิดประตู?”
พอเถ้าแก่เซี่ยจะพูด หวังทงก็ถามต่อ
“ตอนเด็กๆ ปะทะกันนั้น มีบางคนบาดเจ็บ ท่านไม่แม้แต่จะไปขอบคุณ ยังกลับเชิญคนที่มีสายสัมพันธ์กับจวนเสนามา ท่านคิดอย่างไรกัน?”
เถ้าแก่เซี่ยสีหน้าแดงก่ำ อ้าปากจะแก้ตัว หวังทงก็ยกมือกวาดจานชามข้าวของบนโต๊ะลงพื้นด้วยความโกรธสุดขีด ชี้หน้าด่าอย่างโมโหมากว่า
“คุณธรรมไปไหนหมด!! หรือรอให้คนจวนเสนามาตามจับ เจ้ายังจะช่วยเขานำทางชี้ตัวด้วย!!”
ตอนนั้นประตูปิดอยู่ ลูกธนูและการสังหารด้านนอกก็เกิดขึ้นรวดเร็ว คนในบ้านไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ตอนสำนักบูรพามาเก็บกวาดก็ยิ่งไม่ต้องการให้พวกเขาเปิดประตูเป็นแน่ เถ้าแก่เซี่ยจะรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร เขารู้แค่ว่า เจ้าเด็กพวกนั้นต้องเสียเปรียบแน่ และหลานสาวตนเองไม่ได้ถูกแย่งชิงไป
นายกองธงใหญ่อย่างไรก็เทียบคุณชายจวนเสนากรมปกครองไม่ได้ อาศัยจังหวะนี้ รีบหาคนไปกรุยทางไว้ดีกว่า จะได้ไม่ล่วงเกินขุนนางผู้ใหญ่ระดับนั้น มิเช่นนั้นวันหน้าคงได้ไร้แผ่นดินกลบหน้า
แม้ว่าหวังทงจะกลับมาได้ คนดียอมออกหน้าช่วยเหลือเช่นนั้น ก็ย่อมไม่คิดเล็กคิดน้อยเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ จะว่าไป พวกนั้นก็เป็นแค่เด็กน้อยที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ จะมาเอาเรื่องอะไรได้
น่าเสียดายนี่เป็นเพียงแค่ความคิดของเถ้าแก่เซี่ยฝ่ายเดียว นิสัยที่ไม่เคยเปลี่ยนไม่ว่าชาติก่อนหรือชาตินี้ของหวังทง ก็คือแยกแยะบุญคุณและความแค้นชัดเจน เรื่องดีที่ควรทำก็ต้องทำ แต่พฤติกรรมลืมบุญคุณเช่นนี้กลับไม่เคยปล่อยผ่านไปได้
“เถ้าแก่เซี่ย ท่านก็ช่วยพี่สาวพี่เขยท่านหาทางไป ข้าจะไม่ทำให้ท่านลำบากใจอีก แต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป อย่าได้ให้ข้าเห็นท่านในเมืองหลวงนี้อีก”
*****
หวังทงกล่าวอย่างดุดัน คืนวันนี้ นายท่านตู้ที่มีสายสัมพันธ์กับจวนเสนาก็มาขอพบในยามวิกาลดึกดื่น ยากปกติก็จะให้พบ แต่คืนนี้ปิดประตูไม่สนใจ