ตอนที่ 132 ยกกำลังจับกุมด้วยไร้ทางเลือกอื่น
กำลังคนรวบรวมพร้อมแล้ว ศาลซุ่นเทียนและในวังล้วนไม่ส่งข่าวมา หวังทงจึงสวมชุดไปฝึกที่ลานฝึก
คำพูดที่เฝิงเป่าและจางเฉิงพูดกันในวัง แม้หวังทงจะไม่ได้ยินด้วยตนเอง แต่ความคิดของเขากับมหาขันทีทั้งสองเป็นเช่นเดียวกัน เป็นพระสหายข้างกายฮ่องเต้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด
แต่วันนี้มาเช้าไปหน่อย จึงถูกพวกเฉินซือเป่ารั้งตัวไว้ หลายวันก่อนยังต้องทนกับบรรดาเด็กๆ ที่ไม่ยอมเป็นมิตร ยามนี้จึงฟ้องหวังทงด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม
“ใต้เท้าหวัง ไม่ๆ พลทหารหวัง เจ้ามีงานให้ทำข้างนอก ต่างกับเด็กพวกนี้ มองเรื่องราวก็มองได้ทะลุกว่า ช่วยแนะนำน้องชายอย่างพวกเราหน่อยได้ไหม!”
แม้ว่าสำนักไตรสุริยันฟ้าดินจะถูกเปิดโปงที่นอกเมืองแล้ว แต่ในวังนอกวัง ในเมืองหลวงนอกเมืองหลวงยังคงวางกำลังแน่นหนา หวังทงจัดคนไปพร้อมอาวุธ ใจก็คิดถึงทางนั้น พอได้ยินวาจาของพวกเฉินซือเป่า ก็เกือบจะหลุดหัวเราะออกมา
มองไปมองมา เห็นพวกเด็กๆ ยังไม่มากัน หวังทงก็กลั้นหัวเราะไว้กล่าวว่า
“นี่เป็นเพราะพวกเจ้าทำไม่เป็น หวงอี้จวินผู้นั้นนำขนมรสเลิศที่บ้านมาเอาใจทุกคน พวกเจ้าเดิมมีความแค้นกับเขา ยังเอาของรสเลิศมาเอาใจอีก หวงอี้จวินจะคิดอย่างไร ย่อมคิดว่าพวกเจ้ากำลังแอบตัดขาเขาน่ะสิ การจะยุให้ทุกคนลงมือกับพวกเจ้าไม่ใช่เรื่องจำเป็นหรอกหรือ?”
ถังซื่อไห่ข้างๆ ก็ตบมืออย่างแรงทีหนึ่ง พลางกล่าวอย่างขัดใจว่า
“พลทหารหวัง เรื่องเอาของอร่อยมาเอาใจทุกคนเป็นความคิดเจ้า แต่ตอนนี้ใช้ไม่ได้แล้ว เด็กพวกนี้อายุยังน้อย แต่ก็ช่าง…”
ลังเลครู่หนึ่งก็หันกลับไปมอง ยังคงไม่กล้าพูดคำหลังคำว่า ‘ช่าง’ ออกมา หวังทงยื่นมือไปตบบ่าเขาเบาๆ หัวเราะกล่าวว่า
“พวกเราลองคิดสลับที่กัน เอาของกินอร่อยมา เอาให้หวงอี้จวินก่อน จากนั้นให้เขาแบ่งให้ทุกคนก็ได้นี่ เช่นนี้ทุกคนก็ยินดี ไม่ต้องกังวลว่าจะล่วงเกินผู้ใด”
ทุกคนสบตากัน เปล่งประกายความคิดขึ้นพร้อมกัน เฉินซือเป่ารีบกล่าวคำขอบคุณติดๆ กัน
****
หลังจบการฝึกช่วงแรก พวกเฉินซือเป่าก็ยิ้มกันเข้ามายืนหน้าฮ่องเต้ว่านลี่ พอเห็นพวกเขามากัน ฮ่องเต้ว่านลี่ก็หดตัวถอยหลังไปทันที หลี่หู่โถวก็กระโดดตัวลอยขึ้นมาทันที หวังทงยิ้มไม่กล่าวอันใด เด็กๆ ที่นั่งอยู่รอบๆ ก็พากันมองมา
“พลทหารหวง พวกเราเพิ่งมาที่นี่ ไม่รู้ธรรมเนียม เจ้าเป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง อย่าได้เคืองพวกเราเลย วันนี้เอาผลไม้ที่บ้านมาให้เพื่อนพลทหารทุกน ให้ทุกคนได้ลองชิมความสดใหม่ พลทหารหวง ท่านช่วยแบ่งปันให้ด้วย!”
เฉินซือเป่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม ฮ่องเต้ว่านลี่ได้ยินคำขอร้องนี้ก็กระพริบตาปริบ ก่อนจะพยักหน้ารับ ของพวกนี้แบ่งปันผ่านมือเขา ทุกคนรับแล้วยังคงเป็นน้ำใจเขา อย่างน้อยก็มิได้แย่งเอาหน้าไป
พวกเฉินซือเป่าและถังซื่อไห่ออกเที่ยวเล่นในเมืองมาพอสมควร รู้จักการแสดงอำนาจบารมีหาพวกหาพ้องอยู่บ้าง การกล่าวโน้มน้าวก็พอเป็นอยู่บ้าง พอแสดงท่าทีออกมาเช่นนี้ ฮ่องเต้ว่านลี่และบรรดาเด็กๆ ก็ยากที่จะปั้นหน้าแค้นเคืองกันต่อไป
ตอนพักกลางวัน ฮ่องเต้ว่านลี่ก็ตะโกนเสียงดังว่า
“พลทหารทุกคน พลทหารเฉินและสหายได้เอาผลไม้สดมาไม่น้อยล้างสะอาดแล้ว ทุกคนรีบมาลองชิมกัน!!”
ตอนพักใหญ่ เด็กๆ มักจะไปดื่มน้ำกันที่ห้องโถงของลานฝึก ทุกคนล้วนมีกาน้ำทำจากเหล็ก ด้านบนมีชื่อติดไว้ แต่น้ำร้อนย่อมไม่อร่อยเหมือนผลไม้ เด็กๆ ย่อมกรูกันเข้ามา กินของคนอื่นไปก็เสียงอ่อยกันไป พวกเฉินซือเป่ายังมีท่าทีอ่อนข้อให้เช่นนี้ ความสัมพันธ์ก็ย่อมเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
หวังทงถือลูกท้อในมือ มองบรรยากาศคึกคักโดยรอบ กินไปยิ้มไป อยู่ที่ลานฝึกนี่ ความสัมพันธ์ระหว่างกันเรียบง่าย ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
“พลทหารหวัง มาที่ห้องฝึกทางนี้หน่อย!!”
เสียงเรียกดึงหวังทงออกจากความคิด ครูฝึกเจ้าต้ากำลังโบกมือเรียกเขาอยู่ตรงประตูลานฝึก หวังทงรีบลุกวิ่งไปทางประตู
พอไปถึงตรงหน้า เจ้าต้าก็กระซิบเสียงเบาว่า
“โจวกงกงกำลังรอใต้เท้าอยู่ที่บ้าน มีเรื่องด่วนให้ใต้เท้าไปสักครู่”
“บอกทุกคนว่าที่บ้านข้ามีเรื่องด่วน อย่าให้ทุกคนรู้สถานะพิเศษของข้าหรือเห็นความต่างจากพวกเขา”
หวังทงกำชับเจ้าต้า ก่อนจะรีบวิ่งกลับบ้านไป โจวกงกงมาหายามนี้ คิดแล้วน่าจะเป็นเรื่องสำคัญอะไรจากในวังที่เค้นสอบมาได้
ตอนนี้บ้านหวังทงไม่ต่างอะไรกับที่ทำการทางการ คนไปคนมามากมาย โจวอี้และคนอื่นๆ ก็คุ้นชินเสียแล้ว ล้วนเดินเข้าไปในบ้านกันเลย
พอถึงบ้านก็เห็นโจวอี้นั่งอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าดำคล้ำ หวังทงประสานมือคำนับ เอ่ยถามว่า
“พี่โจว มีข่าวอะไรหรือ?”
“เจ้าพวกลูกหมาหลายสิบคนในถูกจับมาให้การสารภาพแล้ว แต่เรื่องที่รู้นั้นน้อยนิดมาก ดูท่าแล้วล้วนเป็นแค่รับเงินมาปฏิบัติงานปกติ มีเพียงผู้เดียวที่กล่าวว่า ผู้บงการเบื้องหลังก็คือเจ้าอาวาสหวังตั๋วแห่งวัดฮุ่นหยวนหมู่บ้านหวง เป็นเจ้าสำนักไตรสุริยันฟ้าดิน”
ข่าวนี้หลี่ว์วั่นไฉได้บอกกล่าวแก่หวังทงแล้ว และยังได้ยินจากทางโจวอี้อีก ช่างไม่มีอะไรน่าตกใจเลย หวังทงได้แต่นิ่งเงียบพยักหน้า
โจวอี้ไม่แปลกใจกับปฏิกิริยาของหวังทงแม้แต่น้อย เขายังคงกล่าวอย่างจริงจังว่า
“น้องหวังเจ้าได้ยินข่าวมาจากศาลซุ่นเทียนแล้วกระมัง เจ้าว่าแปลกไหม ไม่สืบ ข่าวอะไรก็ไม่มี พอสืบ ข่าวพวกนี้ก็ทะลักกันออกมา”
“เรียนพี่โจวตรงๆ เดิมคิดว่าท่านทางนี้จะได้ข่าวใหม่อันใด คิดไม่ถึงว่าเหมือนที่ศาลซุ่นเทียนรายงานมา ข้ารู้สึกแปลกใจจริงๆ หากว่าบังเอิญ ก็บังเอิญตรงตามที่คาดไว้เกินไป ในวังเพิ่งจะเริ่มสอบสวน คนที่ศาลซุ่นเทียนก็มีคนส่งรายงานคดีมา ยังบอกถึงว่าเป็นเจ้าอาวาสหวังตั๋วแห่งวัดฮุ่นหยวนหมู่บ้านหวง และยังชี้ว่าเป็นหัวหน้าสำนักไตรสุริยันฟ้าดินอีกด้วย นี่มัน…”
หวังทงกล่าวว่าสงสัยในใจออกมา โจวอี้ก็ลุกขึ้นสีหน้าเคร่งเครียด เดินไปที่ประตูตะโกนบอกไช่หนานว่า
“เฝ้าไว้ให้ดี อย่าให้คนไม่เกี่ยวข้องเข้ามา!”
เสียงข้างนอกตอบรับ เขาก็ปิดประตู ยังไม่ทันได้นั่งลงก็เอ่ยขึ้นด้วยสน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า
“หากเดาไม่ผิด ข่าวในวังนอกวังส่งถึงกัน ที่แท้เบื้องหลังคือผู้ใดกัน ข้าไม่กล้าแม้แต่จะคิด เมื่อครู่ก็ได้หารือกับพวกสำนักเอกสารและสำนักบูรพามา ล้วนกล่าวว่าในวังอย่าคิดว่าสอบสวนเรื่องราวพวกนี้ออกมาได้ เพราะนอกวังก็มีข่าวเช่นเดียวกัน เรื่องได้รั่วไหลไปแล้ว สืบลับต่อไปไม่น่าจะมีความหมายอันใดนัก”
การเคลื่อนไหวทางนี้แพร่งพรายออกไปให้อีกฝ่ายได้รู้ อีกฝ่ายก็ตอบสนองทันที การสืบลับเช่นนี้ กลับเป็นการเอื้อเวลาให้อีกฝ่าย
หวังทงไม่ลังเล กล่าวเสียงเข้มขึ้นว่า
“เรื่องถึงตอนนี้ ไม่ว่าวัดฮุ่นหยวนหมู่บ้านหวงจะเป็นพวกชั่วร้ายหรือไม่ เราก็ต้องส่งคนไปล้อมจับ ทางศาลซุ่นเทียนก็เหมือนกระบุงฝัดข้าวเปลือก ข่าวตอนนี้ก็คงแพร่ออกไปแล้ว พวกเราตอนนี้ทำได้อย่างเดียวก็คือหาข่าวสายใหม่จากทางวัดฮุ่นหยวน จับหวังตั๋วไว้ ดูว่าจะมีเงื่อนงำให้สืบต่อหรือไม่!”
โจวอี้สีหน้าพลันเปลี่ยน ลุกขึ้นกล่าวว่า
“น้องหวังพูดเหมือนท่านพ่อบุญธรรม สืบมาถึงตอนนี้ไม่มีทางถอยกลับได้อีก ข้าจะไปขอราชโองการเคลื่อนย้ายกองกำลัง ส่งคนขี่ม้าออกไปจับกุมนอกเมืองทันที!”
สืบมาถึงขั้นนี้ โจวอี้ก็คงจะหวาดหวั่นใจ แม้ว่าจางเฉินจะคิดวิธีให้ แต่เขากลับขอมาถามจากหวังทงผู้เป็นต้นเรื่องก่อน หากหวังทงลังเล เรื่องนี้ก็คงต้องปรึกษากันก่อน อย่างไรหวังทงมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของฮ่องเต้ว่านลี่
พอเห็นโจวอี้กำลังจะออกไป หวังทงก็รีบกล่าวว่า
“พี่โจว ทางข้าพอมีผู้ช่วยงาน เป็นคนใกล้ชิดที่ไว้ใจได้ ขี่ม้ายิงธนูชำนาญ ไปแล้วย่อมให้การช่วยเหลือได้บ้าง และเรื่องนี้หากข้าไม่อาจไปจับตาดูด้วยตนเอง รู้สึกไม่ค่อยวางใจนัก!”
โจวอี้ที่ตัดสินใจปฏิบัติการแล้วก็เฉียบขาดฉับไวนัก เขาเอยขึ้นว่า
“เรื่องนี้ไม่ยาก พระราชโองการก็คือขอให้เจ้าให้การสนับสนุนปฏิบัติการละกัน เรื่องนี้ให้สำนักบูรพาและสำนักองครักษ์เสื้อแพรร่วมกันปฏิบัติการ ข้าไปทูลขอราชโองการก่อน เจ้าไปรวบรวมกำลังคนละกัน!!”
*****
บ่ายวันนี้ หวังทงอยู่ที่ลานฝึกหู่เวยได้เพียงครึ่งชั่วยามกว่าก็มีเรื่องให้ต้องออกไป เด็กๆ ก็พากันแปลกใจ คิดไม่ถึงว่าผ่านไปครู่หนึ่ง เจ้าอ้วนหวงอี้จวินก็ถูกตามตัวไปด้วย ครูฝึกหลี่เหวินหย่วนก็ไม่ได้มาร่วมสอนครึ่งหลัง หลี่หู่โถวก็พอเดาได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น การฝึกตลอดบ่ายล้วนเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ
ไทเฮา หัวหน้าและรองหัวหน้าสำนักส่วนพระองค์ ทั้งสามร่วมกันจัดการเรื่องนี้ ฮ่องเต้ว่านลี่ไม่มีเหตุผลที่จะขัดขวาง พระราชโองการออกไปอย่างรวดเร็ว
ในเมื่อเรื่องนี้เร่งด่วน จะโยกย้ายกำลังทหารจากแม้ว่าจะกองกำลังพิทักษ์ชาติในเมืองและมณฑลรอบนอกมาก็ไม่ทันการณ์ จึงได้มีราชโองการให้สำนักอาชาหลวงร่วมกับทหารจากสี่กองกำลังประจำพระองค์ออกไปปราบโจรร้าย
กองกำลังมังกรรักษาพระองค์ส่งกำลังทหารม้า 500 ทหารม้าเร็วจากสำนักบูรพา 100 ยังมีม้าเร็วศาลซุ่นเทียนอีก 21 นาย องครักษ์เสื้อแพร 30 นายสนับสนุน พร้อมด้วยพลทหารราบ เรื่องชาวบ้านให้ศาลซุ่นเทียนและศาลประจำหมู่บ้านหวงจัดการ
ทางฝั่งหวังทงได้ยืมม้าจากมาจากทางนายกองร้อยเถียน รวบรวมได้ทั้งหมด 30 ตัว ทหารจากจวนถานร่วมกับ หลี่เหวินหย่วนและตัวเขาเอง และยังมีผู้ช่วยงานที่เลี้ยงไว้ที่ขี่ม้าได้จำนวนหนึ่ง ทั้งหมด 20 กว่าคน บวกกับ 7 คนที่ส่งมาจากสำนักองครักษ์เสื้อแพร รวม 30 นาย ทุกคนมุ่งหน้าไปพร้อมกัน
ซุนต้าไห่และคนอื่นๆ ที่ขี่ม้าไม่เป็น หวังทงก็จัดให้เดินเท้าออกไป รีบไปรอรับคำสั่งที่หมู่บ้านหวง ถึงตอนนั้นคนมาคนหนึ่ง ก็เป็นแรงหนุนอีกแรงหนึ่ง สำหรับนางหม่าและหลี่หู่โถวที่เป็นหญิงชรากับเด็ก ก็ให้จางซื่อเฉียงนำองครักษ์เสื้อแพรในกองร้อยคนอื่นๆ เฝ้าคุ้มครองไว้
ไทเฮาเห็นชอบ ฮ่องเต้ออกราชโองการ การเคลื่อนไหวของบรรดาขันทีในวัง ทุกเรื่องราวดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ทางหวังทงกำลังขึ้นม้า ขบวนใหญ่จากกองกำลังมังกรรักษาพระองค์ก็ออกเดินทาง ห้อม้าเร็วไปรวมตัวกันจึงได้ตามกันทัน
“ใต้เท้าหวังอย่าได้กังวล กองกำลังมังกรรักษาพระองค์ 500 นาย แม้ว่าโจรนับหมื่นก็สังหารได้หมด นับประสาอะไรกับวัดฮุ่นหยวนเล็กๆ นี่ ถึงตอนนั้น รับรองว่าจับได้หมด!”
พอเห็นสีหน้าหนักใจของหวังทง เติ้งจิ้นหัวหน้ากองกำลังมังกรรักษาพระองค์ก็ปลอบอย่างมั่นใจ
หมู่บ้านหวงห่างจากเมืองหลวงไม่ถึง 60 ลี้ ขี่ม้าทะยานไป พระอาทิตย์ลับเขา แต่ฟ้ายังไม่มืดสนิทก็มาถึง กองกำลังคนและม้ากองใหญ่ก็มาถึงที่หมาย