Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 155

ตอนที่ 155 ละครสนุกจบลงด้วยความสุข เงินทองไหลมา

คนทางการที่แอบซุ่มอยู่บนถนนทั้งเส้นมีเกือบสองร้อย แต่มีคนรู้สถานะฮ่องเต้ว่านลี่ไม่กี่คน

คำสั่งจากฮ่องเต้ว่านลี่ถ่ายทอดลงไป คนเหล่านี้ก็รีบเคลื่อนไหวกันทันที เด็กๆ ทยอยมารวมตัวอยู่รอบครูฝึก ครูฝึกนำไปรวมพลกันที่เจ้าใหญ่

นอกจากลี่เทากับซุนซิงที่ออกอาการลังเลแล้ว คนอื่นๆ เมื่อได้ฟังคำตะโกนดังของฮ่องเต้ว่านลี่ว่า ‘ใครลงมือกับคนของเรา ลานฝึกหู่เวยจะไม่ยอม!!’ ทุกคนล้วนพากันฮึกเหิม

ต่างพากันกำหมัดถูไปมาเตรียมพร้อมลงมือ เจ้าใหญ่และครูฝึกคนอื่นๆ สบตากันไปมา ได้ยินฮ่องเต้ว่านลี่ตะโกนบอกเฉินซือเป่าว่า

“พลทหารเฉิน นำทุกคนไป!!”

เฉินซือเป่าพยักหน้าอย่างแรง เด็กๆ เดินตามมาด้านหลัง หวังทงรั้งอยู่ท้ายสุด เขายกมือขึ้นกุมหน้าผากที่ไร้เหงื่อ มองอย่างไรฮ่องเต้ว่านลี่ก็ไม่เหมือนผู้กล้ายืดอกผดุงคุณธรรม แต่กลับเหมือนพวกชอบยกพวกตีกันจนติดแล้ว

ทุกคนฮือกันตามไป หวังทงไม่อาจรอช้า ได้แต่มองไปที่เซวียจานเยี่ยที่สวมหมวกสานกำลังจัดวางกำลังอย่างเคร่งเครียด อดไม่ได้เข้าไปใกล้ๆ ถามว่า

“ใต้เท้าเซวีย ทำไมฮ่องเต้จึงต้องเกรงอู่ชิงโหวด้วย?”

เซวียจานเยี่ยกำลังจัดกำลังคนอย่างวุ่นวาย หันกลับมาตอบว่า

“นั่นคือพระบิดาของไทเฮาฉือเซิ่ง เป็นพระอัยกาของฝ่าบาท ใต้เท้าหวัง รีบตามไปเถอะ ท่านว่านี่มันเรื่องอะไรกันนี่ เดินเที่ยวดีๆ ก็ไปหาเรื่องตีกันได้!”

หวังทงยิ้มเฝื่อน หากกำชับเสียงเข้มว่า

“ล้วนเป็นลูกหลานชนชั้นสูงตีกัน ให้พี่น้องเราจับตาดูไว้ก็พอ อย่าได้ทำลายความสนุกของฝ่าบาท”

“ลูกหลานชนชั้นสูงพวกนี้แต่ไรก็ไม่เคยรู้ว่าอะไรหนักอะไรเบา ใต้เท้าหวังอย่างไรก็ต้องคอยกันอยู่ด้านหน้า มีอะไรผิดพลาด ข้าและท่านรับผิดชอบกันไม่ไหวแน่”

หวังทงพยักหน้า รีบตามไปทันที เด็กๆ รวมตัวกัน สหายโดนรุมต่อย ทุกคนต่างพากันโกรธแค้น คนเกือบร้อยเดินไปตามท้องถนน ได้พบใครขวางทางก็ผลักให้พ้นทาง ตรอกม้าหินนี้เดิมก็เบียดเสียดอยู่แล้ว มาผลักกันไปมาเช่นนี้ ทำเอาชุลมุนกันยิ่ง

เดินไปไม่กี่ก้าว หวังทงก็ขึ้นหน้ามานำขบวนแล้ว การฝึกที่ลานฝึกหู่เวยทำให้เด็กมีความเคยชินที่ดีมาก นั่นก็คือในตอนนี้ คนตัวสูงใหญ่ที่ปกติถูกเลือกให้เป็นผู้นำกอง ส่วนใหญ่ก็จะอยู่หน้าสุด หวังทงกับลี่เทาก็ต้องมาอยู่หน้าสุดอย่างเลี่ยงไม่ได้

ธงของหอวาสนาเห็นเด่นเป็นสง่า ถังซื่อไห่และคนอื่นๆ พากันหนีออกมาได้แล้ว เดินล้มลุมคลุกคลานตามกันมาไม่ว่า มุมปากยังมีเลือดไหลซิบ เบ้าตายังบวมปูดมองไม่เห็นลูกกะตา มีรอยเขียวช้ำหลายแห่ง ทุกคนประคองกันมาบนท้องถนน ด้านหลังไม่มีคนไล่ตามมา คิดไปแล้วการลงมือครั้งนี้เป็นการระบายโทสะเท่านั้นจริงๆ

เห็นสหายลานฝึกโดนรุมมา ลี่เทากับซุนซิงและคนอื่นๆ ก็ไม่อาจนิ่งสงบต่อไปได้อีก เฉินซือเป่าสบถด่ามาคำหนึ่งก่อนจะรีบเข้าไปประคอง

หวังทงอารมณ์โกรธคุกรุ่นมากแล้ว ไหนว่าพวกลูกหลานชนชั้นสูงรู้จักหนักเบา ทำไมลงมือไม่ระวังจนทำจะพิการเช่นนี้ได้ ก็แค่ระบายอารมณ์กันเล็กน้อย ไยต้องลงมือรุนแรงเพียงนี้

ฮ่องเต้ว่านลี่เห็นเช่นนี้ ก็แทบจะกระโดดตัวลอยขึ้น ก้าวขึ้นหน้ามาถามเสียงดังว่า

“เจ้าคนแซ่ฟางนั้นไปแล้วยัง”

ถังซื่อไห่ส่ายหน้าอย่างยากลำบาก เอ่ยเสียงแหบแห้งว่า

“ยังดื่มสุราอยู่ที่หอวาสนา…”

วาจากล่าวอย่างยากลำบาก ขยับปากทีก็กระทบโดนแผลที เจ็บปวดอย่างมาก หลี่หู่โถวกระทืบเท้าอย่างแรง กระโดดเข้ามาบอกว่า

“พวกเจ้าให้ครูฝึกพากลับไปรักษาแผลก่อน ทุกคนจะต้องแก้แค้นแทนเจ้าแน่นอน!”

เห็นว่าอารมณ์ร่วมตรงหน้าเริ่มรุนแรงขึ้น หวังทงก็ยกมือขึ้นเป็นสัญญาณว่าให้ทุกคนนิ่งสงบ ฮ่องเต้ว่านลี่กำลังจะกระโดดก็ถูกหวังทงจ้องใส่ อยู่ด้วยกันมานาน ทั้งที่เปิดเผยและไม่เปิดเผย หวังทงกำลังส่งอิทธิพลต่อพฤติกรรมและความคิดของว่านลี่ สองฝ่ายอยู่ร่วมกันในฐานะนายบ่าวนั้นน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นการคบหากันแบบคนรุ่นราวคราวเดียวกัน เพื่อนนักเรียนกัน ไม่ทันได้คิดอะไร ฮ่องเต้ว่านลี่ก็มองหวังทงเป็นลูกพี่ไปแล้ว

“ทุกคนรอก่อน ฟังพลทหารเฉินว่ามา ทางนั้นมีหลายสิบคนเฝ้าอยู่ข้างนอก ไม่อาจเดินเข้าไปแบบนี้ได้ ต้องมีกลวิธี”

ปกติตอนหวังทงอยู่ในลานฝึกจะเงียบไม่ค่อยพูด หากหวังทงเผยความเป็นผู้ใหญ่และรู้กาลเทศะออกมาอย่างไม่ทันรู้ตัว ยังมีการฝึกจำลองการต่อสู้หลายครั้ง จึงกลายเป็นหัวหน้าของทุกคนไปอย่างเงียบๆ

หวังทงพูดจบ เด็กๆ ก็รีบเงียบเสียงลง หวังทงเอ่ยต่อว่า

“พลทหารลี่กับพลทหารซุน ไปจัดแถวก่อน ร้านขายของชำทางนั้นมีไม้นวดแป้งขาย เอาเงินไปซื้อมาแจก เงินนี่กลับไปค่อยว่ากัน ข้าล่วงหน้าไปดูก่อน!”

สั่งการเสร็จ หวังทงก็รีบวิ่งไป เด็กๆ เดินต่อไปเป็นขบวนใหญ่ คนเดินไปมาบนท้องถนนก็เห็นว่าไม่ถูกต้องนัก แต่คนก็มากเกินไป แม้ถนนกว้างก็ไม่อาจแหวกทางให้กว้างขึ้นอีกได้ ดังนั้นทั้งหน้าและหลังจึงเบียดเสียดดันกันไปมาเช่นเดิม บรรดาเด็กๆ รูปร่างไม่สูง ไม่ไปอยู่ข้างหน้าก็ย่อมมองไม่เห็นคนทั้งกลุ่ม

หวังทงมองแวบหนึ่งก็วิ่งกลับมา สถานการณ์เช่นนี้ไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์สถานการณ์ลึกซึ้ง เด็กเรียงแถวแนวนอนห้าแนวตั้งยี่สิบ พวกเขามีเงิน เงินมากงานก็ง่าย ร้านขายเครื่องมือไม้ที่มีชื่อเสียงข้างทางร้านนั้น ก็มีเครื่องมือไม้สั้นยาวหลายขนาด สินค้าที่พอดูใช้การได้ก็เหมามาหมด

ไม้นวดแป้ง ราวไม้ง่ามตากผ้า แผ่นไม้ซักเสื้อ คนด้านหลังยังมีบางคนได้รับท่อนไม้แบบขนมเปี๊ยะที่ไว้ใช้กดอัดขนมให้เป็นลวดลาย ความยาวราวหนึ่งเชี๊ยะกว่า พวกที่ถือท่อนไม้พวกนี้สีหน้าดูอึดอัด ซึ่งก็คือฮ่องเต้ว่านลี่

“พวกคนรับใช้นั่นนั่งกันอยู่ที่เพิงน้ำชาตรงประตูด้านขวา พวกตัวสูงให้ไปอยู่ทางขวานั่น พอลงมือตีกัน อย่าสู้กับพวกนั้นนาน รีบมุ่งเข้าไปในหอวาสนาเลย ไปชิงพื้นที่หน้าประตูไว้ก่อน คนที่เหลือลุย!!”

เด็กเปลี่ยนรูปขบวนกันชำนาญแล้ว แต่การเคลื่อนไหวที่พร้อมเพรียงทำให้คนบนท้องถนนรู้สึกแปลกใจ มีคนมาปักหลักรอชมแล้ว มองเห็นคนยิ่งมากขึ้น หวังทงก็ตะโกนเสียงดังว่า

“แก้แค้นให้คนของเรา ทุกคนเตรียมพร้อม รอคำสั่งข้า!!”

เสียงตอบรับด้านหลังดังขึ้นพร้อมเพรียง หวังทงเดินมาหยุดหน้าขบวน ซุนซิงยิ้มร่าเข้ามาส่งไม้ให้เขาชิ้นหนึ่ง หยิบขึ้นมาดู หวังทงกระแอมไออย่างแรง ตั้งท่าอยู่นานกว่าจะยกขึ้นมากล่าวว่า

“ให้ไม้ข้าดีกว่านี้หน่อยเถอะ!”

เห็นชัดว่าเป็นราวไม้ง่ามตากผ้า ดูอย่างไรก็ขัดตา ลี่เทากลั้นหัวเราะกล่าวว่า

“พวกเราที่บุกอยู่ด้านหน้าล้วนใช้แผ่นไม้ซักผ้า พวกข้างหลังก็ถือของไว้พอให้สบายใจ!”

หวังทงพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ ยกราวไม้ง่ามในมือขึ้น ยกไปด้านหน้า เด็กๆ แม้ว่าปฏิบัติการพร้อมกัน แต่เสียงหัวเราะก็ยังฮาดังตามมาเช่นกัน

เด็กพวกนี้ถือเครื่องไม้ที่มีความยาวต่างกัน ทำการค้าในตรอกม้าหินสถานที่เช่นนี้ ย่อมต่างจากที่อื่น ร้านพวกนี้แม้แต่ไม้นวดแป้งกับแผ่นไม้ซักผ้ายังมีลายดอกไม้และแกะสลัก มองแล้วปราณีตยิ่ง แต่เอามาเป็นอาวุธต่อสู้ ใช้แล้วจะบอกว่าดูขัดตาเท่าไรก็ดูขัดตาเท่านั้น

*****

ของกินที่คนรับใช้ในเพิงน้ำชากำลังดื่มกินกันนั้นล้วนดีกว่าของกินร้านในอาหารเล็กๆ เสียอีก วันนี้เจ้านายพวกเขาได้หน้าได้ตา ย่อมกำนัลของดีให้ผู้ติดตามรับใช้พวกนี้ คืนนี้ไม่แน่อาจได้รางวัลอะไรอีก คนพวกนี้จึงยินดีปรีดายิ่งนัก กินไปดื่มไปคุยไป คุยกันอย่างสนุกสนานเฮฮา

อยู่ๆ ได้ยินเสียงดังมาจากทางด้านซ้าย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่ๆ พวกเด็กๆ ที่สวมชุดสีน้ำเงินแบบเฉินซือเป่าทั้งกลุ่มก็ตั้งขบวนวิ่งเข้ามาอย่างเป็นระเบียบ

“ทำอะไรน่ะ?”

“เจ้าเด็กนั่นถือแผ่นไม้ซักผ้าหรือนั่น…”

พอเห็นเด็กๆ กรูกันเข้ามา บรรดาชายรับใช้ก็ไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร กลับรู้สึกตะลึงมากกว่า โดยเฉพาะเมื่อเห็นของในมือเด็กๆ นั่น ก็ยิ่งอยากระเบิดเสียงหัวเราะใส่

ทว่ากลับหัวเราะไม่ออกกันแล้ว ขบวนทัพเด็กๆ มาถึงกันอย่างเร็ว วิ่งมาทางคนพวกนี้ คนพวกนี้รีบลนลานลุกขึ้นยืน พวกเขาอย่างไรก็ใกล้กับทางนี้มากกว่า พวกที่มือเท้าไวก็ชิงไปอยู่หน้าประตูแล้ว คิดจะขวางทางไว้ ตะโกนด่าเสียงดังว่า

“อะไรกัน…”

พูดได้แค่นั้น ไม้ซักผ้าก็ฟาดผ่านลมวืดดัง เจ้าคนที่ว่องไวก็กุมหัวไว้ด้วยสัญชาติญาณ จึงถูกไม้ซักผ้าฟาดลงข้างลำตัวอย่างแรง ไม้ซักผ้ามีมวลแน่น แรงที่ฟาดลงมายังรุนแรง เบื้องล่างยังเป็นขั้นบันได ไม่ทันได้ยืนให้ดี ก็ถูกฟาดล้มลงไปกองกับพื้นทันที

คนอื่นๆ เพิ่งจะเข้ามาใกล้ขั้นบันได เด็กๆ ที่รูปร่างสูงใหญ่กับไม้นวดแป้ง ไม้ซักผ้าอะไรพวกนี้ก็ฟาดกระหน่ำกันเข้ามา อีกด้านหนึ่งก็กรูกันเข้าไปในหอวาสนากันอย่างรวดเร็ว

ชั้นล่างของหอวาสนามีคนงานหน้าตาบึ้งตึงกำลังเก็บกวาด การทะเลาะวิวาทเมื่อครู่ยังเก็บกวาดไม่เสร็จ คิดไม่ถึงว่า ยังมีคนกรูกันเข้ามาอีก

ด้วยมาอย่างกะทันหัน ชายรับใช้ด้านนอกถูกจัดการทุกคนอย่างไม่ทันได้ตั้งสติ เด็กๆ ก็เข้ามาที่ชั้นล่างแล้ว พวกชายรับใช้ตะโกนสบถด่าคิดจะตามเข้ามา แต่พวกเขาก็มีแค่มือเปล่า พอเงยหน้าก็ถูกกระหน่ำตี ยกมือป้องกันตัวกันพัลวัน ถูกบีบให้ล่าถอยไป

พริบตาเดียว ประตูก็ถูกปิดลง พวกคนงานในร้านถูกไล่ออกไป เด็กๆ ย้ายม้านั่งและโต๊ะมากันหน้าประตูไว้ และยังไปปิดหน้าต่างอีกด้วย

“ซุนซิง เจ้านำแถวที่ 9 – 10 ไปเฝ้าหน้าต่างไว้ คนอื่นๆ ตามข้าไปชั้นสอง!!”

หวังทงตะโกนดังขึ้น เด็กๆ ลานฝึกหู่เวยเริ่มไม่เป็นรูปขบวนแล้ว แต่ตอนนี้ก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว หวังทงก้าวยาวๆ ขึ้นบันไดไป เฉินซือเป่าตามอยู่ด้านหลัง

พอพ้นชั้นสองมาครึ่งตัว เฉินซือเป่าก็เห็นบรรดาคนที่โต๊ะตัวหนึ่ง กล่าวอย่างโกรธแค้นว่า

“พลทหารหวัง นั่นก็คือฟางจงผิง!!”

พวกฟางจงผิงก็เริ่มหันสนใจความเคลื่อนไหวนี้ พากันลุกขึ้นยืน มี 15 คน พอเห็นเฉินซือเป่ากับหวังทงสองคน ฟางจงผิงก็อดแค่นเสียงหัวเราะใส่ไม่ได้ว่า

“เฉินซือเป่า พาคนมาหนึ่งคนก็คิดจะมาหาเรื่อง ถึงกับคว้าเอาไม้ซักผ้ามาด้วย จะคุกเข่าขอโทษหรือไร ฮ่าๆๆๆ..”

เดิมคิดไปว่ากำลังดูเรื่องตลกอยู่นั้นก็หัวเราะไม่ออกอีกแล้ว หวังทงกับเฉินซือเป่าเหยียบขึ้นมาชั้นสอง เด็กๆ มากมายก็เริ่มมากขึ้นตามมาด้วย ฉากบังลมถูกผลักล้มลงไปทีละบาน แขกที่มากินข้าวนั้นมามุงดูกันก็ถูกไล่ให้ลงไปอย่างทุกลักทุเล เห็นเด็กๆ ค่อยๆ ล้อมวงเข้ามา ฟางจงผิงก็รู้สึกลนลาน ตะโกนเสียงเข้มว่า

“พวกเจ้าทำอะไรกัน ข้าเป็นบุตร…”

ยังกล่าวไม่ทันจบ ฮ่องเต้ว่านลี่ก็พุ่งมาตรงหน้าเขา ต่อยลงไปตรงจุดยุทธศาสตร์อย่างแรง ฟางจงผิงเจ็บปวดจนตัวงอ ฮ่องเต้ว่านลี่ถือไม้แบบขนมเปี๊ยะฟาดลงไปบนใบหน้าเขาอย่างแรงดังป้าบ ใบหน้าถูกฟาดจนเกิดเป็นรอยแดงปื้นขึ้นมาสี่คำว่า ‘เงินทองไหลมา’ ตามลายหน้าไม้แบบขนม

“ใครจะไปสนใจว่าเจ้าเป็นใคร!!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!