Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 336

ตอนที่ 336 ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแสร้งเลอะเลือน

คนทางเหนือด่าคนทางใต้ว่า ‘พวกเถื่อนใต้’ คนทางใต้ด่าคนทางเหนือว่า ‘พวกป่าเถื่อน’ กันมานานแล้ว คำว่าสินค้าป่าเถื่อนก็ย่อมไม่ต้องพูดถึงว่าหมายถึงสิ่งใด

คนทางเหนือมาแผ่นดินจงหยวนก็มักจะเหมือนพวกไร้การศึกษาเข้าเมือง ประการแรกก็จะทำเป็นป่าเถื่อนเพื่อปิดบังความหวาดกลัวในใจ ประการสองจะระมัดระวังตัวด้วยเกรงจะถูกหัวเราะเยาะ

‘พวกสินค้าป่าเถื่อน’ จึงเหมือนด่ากระแทกทหารพวกนี้ได้อย่างเจ็บแสบ ทหารที่ต้องการสุรากำลังเอาเรื่องกับคนงานในร้าน พอได้ยินวาจานี้ก็โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ชักดาบหันไป

โถงโรงเตี๊ยมจตุรทิศเดิมเงียบเหงาอยู่ หันไปมองก็เห็นแขกสองคนนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง แต่งตัวเหมือนพวกพ่อค้า

เมื่อเห็นทหารที่ดุร้ายน่ารังเกียจพวกนี้หันมา สีหน้าพ่อค้าสองคนพลันเปลี่ยน หนึ่งในนั้นลุกขึ้นยืน สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นกลัว

ถึงตอนนี้ผู้ใดจะยังไม่เข้าใจอีกว่า คนที่ตื่นกลัวผู้นั้นย่อมเป็นคนที่ปากไว ทหารผู้นั้นไม่ต้องการสุราแล้ว ผลักคนงานออก ชี้ดาบมาทางนี้ตะโกนเสียงดังว่า

“เจ้าบ้า วาจาเมื่อครู่เจ้าพูดใช่ไหม?”

คนที่ลุกขึ้นยืนก้าวถอยหลังไปสองก้าวไปพิงกำแพง ยามนี้เขารู้สึกตื่นกลัว แต่ปากยังแข็ง เอ่ยตอบด้วยอาการเชิดหน้าต่อว่า

“ละแวกนี้เป็นที่ทำการกองตรวจการ เจ้าชักดาบส่งเดช จะต้องถูกลงโทษ…”

หากยอมรีบขอโทษ บางทีอาจจะตบทีหนึ่งแล้วก็จบ แต่พอกล่าวเช่นนี้ ก็เหมือนน้ำมันราดลงบนกองไฟ ดวงตาของทหารที่ชักดาบออกมาผู้นั้นแดงก่ำ ไม่สนใจเสียงห้ามของเพื่อนที่มาด้วยกัน ยกดาบฟันทันที

โถงโรงเตี๊ยมจตุรทิศสาดเปื้อนไปด้วยเลือดทันที…

พ่อค้าคนหนึ่งถูกฟันตาย อีกคนตกใจจนเข่าอ่อนทรุดอยู่กับพื้นไปก่อนหน้านั้นนานแล้ว หลงจู๊และคนงานในร้านต่างก็ลนลานทำอะไรไม่ถูก

ทหารสิบกว่าคนนั้นปฏิกิริยารวดเร็ว คนที่เป็นหัวหน้าผู้นั้นชักดาบออกมาตะโกนเสียงดังในร้านว่า

“ผู้ใดก็ห้ามออกไป ผู้ใดขยับ อย่าโทษดาบข้าที่ไม่เกรงใจ!”

“เจ้าสอง เจ้าห้า พวกเจ้าเฝ้าประตูไว้ เจ้าหกรีบไปตามใต้เท้าซุนมาเร็ว!”

ยามนี้ชายพวกนี้ได้แสดงความว่องไวออกมาให้เห็น เสียงคำสั่งดังขึ้น แต่ละคนก็ปฏิบัติตามคำสั่ง เฝ้าประตูทางเข้าออกแน่นหนา

แต่คนงานโรงเตี๊ยมอย่างไรก็ชำนาญเส้นทางในโรงเตี๊ยมมากกว่า ก่อนพวกนี้จะปิดทางเข้าออก ก็มีคนงานสองคนวิ่งออกไปแล้ว

เทียนจินไม่กว้างนัก คนงานสองคนที่วิ่งไปอย่างสุดชีวิต ไม่นานก็มาถึงศาลชิงจวิน ชื่อหน่วยงานนี้แม้พบเห็นไม่บ่อย แต่ก็เป็นที่ทำการมีนายอำเภอและผู้ว่าประจำอยู่ ทำหน้าที่ดูแลเรื่องราวร้องทุกข์ราษฎร

“ใต้เท้า ใต้เท้า เกิดเหตุฆ่าคนตายที่โรงเตี๊ยมจตุรทิศ!”

โรงเตี๊ยมจตุรทิศเป็นสถานที่ทางการใช้จัดเลี้ยงบ่อยครั้ง คนงานต่างก็รู้จักคนที่ศาลดี เจ้าหน้าที่ศาลชิงจวินพอได้ยินเช่นนี้ก็รีบเข้าไปรายงานใต้เท้ากาว

ตอนเหตุการณ์นาวาสุคนธ์ที่เทียนจิน ขุนนางที่เกี่ยวข้องทั้งหมดล้วนถูกลงโทษ แม้แต่หวังทงก็นับว่าโดนไปด้วยแบบไม่ได้ไม่เสีย มีแต่ใต้เท้ากาวผู้นี้ที่ได้ความชอบจากการทำลายลัทธิไตรสุริยัน ศาลเหอเจียนรายงานความดีความชอบขึ้นไป กรมปกครองยังประเมินการปฏิบัติหน้าที่ปลายปีให้ว่า ‘ดีเยี่ยม’ หากเป็นไปตามความคาดหมาย ปีหน้าก็จะได้ไปเป็นผู้ว่าการที่เมืองอื่นแล้ว

นอกจากนี้ ตำแหน่งในหน่วยงานอื่นๆ ยังต้องรอให้พ้นปีใหม่ค่อยมากัน ดังนั้นคนที่ควบคุมดูแลทุกอย่างอยู่ตอนนี้ที่นี่ก็คือใต้เท้ากาวผู้นี้

พอได้ยินว่าสังหารคนกลางวันแสกๆ ใต้เท้ากาวผู้นี้ก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที รีบรวบรวมมือปราบ ออกหมายไปจับกุมทันที

ตอนนี้กำลังจะได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว ไม่อาจปล่อยให้เกิดเหตุอันใดได้ จะว่าไปฆ่าคนตายในที่สาธารณชนย่อมเป็นพวกคนเลว ไม่อาจปล่อยให้ลอยนวลได้อย่างเด็ดขาด

เจ้าหน้าที่มือปราบสิบกว่านาย พลธนูห้านาย รวมกับเจ้าหน้าที่ในศาลอีก 30 กว่าออกเดินทางไปยังโรงเตี๊ยมจตุรทิศเพื่อจับกุมคนร้าย

***********

ด้านหน้าของโรงเตี๊ยมจตุรทิศเงียบมาก มองไม่ออกว่าเพิ่งเกิดเหตุฆ่าคนตายมา

เมื่อพวกมือปราบรีบรุดมาถึงก็รู้สึกแปลกใจ หัวหน้ามือปราบสองคนสบตากัน กวักมือเรียกคนงานผู้นั้นมาถามให้แน่ใจ ก่อนจะสั่งให้เคลื่อนกำลังเข้าไป

มือปราบสี่นายพร้อมไม้พลองน้ำไฟเดินเรียงเข้าไปด้านหน้า ส่วนคนที่ถืออาวุธยืนอยู่ด้านหลัง ก่อนจะตะโกนบุกเข้าไป

พอบุกเข้าไปก็ต้องตกตะลึง โต๊ะเก้าอี้ด้านในถูกเก็บเรียบร้อย มีเพียงว่างหนึ่งที่และขุนพลผู้หนึ่งนั่งอยู่ตรงกลาง ทหารเรียงเป็นสองแถว

เมื่อเห็นว่าเกี่ยวข้องกับทหาร มือปราบที่มาก็แอบสบถด่าในใจ อย่าเห็นว่าพวกเขาถือกระบองถืออาวุธมา เพราะหากสู้กับทหารขึ้นมา ก็ย่อมสู้ไม่ได้ นับประสาอันใดกับทหารพวกนี้ที่ดูท่าทางเก่งกาจเอาเรื่อง ชุดเกราะและอาวุธขัดเงาวับ ไม่รู้ว่าเป็นนายทหารสังกัดไหนกัน

“ท่านมือปราบ คนร้ายอยู่นั่น พวกท่านรีบจับกุมเลย!”

คนงานที่ไปแจ้งความยังไม่เห็นท่าทางอิหลักอิเหลื่อของบรรดามือปราบ พอเข้าไปถึงก็ชี้ไปที่คนผู้หนึ่งพลางตะโกนดัง พลทหารที่ถูกชี้ตัวยืนอยู่ทางด้านซ้ายของขุนพลผู้นั้น พอได้ยินเสียงตะโกนดังก็หันไปมองอย่างดุร้าย ทำเอาคนงานผู้นั้นสะดุ้งโหยง รีบหลบหลังมือปราบทันที

ฆาตกรคือผู้ใด มือปราบก็เห็นแล้ว ที่กำแพงยังมีคราบเลือด ทหารสิบกว่านายนี้ มีคนเดียวที่เปื้อนเลือด

เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ไหนเลยจะเข้าจับกุมได้ แต่อย่างไรก็มาแล้ว ไม่ลงมือก็ไม่ได้ ในใจกำลังนึกด่าคนงานที่ไปแจ้งความ พลางสบตากัน ต่างโบ้ยให้อีกคนจับ

มือปราบสอง มีคนหนึ่งออกหน้าประสานมือคำนับยิ้มกล่าวว่า

“พวกข้าน้อยเป็นมือปราบจากศาลชิงจวิน มาที่นี่เพื่อจับกุมฆาตกร ไม่ทราบว่าใต้เท้าท่านนี้คือ?”

ขุนพลที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครา ได้ยินเช่นนี้ก็เงยหน้าขึ้นกล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า

“ข้าเป็นนายกองกองกำลังเหลียวหนิง หน่วยตรวจการประจำมณฑลเหลียวเป่ยนามว่าซุนโส่วเหลียน”

พอได้ยินว่าเป็นนายกองแห่งกองกำลังเหลียวหนิง ยังอยู่ขณะปฏิบัติหน้าที่ออกตรวจการ มือปราบที่กล่าววาจาผู้นั้นก็ยิ่งปวดหัว พวกหน่วยตรวจการล้วนเป็นขุนนางระดับห้ากับพวกขุนพลบู๊ระดับสี่จึงจะทำหน้าที่นี้ได้ นับว่าเป็นบุคคลสำคัญ คนเช่นนี้ล่วงเกินไม่ได้

“ทุกท่านมาจับฆาตกรหรือ?”

บรรดามือปราบไม่รู้ว่าถามเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ได้แต่ยิ้มแห้งๆ พยักหน้า ซุนโส่วเหลียนเสียงตวัดขึ้นทันทีว่า

“ซุนซื่อ เจ้าไสหัวออกมานี่!”

พลหทารที่สังหารคนไปผู้นั้นช่างโอหัง แต่ต่อหน้าซุนโส่วเหลียนกลับไม่กล้าเหิมเกริม ได้ยินเสียงเรียกก็รีบก้าวออกมาด้านหน้า ยืนนิ่งไม่รู้จะทำเช่นไรต่อ ซุนโส่วเหลีบนนั่งอยู่กลับใช้เท้าถีบจนเขาล้มลงกับพื้นไปทันที ยังไม่ทันรอให้ตะกายลุกขึ้น ซุนโส่วเหลียนก็ลุกขึ้นยืน หันไปถีบที่ใบหน้าอีกที

เขาเป็นนายทหารแรงเยอะ ลงมือรุนแรง ใบหน้าซุนซื่อเต็มไปด้วยเลือดในทันที ซุนโส่วเหลียนยังไม่หยุดมือ คว้าดาบออกมาตบลงไปที่ใบหน้าทันที

แม้ว่ายังไม่ชักจากฝัก แต่ดาบก็มีน้ำหนักไม่น้อย ราวกับถูกคนฟาดด้วยท่อนกระบอง ซุนซื่อถูกตีตนกลิ้งลงกับพื้น ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด

ซุนโส่วเหลียนด่าไปตีไป เสียงคำรามดังขึ้นว่า

“ที่เมืองเหลียวโจวพวกเจ้าไม่รู้ดีชั่ว ก่อเรื่องไปทั่ว มาถึงเทียนจิน สถานที่สำคัญเช่นนี้ยังกล้าเหิมเกริมเช่นนี้ ก่อเรื่องใหญ่เช่นนี้ได้ จะให้รายงานอย่างไร คิดว่าอยู่เมืองเหลียวโจวหรือไง!!?”

ซุนโส่วเหลียนยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห พูดจบก็หยุดตี ชักดาบออกจากฝักตะโกนดังว่า

“เจ้าเดรัจฉานละเมิดกฎหมายบ้านเมืองเช่นพวกเจ้า วันนี้จ้าจะตัดหัวพวกเจ้าทิ้งซะ…”

พอยกดาบขึ้น ทหารติดตามใกล้ชิดสองสามนายก็รีบเข้าไปกอดรัดไว้ คนอื่นพากันคุกเข่าลงโขกศีรษะไม่หยุด แม้แต่คนที่อายุมากที่สุดยังร้องขอว่า

“ท่านขุนพล เห็นแก่ซุนซื่อที่ร่วมเป็นร่วมตายกับท่านมาหลายปี พวกเราเข้ามาปฏิบัติงานในด่าน กลับต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ จะไปบอกพี่น้องนอกด่านว่าอย่างไร ขอท่านโปรดไว้ชีวิตด้วย!”

ทางหนึ่งโขกศีรษะ ทางหนึ่งร้องขอ ซุนโส่วเหลียนสะบัดคนที่กอดรัดเขาทิ้ง ยกดาบในมือลง ถอนหายใจยาวกล่าวว่า

“หน้าข้าถูกพวกเจ้าฉีกจนหมดสิ้นแล้ว…”

คนงานและหลงจู๊โรงเตี๊ยมคลายความโมโหลง บรรดาทหารจากเมืองเหลียวโจวก่อเรื่องในโรงเตี๊ยม ยังสังหารผู้อื่น ฆ่าคนต้องชดใช้ ควรถูกลงโทษ

บรรดามือปราบได้แต่ยิ้มเฝื่อน พวกเขาเห็นโลกมามาก ไหนเลยจะมองไม่ออกว่าซุนโส่วเหลียนแกล้งทำไปเช่นนั้นเอง แน่นอนว่าจากนั้นซุนโส่วเหลียนก็ตำหนิไปคำสองคำก่อนจะหันมาประสานมือคำนับกล่าวว่า

“ทุกท่าน ซุนซื่อผู้นี้ติดตามข้ามาหลายปี เป็นเหมือนคนในครอบครัว วันนี้ก่อความผิดร้ายแรงที่นี่ ย่อมต้องโดนลงโทษ แต่เราเป็นทหารจากเมืองเหลียวโจว ย่อมต้องลงโทษตามวินัย รอให้ข้านำตัวเขากลับไป ค่อยลงโทษทางวินัย มือปราบทุกท่านเห็นเช่นไร?”

บรรดาทหารพวกนี้ต่างลุกขึ้นยืนพร้อมกระชับดาบในมือจ้องหน้ามือปราบเขม็ง เรื่องถึงขั้นนี้ ยังจะอย่างไรได้อีกเล่า

อย่าเห็นว่าทางนี้คนมาก อีกฝ่ายเป็นทหารสังกัดกองกำลังส่วนตัวของขุนพลจากเมืองเหลียวโจว ก็ย่อมเป็นพวกมีฝีมือระดับต้นๆ หากลงมือกันขึ้นมา จะรั้งไว้ได้อย่างไร หากมีเรื่องถึงศาล ผู้บัญชาการกองกำลังมณฑลเหลียวตงหลี่เฉิงเหลียงย่อมปกป้องลูกน้อง นายเราก็แค่ขุนนางระดับห้า ย่อมสู้ไม่ไหว ซุนโส่วเหลียนได้วางแผนไว้ดีแล้ว ให้ทุกคนมีทางลง นับว่าไม่เลวแล้ว อย่างไรก็เป็นเรื่องเมืองเหลียวโจว ทางการที่เทียนจินไม่อาจข้องเกี่ยว ไว้รอให้นายกองตรวจการคนใหม่มาจัดการก็แล้วกัน ตอนนี้จึงได้แต่ยิ้มคำนับตอบกลับไปว่า

“ในเมื่อใต้เท้ากล่าวเช่นนี้ พวกข้าน้อยก็จะกลับไปรายงานตามนี้ ศพนี้ก็รบกวนใต้เท้าด้วย พวกข้าน้อยขอลา”

กล่าวจบ มือปราบผู้นั้นก็หันหลังกลับ ทุกคนต่างหันหลังกลับ เหลือแต่หลงจู๊และคนงานในโรงเตี๊ยมที่ได้แต่มองตาค้าง

ซุนโส่วเหลียนเตะซุนซื่อที่พื้นไปทีหนึ่ง สบถด่ารุนแรงว่า

“รีบลุกขึ้น นายกองตรวจการยังไม่มารับตำแหน่ง หน้าที่ยังไม่อาจบรรลุผล จากวันนี้ถึงปีหน้าช่วงนี้ อยู่เฉยๆ ก็อย่าได้ก่อเรื่อง หากก่อเรื่องอีก ข้าจะตัดหัวเจ้าก่อน”

***********

พอรู้ว่าเกี่ยวพันกับหน่วยตรวจการเมืองเหลียวโจว ใต้เท้ากาวก็ปวดหัว กำลังคิดจะปัดเรื่องทิ้งทำเป็นเลอะเลือนให้จบเรื่องไป แต่ฟ้าย่อมไม่ปล่อยให้เป็นดังใจหวัง ตอนบ่ายมือปราบกลับมารายงาน ตอนกลางคืนหลงจู๊โรงเตี๊ยมจตุรทิศก็มาเยือน…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!