Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 375

ตอนที่ 375 ยืนหยัดกราบทูล

ตอนหญิงสาวผ้าแพรบางย่างกรายเข้ามาในศาลากลางน้ำ บรรยากาศก็เริ่มเคลิบเคลิ้ม กอปรกับเสียงเร่งเร้าของดนตรี กลิ่นกำยานและสุธารสยังมีสารกระตุ้นไม่น้อย

ว่านลี่ประทับอยู่ที่นั่นราวกับลืมองค์ พระวรกายร้อนรุ่ม ไม่คิดว่าอยู่ๆ จะมีเสียงตะโกนดังมา……

เสียงนั้นค่อนข้างกรีดดัง ตะโกนมาเช่นนี้ นางรำทั้งสองคนก็หยุดชะงัก ดนตรีก็สะดุดตาม แม้แต่บรรยากาศเคลิ้มราวฝันก็มลายหายไปทันที

ราวกับสาดด้วยน้ำเย็น ทำให้ความมัวเมานั้นหมดไป ฮ่องเต้ว่านลี่ทรงกริ้วมาก หันพระพักตร์ไปมอง ก็เห็นเจ้าจินเลี่ยงคุกเข่าอยู่ที่พื้นด้านหน้า

เจ้าจินเลี่ยงสีหน้าแดงก่ำ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผลจากยากระตุ้นหรืออะไร ตอนนี้เอาแต่โขกศีรษะไม่หยุด ทูลว่า

“ฝ่าบาท การแสดงทำลายประเพณีดีงามนี้อย่าทรงทอดพระเนตรเลยพะยะค่ะ!”

“บ่าวเช่นเจ้าจะไปรู้เรื่องอะไร รีบไสหัวออกไป!!”

ซุนไห่รู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ถูกต้อง จึงลุกขึ้นกล่าวเสียงดังตำหนิรุนแรง ฮ่องเต้ว่านลี่ก็ทรงกริ้วหนักเช่นกัน ประทับยืนถีบไปทีหนึ่ง

ฮ่องเต้วานลี่แข็งแรงกว่าตอนที่เด็กชายร่างอ้วนมาก เจ้าจินเลี่ยงอายุน้อยจึงถูกถีบกลิ้งไปทันที เจ้าจินเลี่ยงทนความเจ็บปวดตะกายขึ้นมา คลานเข่าเข้ามาเบื้องพักตร์ โขกศีรษะทูลต่อว่า

“ฝ่าบาท ของเล่นพวกนี้ในวังก็มี นี่เป็นแค่การเปลี่ยนรูปแบบ แต่การทำงานประเพณีดีงามเช่นนี้ ช่างน่าไม่อาย ไม่รู้จักละอายเลย……”

“เจ้ามันตัวอะไร เราจะทำอะไร เจ้ากล่าวได้หรือ รีบไสหัวไป ไม่งั้นข้าจะโบยเจ้าให้ตาย!”

ขันทีตัวน้อยคนสนิทติดตามใกล้ชิด หากก็เป็นเพียงบ่าว กล้ามากล่าวหลักการเหตุผลในยามที่พระองค์กำลังดื่มด่ำเช่นนี้ ฮ่องเต้ว่านลี่ย่อมกริ้วหนัก ด่าเสร็จเข้าถีบอีกที

“เจ้าสุนัขกล้าล่วงเกินฝ่าบาท ใครก็ได้มาลากตัวออกไป รีบลากตัวออกไปเร็ว!”

ซุนไห่เองก็โมโหสุดขีด กว่าจะหาสิ่งมาดึงดูดพระทัยเช่นนี้ได้สำเร็จ กลับมีเจ้าเด็กน้อยไม่รู้จักที่ตายออกมาก่อกวนเช่นนี้ได้ อยากจะสับมันเป็นเหมือนชิ้นเสียเดี๋ยวนี้เลยทีเดียว

ฮ่องเต้ว่านลี่ถีบแรง เจ้าจินเลี่ยงกว่าจะตะกายขึ้นมาได้อีกก็ใช้กำลังอยู่มาก มุมปากมีโลหิตไหลซึม แต่ก็ยังกัดฟันคลานขึ้นมา ครั้งนี้ไม่โขกศีรษะ หากหันไปด่าเสียงดังว่า

“หญิงหน้าไม่อาย ยังไม่รีบไสหัวไป หรือต้องให้ลงด้วยดาบโบยด้วยแส้กัน!!”

เดิมเป็นเด็กน้อยน่ารัก อยู่ๆ กัดฟันตวาดดังด่าเช่นนี้ออกมา ยังต่อหน้าเบื้องพระพักตร์อีก อีกทั้งยังเต็มไปด้วยไอสังหารรุนแรง หญิงสาวทั้งสองมองหน้ากันแล้วอยู่ๆ ก็กุมหน้าอกตนเอง ไม่สนใจว่าอยู่ต่อหน้าเบื้องพระพักตร์ หากพากันถอยหลังหันหน้าวิ่งออกจากศาลาขึ้นเรือจากไปทันที

ฮ่องเต้ว่านลี่รู้สึกโมโหจนหัวแทบระเบิด ชี้ไปที่เจ้าจินเลี่ยงด้วยรอยยิ้มที่ยังยิ้มออก ตรัสว่า

“บ่าวตัวดี บ่าวตัวดี เจ้ากล้า……”

“ฝ่าบาท จางกงกงให้กระหม่อมติดตามรับใช้ใกล้ชิด เกรงว่าจะมีคนเลวนำพระองค์ออกนอกลู่นอกทาง จางกงกงยังบอกว่า มีเรื่องอันใดให้ถวายการตักเตือน อย่างไรก็เสื่อมเสียพระเกียรติฝ่าบาท หากคนนอกได้ยินเรื่องนี้ ย่อมนำหายนะมา……”

เจ้าจินเลี่ยงไม่เช็ดโลหิตที่มุมปาก คุกเข่าจ้องตาเขม็งกราบทูลไปหยุด ในสมองของเขาจดจำคสั่งของจางเฉิงได้แม่นยำ คำว่า คนเลว สองพยางค์นี้ จึงหันไปจับจ้องซุนไห่ตาไม่กระพริบอีกด้วย ทำให้ซุนไห่โมโหมาก

“ใครก็ได้เข้ามาเอามันไปตีให้ตาย ตีให้ตาย~~

นางระบำสองนางหนีไปแล้ว แสงไฟบนทะเลสาบดับลงแล้ว ศาลากลางน้ำที่น่าตื่นเต้นเมื่อครู่ยามนี้เงียบกริบ ฮ่องเต้ว่านลี่ยิ่งกริ้วหนัก กระทืบพระบำทด่ายกใหญ่

ซุนไห่ด้นหลังก็สีหน้ำเย็นชาโบกมือให้สัญญาณ ขันทีผู้ติดตามรีบวิ่งเข้ามา พากันทั้งเตะทั้งต่อย เด็กน้อยทนแรงเตะต่อยไม่ไหว กลิ้งลงกับพื้นทันที ฮ่องเต้ว่านลี่สะบัดพระพักตร์ไปมา เห็นเจ้าจินเลี่ยงกลิ้งไปกลิ้งมา ทรงทนไม่ไหวตรัสขึ้นว่า

“ตีให้หนัก แต่อย่าให้ถึงตาย!!”

พระดำรัสนี้ทุกคนเข้าใจในทันที ลงมือเบาลงไปหลายส่วน แต่เด็กน้อยก็ย่อมเป็นเด็กน้อย ยามนี้โดนทั้งมือและเท้าจนสลบไปแล้ว

“ซุนไห่จัดการแสดงต่อ เราอยากชมต่อ……”

ฮ่องเต้ว่านลี่ตรัสด้วยอารมณ์คุกรุ่น ซุนไห่ที่กังวลอยู่ว่าว่านลี่จะหมดสนุกก็ยิ้มก้มกายรับพระบัญชา กำลังจะสั่งการให้จัดใหม่ ก็ได้ยินเสียงแหบพร่าดังมาจากด้านหลังว่า

“ฝ่าบาท ไทเฮาให้กระหม่อมมาเร่งให้ทรงเข้าบรรทมพะยะค่ะ!”

เมื่อได้ยิน ฮ่องเต้ว่านลี่ก็สะดุ้งโหยง หันพระวรกายไปเห็นทางเดินที่ติดกับศาลากลางน้ำ มีขันทีหลายคนจุดโคมไฟยืนอยู่

ขันทีเหล่านี้แต่งกายในชุดคราม ระดับไม่สูง แต่อายุมากยิ่ง ขันทีเหล่านี้ว่านลี่รู้จักดี ล้วนเป็นขันทีรับใช้ไทเฮาฉือเซิ่ง

เมื่อทอดพระเนตรเห็นคนเหล่านี้ อารมณ์สนุกก็หมดไปทันที สีพระพักตร์สลดลง อึ้งไปครู่หนึ่ง ขันทีที่ไทเฮาส่งมายังเร่งต่ออีกว่า

“ฝ่าบาท ดึกมากแล้ว เสด็จกลับตำหนักเร็วหน่อยจะเป็นการดีพะยะค่ะ!!”

“เราเป็นฮ่องเต้ เราจะนอนตอนไหนก็ได้ นอนที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องให้บ่าวรับใช้เช่นพวกเจ้ามายุ่ง!!”

ฮ่องเต้ว่านลี่ส่งเสียงคำรามดัง ขันทีเหล่านั้นถวายคำนับพร้อมกับกราบทูลว่า

“พวกกระหม่อมมิบังอาจ พวกกระหม่อมรับพระบัญชาไทเฮามา……”

“เรากลับตำหนักเลย เรากลับตำหนักเลย”

หันพระวรกายเสด็จกลับไปสองสามก้าว ก็หันพระพักตร์ไปรับสั่งว่า

“แบกเสี่ยวเลี่ยงกลับไปด้วย ตามหมอหลวงมารักษา ให้รักษาให้ดี ใช้ยาไม่ต้องจำกัด”

ขันทีที่เพิ่งลงมือใส่ไปนั่นรีบถวายคำนับน้อมรับพระบัญชา

*************

วันที่ 6 เดือนสี่แล้ว ราชสำนักส่งคณะตรวจสอบไปเทียนจินก็กลับถึงเมืองหลวง พวกการข่าวไวก็ย่อมพอรู้เรื่องแล้ว ตอนคณะออกเดินทางจากเมืองหลวงไปมุ่งหวังอันใด ทุกคนล้วนรู้แก่ใจ การกลับมาเช่นนี้ บางทีอาจเกิดกระแสคลื่นใหญ่ ต้องดูว่าจะวุ่นวายกันสักเพียงใด

หากสิ่งที่ทำให้ทุกคนที่กำลังคิดไปต่างๆ นานาต้องตะลึงก็คือ วันนี้ฮ่องเต้ว่านลี่ไม่เข้าประชุม……

************

“ท่านพี่ น้องรู้ว่าท่านพี่สุขภาพอ่อนแอ ไม่อยากรบกวนท่านพี่ แต่เรื่องนี้ต้องขอให้ท่านพี่ออกหน้าแล้ว”

ในวังไทเฮาฉือเซิ่งตรัสด้วยความเคารพนอบน้อมด้วยมีเพียงผู้เดียว ก็คือไทเฮาเหรินเซิ่ง ฮองเฮาในฮ่องเต้หลงชิ่ง ชายาเอกในอ๋องอวี้สมัยนั้น

ไทเฮาเหรินเซิ่งพระชนมายุมากกว่าไม่กี่ปี แต่พระพักตร์นั้นเหมือนแก่กว่าสิบกว่าปีอย่างไรอย่างนั้น เพราะว่าตอนอยู่จวนอ๋องอวี้ ไทเฮาเหรินเซิ่งประชวรตลอด สามวันดีสี่วันไข้ ต้องได้รับการตรวจรักษาจากหมอหลวงอยู่บ่อยๆ ยาดีล้ำค่าไม่เคยขาด จึงได้รักษามาได้จนถึงวันนี้

ถึงอย่างนั้น ปีหนึ่งที่ผ่านมานี้ ไทเฮาเหรินเซ่งก็ใช้เวลาเกือบครึ่งปีบนเตียง

พระตำหนักไทเฮาเหรินเซิ่งเฉินก็มิได้เงียบเหงาเพราะคนในวังรู้ว่าไทเฮาฉือเซิ่งกับฮ่องเต้ว่านลี่ทรงสนิทสนมกับไทเฮาเหรินเซิ่งมาก

ไทเฮาฉือเซิ่งประทับนั่งข้างแท่นบรรทม กำลังทูลไทเฮาเหรินเซิ่งด้วยสีพระพักตร์เคร่งเครียด นางกำนัลประคองไทเฮาเหรินเซิ่งให้ขึ้นประทับพิงแท่นบรรทม ทรงโบกพระหัตถ์ให้ทุกคนถอยออกไป ตรัสขึ้นเบาๆ ว่า

“เจ้าและเราล้วนราวกับพี่น้องรู้ใจ มีอันใดก็กล่าวมาได้เลย”

ไทเฮาฉือเซิ่งยิ้มน้อยๆ ตรัสขึ้น

“ซุนไห่แห่งสำนักอาชาหลวงมีใจคิดเอาพระทัยฝ่าบาท หากไม่เดินเส้นทางศีลธรรม ทั้งวันได้แต่หาของเล่นเหลวไหลมาล่อลวงฝ่าบาท ทำให้ฝ่าบาทพระสติไม่แจ่มใส นี่ยังไม่เท่าไร ตอนนี้ในวังมีเฝิงเป่า นอกวังมีท่านจาง ทรงราชกิจ น้อยหน่อยย่อมไม่เป็นไร แต่เมื่อคืนวานนี้ ซุนไห่ถึงกับใช้ระบำของพวกนอกรีตมาให้ทรงชม ช่างเป็นเรื่อง……”

ตรัสถึงตรงนี้ ไทเฮาฉือเซิ่งก็เริ่มกริ้วหนัก หยุดไปพักใหญ่จึงสงบพระอารมณ์ลงได้ ไทเฮาเหรินเซิ่งได้ยินระบำนอกรีต ก็อึ้งไปเล็กน้อย พระวรกายสั่นเทา ตรัสเสียงแหบพร่าว่า

“บ่าวรับใช้ชั่ว!!” “

ระบำนอกรีต ไม่เกี่ยวอันใดกับศาสนา แต่ในปีนั้นได้ปิดหูปิดตาฮ่องเต้หยวนซุ่นแห่งราชวงศ์หยวนให้หลงใหลอย่างที่สุด คัดเลือกนางกำนัลในวังให้แต่งกายแพรบางน้อยชิ้น เต้นระบำเคลื่อนไหวยั่วยวนต่างๆ นานา ผู้คนต่างกล่าวว่าเป็นสาเหตุหนึ่งของการล่มสลายของแผ่นดิน

นับตั้งแต่ก่อตั้งราชวงศ์หมิงมา ฮ่องเต้เจิ้งเต๋อเมื่อหลายสิบปีก่อนก็เคยมีการแสดงระบำนอกรีตในหอเสือดาว เรียกได้ว่าเหลวไหลอย่างที่สุด เป็นสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้แผ่นดินหมิงต้องล่มสลาย

ไทเฮาเหรินเซิ่งและไทเฮาฉือเซิ่งต่างเป็นสตรีในกฎจารีต อันใดก็ทำตามประเพณีจารีตดั้งเดิม นอกลู่นอกทางแม้เล็กน้อยก็ไม่ได้ ไม่ต้องกล่าวถึงระบำนอกรีตที่เหลวแหลกถึงขีดสุดพวกนี้เลย

“ท่านพี่ หากมิใช่จางเฉิงจัดคนคอยเฝ้าจับตาฝ่าบาทเอาไว้ และยังโขกศีรษะตักเตือน เมื่อคืนวานนี้ไม่รู้ว่าจะเหลวแหลกไปถึงขั้นใด ท่านพี่ ฝ่าบาทยังทรงพระเยาว์ หากให้ทรงออกนอกลู่นอกทาง ท่านพี่และน้องจะทูลอดีตฮ่องเต้ได้อย่างไร จะไม่ผิดต่อบรรพชนราชวงศ์หมิงได้อย่างไร!!”

กล่าวถึงตรงนี้ ไทเฮาฉือเซิ่งก็ไม่กล่าวอันใดต่อ ก้มหน้าซับน้ำตา ไทเฮาเหรินเซิ่งยกพระหัตถ์กุมหน้าอกแน่นหอบหายใจหนัก ตรัสว่า

“น้องเรา เรื่องเช่นนี้ต้องจัดการให้เข้มงวด ซุนไห่เหลวไหลเช่นนี้ ก็ไม่ต้องเกรงข้า ตัดสินไปตามความผิดก็พอ ไม่ลงโทษเขา วันหน้าในวังนอกวังไม่รู้มีคนมากมายเท่าไรที่จะเลียนแบบ ทางฝ่าบาทก็ต้องตักเตือนให้มาก เด็กน้อยในตอนนั้นยังช่างรู้ความขนาดนั้น……”

ได้ยินไทเฮาเหรินเซิ่งตรัสเช่นนี้ ไทเฮาฉือเซิ่งก็ประทับยืนทูลลาเป็นการเป็นงานว่า

“ขอท่านพี่โปรดวางพระทัย เรื่องนี้น้องจะจัดการอย่างเหมาะสม”

ทูลจบสองฝ่ายก็นิ่งเงียบไป ไทเฮาเหรินเซิ่งไอไม่หยุด ไทเฮาฉือเซิ่งรีบเรียกนางกำนัลเข้ามา ตนเองขอทูลลา

เสวยพระโอสถเสร็จ ไทเฮาเหรินเซิ่งจึงได้หยุดไอ เห็นไทเฮาฉือเซิ่งเสด็จจากไปแล้วก็พึมพัมกับพระองค์เองว่า

“เอาผิดกับซุนไห่ ในวังก็เป็นคนของเจ้าหมดแล้ว มิใช่หรือ?”

นางกำนัลทิ้งมือแนบกายด้านข้าง แม้ได้ยินก็ทำเป็นไม่ได้ยิน

**************

ฮ่องเต้ว่านลี่กำลังร้อนพระทัยอยู่ในห้องทรงอักษร คว้าฎีกามาอ่านไปสองสามทีก็วางลง จางเฉิงที่ยืนถวายรับใช้ด้านข้างไม่กล่าวอันใด

ฮ่องเต้ก็ยิ่งร้อนใจ ตวัดพระเนตรมองไป กวาดของบนโต๊ะลงพื้นหมด ในตอนนั้นเองด้านนอกก็มีเสียงดังรายงานมาว่า

“ไทเฮาทูลเชิญฝ่าบาทเสด็จ ขอฝ่าบาทเสด็จยังตำหนักฉือหนิงกง!!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!