ตอนที่ 385 ภิกษุเที่ยวชมเทียนจิน
‘สร้างกายทองคำใหม่’ ‘สั่งสมบารมี สั่งสมความดี ตายไปย่อมไปสู่แดนสุขาวดี’ ‘หากประสกบริจาควันนี้ วันหน้าจักต้องได้โชคตอบแทน’ วาจาขอบิณฑบาตเหล่านี้กล่าวออกมาครั้งแรกๆ ย่อมได้ผล แต่พอนานวัน ก็ย่อมไร้ผู้คนเชื่อถือ
ริมแม่น้ำทะเลมีร้านค้าทำการค้า ส่วนใหญ่มีไหวพริบดี รู้ว่าเงินทองที่เข้ากระเป๋าจึงจะเป็นเงินทองที่จับต้องได้ ผู้ใดจะไปสนใจผลกรรมดีตอบแทนโชควาสนาเหล่านั้นกัน
พอเห็นภิกษุนักบวชมาหน้าประตูก็ล้วนสบถด่าไม่พอใจ จากนั้นก็ไล่ให้ออกไป พอหวังทงออกกฎมาก็สะดวกยิ่งขึ้น ออกไปแจ้งด้านนอกก็มีทหารมาจับถึงที่ทันที
ในความเป็นจริงพวกเขาไม่จำเป็นต้องไปเรียกเอง เพราะพลทหารลาดตระเวนจะเข้ามาจับกุมด้วยตนเอง แต่วันนี้เห็นแล้วก็แปลกไปสักหน่อย เถ้าแก่ร้านถึงกับออกมาส่งด้วยความนอบน้อม
ร้านนั้นเป็นร้านเครื่องเคลือบ เจ้าของร้านและผู้ดูแลร้านล้วนเป็นคนฉลาด ออกมาแจ้งจับพระนักบวชปลอมไปหลายราย แต่ครั้งนี้ไม่รู้เหตุใดจึงนอบน้อมเช่นนี้
ทหารสองนายลอบสบตากัน ก่อนจะปรี่เข้าไปอย่างรวดเร็ว พระภิกษุผู้นั้นก็หันกายจากไปอย่างเร็ว ยังหันกลับมาสบตาทหารสองนายพร้อมยิ้มพยักหน้าให้ จากนั้นก็รีบก้าวจากไป
หากพระธรรมดาก็ย่อมเรียกมาสอบ แต่พระท่านนั้นดูท่าไม่ธรรมดา จีวรก็ดูธรรมดาแต่การตัดเย็บนั้นถือว่าประณีตระดับหนึ่ง รองเท้าและถุงเท้าก็ไม่ใช้แบบชาวบ้านธรรมดามีกัน ในมือยังถือไม้กระบองสีดำ ยังมีลายแกะสลักอีกด้วย
นอกจากนี้กิริยาท่าทางก็นิ่งสงบ ไม่ใช่แบบพวกนักต้มตุ๋นที่ทำท่าทางให้ยากแท้หยั่งถึงพวกนั้น ทหารลาดตระเวนจึงไม่กล้าลงมืออันใดในทันที ได้แต่สะกดรอยตามไป
พระนักบวชที่ออกบิณฑบาตตามริมแม่น้ำทะเล เดินไปมาบนท้องถนนเข้าออกร้านที่มีคนคึกคัก หรือไม่ก็ดูว่าร้านไหนใหญ่โต แต่พระท่านนี้ไม่เหมือนกัน เดินไปตามท้องถนนก็แค่มองซ้ายมองขวา ยังเดินหลบคนที่เดินสวนมา เดินเข้าไปกลางเมือง
ที่นั่นหอสังเกตการณ์สร้างเสร็จแล้ว มีทหารกองหนึ่งประจำการอยู่ หอสังเกตการณ์มีหอกลองและหอฆ้อง ยังมีธงและพลุไฟ กลางวันกลางคืนมีทหารผลัดเวรประจำการ
ขุดฐานให้ลึกลงไป สร้างฐานด้วยไม้ขนาดใหญ่ปิดทับด้วยปูน แล้วก่ออิฐด้านนอก ราวกับบ้านสูงสี่ชั้น ไม่ดูให้ดียังคิดว่าพุทธเจดีย์
มีคนที่เคยขึ้นไปบนหอสังเกตการณ์กล่าวว่า มองจากด้านบนสุดของหอ จะเห็นภาพแม่น้ำทะเลกว้างไกลไร้สิ่งกีดขวาง เห็นทุกสิ่งกระจ่างชัดเจน
พระแปลกรูปนั้นเดินไปที่หอสังเกตการณ์ พอเข้าใกล้พอควรแล้วก็เดินวนรอบหนึ่ง เงยหน้ามองยอดสูงสุดด้านบน แล้วก็มองย้อนกลับไป สีหน้าก็เริ่มมีรอยนิ้ม ต่อมาก็มองดูไปส่ายหน้าไป รอยยิ้มเริ่มจางหายไป
หลังจากเดินดูไปสักพัก พระภิกษุรูปนั้นก็หันหน้าเดินไปทางแม่น้ำทะเล ทหารที่ตามดูเขาอยู่ด้านหลังในที่สุดก็ทนไม่ไหว รีบก้าวเข้าไปตะโกนดังว่า
“พระรูปนั้น หยุด!!”
ตะโกนดังไปเสร็จ พระรูปนั้นไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ทหารรีบวิ่งไปดักหน้า ตบไปที่บ่า น้ำเสียงไม่เกรงใจดังขึ้นว่า
“พระ ไม่ได้ยินว่าเรียกท่านหรือ?”
เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตะโกนถาม คนเดินผ่านมาก็รีบแหวกเป็นวงกว้าง ที่นี่หากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานแล้วมามุงดู อาจมีความเป็นไปได้ที่จะถูกจับไปใช้แรงงาน หลังเกิดเหตุพวกผีโชคร้ายหลายครั้ง ทุกคนก็เริ่มเรียนรู้ที่จะฉลาดขึ้น
เมื่อแตะโดนตัว พระรูปนั้นก็ขยับมือกุมกระบองไม้ไว้แน่น แต่ก็ยังหันกลับมาด้วยท่าทีสงบนิ่ง ทักขึ้นด้วยเสียงสุภาพว่า
“อาตมา ต้าสิ้น คารวะใต้เท้าทั้งสอง”
“พระ เอาใบภิกษุมาดูหน่อย”
ใบภิกษุก็คือเอกสารทางการที่แสดงว่าเป็นพระที่ทางการออกให้เป็นหลักฐาน เพราะหากมีใบหลักฐานนี้ก็จะไม่ต้องเสียภาษีและเกณฑ์ทหาร ดังนั้นจึงค่อนข้างเข้มงวด และเพราะได้รับการเว้นภาษี ดังนั้นราคาในท้องตลาดจึงค่อนข้างสูง ดังนั้นพวกพระนักบวชปลอมขอบริจาคจึงไม่มีหลักฐานชิ้นนี้
และเพื่อป้องกันการแอบอ้าง ใบภิกษุของทางการยังทำได้งดงาม คนปกติคิดจะทำก็ย่อมเลียนแบบไม่ได้ ดังนั้นพระจริงพระปลอม เอาใบออกมาแสดงก็เป็นที่รู้กัน
พระต้าสิ้นรูปนี้หันหน้ามาทำให้องครักษ์เสื้อแพรสองนายลังเลไปครู่หนึ่ง ต้าสิ้นนอกจากหน้ำตาดำแล้ว หน้ำตาก็ดูปกติ ยังกล่าวสำเนียงใต้แบบชาวหนานจิงแท้ คนเช่นนี้อย่างไรก็ไม่เหมือนพวกต้มตุ๋น
และพอได้ยินว่าใบภิกษุ ต้าสิ้นก็ยังคว้าจากอกจีวรออกมา พลทหารหยิบไปตรวจสอบไปมา จากการสอนจากคนของศาลและองครักษ์เสื้อแพรรุ่นเก่ามา ตรวจสอบจุดใดจึงจะตรวจสอบจริงเท็จได้
ทว่าพลิกไปพลิกมาหลายรอบ ใบภิกษุนี้ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ เป็นของจริงแท้แน่นอน ขณะตรวจสอบ องครักษ์อีกนายก็มองพระรูปนั้นอย่างสำรวจ หากเป็นนักต้มตุ๋น ก็ควรจะเผยพิรุธอันใดออกมาบ้าง แต่ต้าสิ้นผู้นี้กลับยืนนิ่งรอ ไม่มีท่าทางกินปูนร้อนท้องอันใด
“มาเทียนจินทำอะไร?”
“อาตมาได้ยินว่าเทียนจินเป็นศูนย์รวมการค้า เป็นเมืองมีชื่อจากพื้นที่ธรรมดา ปรากฎการณ์เช่นนี้ต้องมาดูให้เห็นด้วยตาตนเอง ดังนั้นจึงได้มาที่นี่”
เมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนี้ ความระแวดระวังในใจของทหารก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย ความเจริญรุ่งเรืองของเทียนจินดึงดูดพ่อค้าและพวกที่อยากหาเลี้ยงชีพให้มาที่ แต่ก็มีพวกว่างงานไม่น้อยที่อย่างมาดูปรากฎการณ์นี้กัน
ตัวอย่างเช่นพวกบัณฑิตจากทางใต้โดยสารเรือมาทางคลองส่งน้ำ พ่อคหบดีว่างงานจากเหอหนาน ซานตงและเขตปกครองเหนือก็มาชมความรุ่งเรืองนี้ ยังมีแหล่งบันเทิงทั้งหอคณิกา บ่อนพนัน หอสุราทั้งในและนอกเมืองเทียนจินที่เปิดใหม่ไม่น้อย เป็นแหล่งรวมเงินทองอย่างแท้จริง
ดูการแต่งกายของพระภิกษุรูปนี้ ท่าทางวาจา ทั้งหมดล้วนแสดงถึงความเป็นคนชั้นสูง บางทีอาจมาเที่ยวชมเท่านั้น ที่เทียนจินนี้ยินดีต้อนรับคนเช่นนี้อย่างยิ่ง
ทหารสองคนมองหน้ากันอีกครั้ง หนึ่งในนั้นยิ้มและส่งใบภิกษุคนกลับไป เอ่ยว่า
“เชิญท่านตามสบาย การตรวจสอบนี้เป็นธรรมเนียม อย่าได้ถือสา”
“ไม่เป็นไรๆ ท่านทั้งสองทำตามธรรมเนียมเถิด ไยต้องเกรงใจ”
ทั้งสองฝ่ายต่างแสดงท่าทีสุภาพต่อกัน ทักทายกัน จากนั้นก็กล่าวคำอำลา ทหารทั้งสองเดิมคิดว่าจับพวกต้มตุ๋นได้แล้ว ยามนี้จึงได้แต่ถอนหายใจ
ขณะทหารสองนายกลับไป ใจก็ย่อมรู้สึกไม่ยอมอยู่บ้าง จึงย้อนกลับไปที่ร้านเครื่องเคลือบอีกครั้ง พอเข้าไปก็แสดงเจตจำนงที่มา เถ้าแก่ในร้านยิ้มกล่าวว่า
“พระรูปนั้นบอกว่าพื้นที่เทียนจินเรารุ่งเรือง เตรียมจะมาสร้างวัดที่นี่ เตรียมให้ร้านเราจัดหาเครื่องเคลือบ ยังจ่ายเงิน ตำลึงมัดจำไว้ก่อน พระรูปนี้เหมือนมาเทียนจินครั้งแรก ถามนั่นถามนี่”
ทันใดนั้นเสียงนกหวีดทองแดงแหลมสูงดังขึ้น ทุกร้านค้าต่างก็อึ้งไป ก่อนจะตะโกนกันวิ่งออกมา เริ่มยกไม้ปิดประตูหน้าต่าง แขกในร้านบ้างก็ยืนอึ้งอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร บ้างก็มองซ้ายมองขวาอย่างไม่รู้จะทำเช่นไรเช่นกัน เสียงเถ้าแก่ดังขึ้นพร้อมประสานมือคำนับ
“แขกทุกท่านอย่าได้ตกใจ อีกสักครู่พอเสียงแตรดังก็ออกไปได้ ขอทุกท่านโปรดเข้าใจ หากไม่ปิดประตู ทางการมาพบเข้าก็จะสั่งปิดกิจการชั่วคราว จัดการอบรมแล้วจึงจะเปิดต่อได้”
ในขณะที่พูดก็ประสานมือคำนับรอบทิศ ทุกคนพากันกระซิบวิพากษ์วิจารณ์ ต่างก็เข้าใจถึงกฎธรรมเนียมปฏิบัติใหม่ที่เกิดขึ้นที่เทียนจินนี่ได้ไม่นานนี้ ไม่นานัก ก็ได้ยินเสียงฝีเท้ามาค่อยๆ เข้ามาใกล้ ยังมีเสียงแตรดัง ทุกคนก็ถอนหายใจโล่งอก การ ‘ซ้อมปฏิบัติการ’ จบลง
************
พอภิกษุต้าสิ้นได้ยินเสียงนกหวีดทองแดงก็ยังทำอันใดไม่ถูก แต่ร้านหนึ่งขณะกำลังปิดประตูก็เห็นเข้า ลังเลครู่หนึ่งก็กวักมือเรียกให้เข้าไป ปิดประตูไปก็อธิบายไป เสียงนกหวีดดัง คนตามท้องถนนก็ต้องเข้าไปรวมในร้านค้าที่ใกล้ที่สุด หากไม่เข้าไปหลบจะถูกลงโทษหนัก หากไม่รับคนเข้าร้านก็จะโดนโทษหนักเช่นกัน
เมื่อต้าสิ้นได้ยินดังนี้ สีหน้าก็ดูย่ำแย่ จากนั้นก็แค่นยิ้มอย่างเสียไม่ได้ รอจนเสียงแตรดัง ภิกษุผู้นั้นก็ขอตัวจากไป เดินไปทางริมแม่น้ำ
เส้นทางไปยังแม่น้ำ ก็เห็นทหารตามเส้นทาง ที่ริมแม่น้ำยังมีอีกกอง มีทหารม้าคอยเดินตรวจตรา ยังมีกองกำลังเดินแถวตามคำสั่งเสียงดัง เรียกรวมพลจากเหตุการณ์เมื่อครู่
สีหน้าพระภิกษุดูย่ำแย่ไปอีก เดินไปตามเส้นทางน้ำไปทางตะวันออก ก็เห็นเรือจอดเทียบท่าอยู่ ล้วนเป็นเรือที่ลำใหญ่กว่าเรือสำเภาเล็กน้อย ผ้าอาบน้ำมันคลุมมิดชิด ยังได้ยินเสียงคนเรือที่เดินออกมาบ่นดังว่า
“เรือเล็กพวกนี้จอดเทียบอยู่ที่นั่นมาได้สิบกว่าวัน ก็ไม่รู้จอดทำไม แค่จะเลิกผ้าดูก็ถูกเจ้าหน้าที่ตามมาด่า……”
ต้าสิ้นยืนสำรวจอยู่เป็นนาน สุดท้ายก็ส่ายหน้า สีหน้าดำคล้ำเดินต่อไปทางทิศตะวันออก เส้นทางไม่ใกล้ ฟ้าใกล้มืดจึงได้เดินไปถึงปากอ่าว
ป้อมปืนสองหลังโดดเดี่ยวอยู่ที่นั่น อ่าวเล็กๆ มีเรือขนาด 350 เคอ[1]จอดอยู่สามลำ เรือจมอยู่ในน้ำลงลึกพอควรด้านบนบรรทุกสินค้าเต็มลำ ใช้ผ้าอาบน้ำมันปิดไว้มิดชิดแน่นหนาเช่นกัน
เมื่อเห็นเรือเหล่านี้ ภิกษุก็ถอนหายใจก่อนจะเดินมุ่งไปยังทิศเหนือ ชายหาดทางนี้ส่วนใหญ่เป็นผืนทราย เรือเข้ามาไม่ได้ ได้แต่จอดทอดสมออยู่ที่อ่าวนอกชายฝั่ง ดังคาด พระภิกษุเห็นเรือปิดคลุมด้วยผ้าอาบน้ำมันจอดเทียบท่าอยู่
เดินต่อไปไม่ไกลนัก เรือลำหนึ่งอยู่บนชายหาด ลูกเรือกำลังนั่งล้อมวงกันคุยสรวลเสเฮฮา คนหนึ่งเห็นภิกษุเดินมา ก็รีบทักทาย ลูกเรือที่เหลือก็ยืนขึ้นตาม คำนับพร้อมกัน ภิกษุพยักหน้าให้ เดินขึ้นเรือไป คนเรือใช้แรงเข็นเรือลงทะเล
ภิกษุต้าสิ้นมองพื้นที่ค้าขายเบื้องหน้า แม้ว่าจะห่างจะชายทะเลไกลพอสมควร แต่หอสังเกตการณ์ก็แขวนโคมมองเห็นชัดเจน ก็หมายความว่าหอสังเกตการณ์สามารถเห็นชายหาดได้อย่างชัดเจน
เขาถอนหายใจอีกครั้ง ลูกเรือหลายคนไม่กล้าถาม เข็นเรือลงทะเลไป เรือเล็กเช่นนี้ไม่อาจออกทะเลได้ กลางทะเลน่าจะมีเรือใหญ่รออยู่ หรือไม่ก็ทอดสมออยู่ละแวกนี้
**********
ร้านเครื่องเคลือบรออยู่หลายวันก็ไม่เห็นพระรูปนั้นกลับมาอีก สินค้าที่เตรียมไว้ก็ได้แต่ขายให้ผู้อื่นไป ทิ้งเงินมัดจำ 5 ตำลึงไปเสียอย่างนั้น ทหารสองนายที่เคยพบก็ไม่ได้เอ่ยถึงอีก จับได้ว่าปลอมนับว่าผลงานเล็กๆ สอบถามว่าเป็นพระจริงก็ยิ่งไม่มีอันใดควรค่าแก่การเอ่ยถึงอีก
เทียนจินกลางเดือนห้า ทุกอย่างปกติดี
…………………..
[1] เคอ เป็นหน่วยวัดขนาดเรือในสมัยโบราณ 1 เคอ เท่ากับ 0.325 ตัน