Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 409

ตอนที่ 409 สหายเก่ามาเยือน ผู้คนขวักไขว่

“ขุนนางเราพวกนี้ไม่รู้ว่าคิดอย่างไรกัน เฉินหลินเป็นผู้บัญชาการกองทัพเรือหมิงเรา ที่เสียประโยชน์ก็พวกต่างชาติ เป็นถึงผู้ตรวจการราชสำนักหมิง ร้อนใจไปไย!?”

ได้ยินจางจวีเจิ้งกล่าวเช่นนี้ ฮ่องเต้ว่านลี่ก็ไม่พอใจทันที โยนเอกสารในพระหัตถ์ลงบนโต๊ะ จางจวีเจิ้งยิ้มทูลว่า

“การเคลื่อนไหวของราชสำนักย่อมไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เกี่ยวพันถึงหน้ำตาบ้านเมือง เกียรติภูมิแห่งราชสำนัก แต่นับดู เรือที่คณะเฉินหลินคุมไปก็น่าจะผ่านเจ้อเจียงไปแล้ว กระหม่อมคิดว่า ฝ่าบาทไม่ต้องทรงทำอันใด เก็บฎีกาไว้ไม่โปรดลงไปก็พอ ฝ่าบาทเห็นเช่นไรพะยะค่ะ?”

ตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพเรือนั้นเป็นตำแหน่งที่ทรงแต่งตั้ง และยังปฎิบัติตามพระบัญชา แต่กลับถูกผู้ตรวจการกวางตุ้งยื่นฎีกาได้ การเก็บเอาไว้ไปโปรดลงไปก็เท่ากับไม่ทำอันใดกับฎีกานี้ จางจวีเจิ้งเสนอเช่นนี้ไม่บ่อยนัก ฮ่องเต้ว่านลี่ก็ย่อมเห็นชอบ

จางจวีเจิ้งสีหน้าค่อนข้างเย็นชา ทูลน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า

“ต่างชาติพวกนั้นเข้ามาเหยียบย่ำมาเก๊ามาหลายปี เป็นสถานที่ฉ้อฉล ไม่รู้ว่าขุนนางกวางตุ้งทำงานกันอย่างไร ไปๆ มาๆ ถึงได้เป็นเช่นนี้ไปได้ สั่งสอนสักหน่อยก็ดี”

***********

“ที่แม่น้ำทะเลนี้ ยังมีผู้ใดไร้ลูกกะตามาก่อเรื่องเอะอะที่หอรุ่งเรืองกัน เป็นคนกองกำลังหู่เวยเราหรือเปล่า?”

เถ้าแก่ท่านนี้เป็นผู้ดูแลร้านท่าน คนพวกนั้นสำเนียงเป็นคนเมืองหลวง ยังสวมชุดขุนนางบู๊ ดื่มไปมากกำลังเอะอะกันอยู่ที่หอสุรา แขกห้องพิเศษอื่นๆ ล้วนไม่อยู่กันนาน เรียกเก็บเงินแล้วก็ไป ตอนนี้ยังไม่เงียบเลย”

“ท่านสาม กองกำลังหู่เวยเราสวมชุดสั้นผ้าธรรมดา แต่คนผู้นั้นท่าทางเหมือนทหารทางการ?”

ซานเปียวอึ้งไป ก่อนจะถามขึ้นอย่างใจร้อนทันทีว่า

“คนของซุนจื้อปินหรือเปล่า?”

“ไม่ใช่ขอรับ ขุนพลซุนค่อนข้างเข้มงวดกับผู้ใต้บังคับบัญชา แม้ว่ามาก็จะจ่ายเงินกันตามระเบียบ”

“เช่นนี้เป็นผู้ใดที่ไร้ลูกกะตากัน……”

“ซานเปียว เจ้ามีครอบครัวแล้ว ออกศึกมีท่าทางองอาจกล้าหาญเช่นนี้นั้นดี แต่ปกติไยต้องเสียงดังโวยวายเช่นนี้ด้วย”

หวังทงที่นั่งอยู่ตรงกลางเอ่ยเตือน หม่าซานเปียวแต่งงานโดยมีอวี๋ต้าโหยวเป็นประธานในงาน ตอนนี้ทุกวันก็หวานชื่น มีความสุขอย่างมาก พอหวังทงกล่าวเช่นนี้ ก็รีบยิ้มแหะๆ ทันที

วันที่ 17 เดือนเก้า เมื่อวานมีข่าวมาจากสำนักรักษาความสงบในเมืองหลวง บอกว่าสำนักเครื่องใช้ส่วนพระองค์ได้ยินว่าเทียนจินมีไม้ใหญ่ก็คิดจะมาเลือกซื้อสักหน่อย

ไม้ใหญ่ไม่รังเกียจคนซื้อ แต่ในวังจะซื้อย่อมยุ่งยาก หวังทงกำลังปรึกษาหารือกับไช่หนานว่าจะรับมืออย่างไร อย่างน้อยก็ต้องสืบข่าวความเป็นมาเป็นไปให้ชัดเจนก่อน คิดไม่ถึงว่าเถ้าแก่อยู่ ๆ ก็มารายงานอย่างรีบร้อนเช่นนี้

มีเรื่องที่หอสุรา ก็คงแค่ดื่มมากจนขาดสติเท่านั้น เถ้าแก่ผู้นี้ก็ช่างตื่นตระหนกเกินเหตุไป พูดไปได้ไม่กี่คำก็ทำเอาหวังทงรู้สึกรำคาญเอ่ยว่า

“เดี๋ยวส่งคนไปดู ไล่ไป ให้พวกเขาชดใช้ตามราคาก็พอ ต้าไห่ เจ้ากับซานเปียวจัดคนไปหน่อย”

ได้ยินเช่นนี้ ซุนต้าไห่ก็ลุกขึ้นรับคำสั่ง เถ้าแก่ยังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า

“นายท่าน คนพวกนั้นยังบอกว่า แม้หวังทงมา พวกเราก็ไม่กลัว……”

มิน่าเถ้าแก่จึงตื่นตระหนกรีบมารายงานเช่นนี้ ที่แท้ก็มีวาจานี้นี่เอง ในห้องเงียบกริบ หวังทงเงยหน้าขึ้นจากเอกสารในมือ ยิ้มเอ่ยว่า

“ฟังแล้วเหมือนเชิญให้ข้าไปเยือน ซานเปียวเตรียมกำลัง พวกเราไปดูกันว่าเป็นมหาเทพองค์ไหนกัน?”

*************

โชคดีที่เป็นเวลาอาหารกลางวัน บนถนนคนน้อย ทหารม้า 50 กว่านายขี่ออกมาพร้อมกัน ก็ไม่ทำให้ผู้คนตื่นตระหนกเท่าไร และเป็นเพราะเทียนจินระเบียบเข้มงวด คนในร้านหลายร้านยื่นหน้าออกมาดูแล้วก็รีบหดหัวกลับไป แอบวิพากษ์วิจารณ์กันเงียบๆ นั้นย่อมเลี่ยงไม่ได้ ยามปฏิบัติการหากมีคนมามุง สถานเบาก็ลงแส้ สถานหนักก็ใช้แรงงาน ผู้ใดก็มิกล้าละเมิด

พอถึงหอรุ่งเรืองสาขาเทียนจิน ก็เห็นพ่อครัวคนงานออกมาอยู่ข้างนอกขมวดคิ้วมองขึ้นไปด้านบน พอเห็นพวกหวังทงมา ก็รีบเข้าไปคุกเข่าคำนับ

แขกในโรงเตี๊ยมรอบๆ ก็ชะโงกหน้าออกมามองกัน พอเห็นพวกหวังทงก็รีบหันหน้ากลับเข้าไป

“นายท่าน ด้านบนมีแขกเอะอะกันอย่างมาก ขนสุราเราออกมาดื่มกันจนหมด ดื่มไม่หมดก็เทรดพื้น เอาแต่เอะอะร้องเพลงกัน ทำแขกคนอื่นตกใจหนีกันไปหมดแล้ว ไม่อาจทำการค้าต่อได้แล้ว”

ไม่ต้องพูดก็ได้กลิ่นสุราตลบอบอวลไปทั่วบริเวณหอรุ่งเรือง หวังทงโดดลงจากหลังม้า คนงานอีกคนกำลังคิดเข้ามาฟ้อง ก็ได้ยินคนด้านบนตะโกนมาว่า

“หวังทงทำไมยังไม่มาอีก……เจ้าคนขายเนื้อน้ำแดงไยจึงวางท่ามากเช่นนี้……”

น้ำเสียงไม่เบา รอบๆ หอรุ่งเรืองได้ยินกันชัดเจน เดิมก็เปิดหน้าต่างรอฟังเรื่องสนุกกันอยู่ ตอนนี้เสียงปิดหน้าต่างดังตึงตังไปหมด ผู้ใดกล้าฟังหาเรื่องใส่ตัวกัน ชื่อใต้เท้าหวังก็ถูกตะโกนเรียกเสียงดังออกมาแล้ว

“มารดามันสิ เจ้าบ้าที่ไหนอยู่ข้างบน!”

หม่าซานเปียวข้างๆ กระชากดาบออกมาจากอานม้า สบถด่าไปคำหนึ่ง สีหน้าทหารทุกคนล้วนโมโหอย่างมาก รอหวังทงออกคำสั่ง หวังทงกลับนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก็หัวเราะออกมา เดินเจ้าไปในหอรุ่งเรืองทันที

“ใต้เท้า ข้างในอันตราย”

เสียงทหารอารักขาหลายคนร้อนใจ หวังทงกลับยิ้มกล่าวว่า

“อันตรายอันใด คนคุ้นเคยกันดื่มสุราเฮฮาออกฤทธิ์กันเท่านั้น”

แต่ทหารอารักขาก็ยังไม่อาจชะล่าใจ สบตากัน รีบตามไปติดๆ

*************

หวังทงปรากฎตัวขึ้นบนชั้นสาม เสียงร้องเพลงเอะอะก็เงียบลงทันที จากนั้นก็มีคนสองสามคนหัวเราะลั่นวิ่งเข้ามา ตะโกนว่า

“พี่หวัง ใช่ว่าเป็นกิจการการค้าของพี่หรอกหรือ ทำไมตั้งนานกว่าพี่จะมา รีบมาดื่มกันเร็ว”

คนพวกนั้นดื่มกันไปมาก โต๊ะเก้าอี้ชั้นสามล้มระเนระนาด เละเทะไปหมด ตอนหวังทงขึ้นมาก็เห็นพวกนั้นกำลังเคลื่อนไหวกันเละเทะไปมา มองให้ดีก็รู้สึกขำไม่ออก ที่แท้รำมวย

พอเห็นหวังทง พวกนั้นก็หยุดรำมวย สะบัดหน้าวิ่งปรี่เข้ามา หวังทงก็หัวเราะดังลั่น ชี้ไปทางพวกเขากล่าวว่า

“หากอยู่เมืองหลวง พวกครูฝึกคงได้ลงแส้พวกเจ้าตายไปแล้ว!”

ขณะที่พูดนั้นก็กอดกับพวกนั้นกลมไปแล้ว พากันหัวเราะดังลั่น ทหารที่ติดตามขึ้นมากับบรรดาคนงานในร้านพากันอึ้งค้าง หวังทงผลักทุกคนออกก่อนจะหันไปบอกว่า

“ให้คนมาเก็บกวาด จัดสุราอาหารมาใหม่ เป็นคนกันเองจากเมืองหลวง ไม่ต้องตกใจไป!”

ทหารและคนงานยามนี้จึงวางใจ ชายเมาเอะอะผู้หนึ่งสะบัดหน้าเซไปมาเดินไปขวางไว้ พิงตัวตะเบ็งเสียงดังว่า

“เฉินฝู เฉินฝู เอาเงินมาให้เถ้าแก่ ของที่เสียหายอะไร ก็จ่ายไป”

ด้านนอกมีคนรับคำ หวังทงโบกมือให้คนงานตนกล่าวว่า

“ไม่ต้องเก็บเงินพวกเขา ไปเอาที่จวนข้า”

พอรู้ว่าเป็นสหายเก่าใต้เท้าหวัง ทหารทุกคนก็โล่งใจ ยิ้มรับคำ พอคนนั้นไป ก็มีคนตบบ่าหวังทงอย่างแรงกล่าวว่า

“พี่หวัง พี่อายุน้อยกว่าพวกเราหลายปีใช่ไหม ทำไมสูงใหญ่อย่างนี้ ดูสิสูงกว่าพวกเราทุกคนเลย!!”

หวังทงยิ้มตอบไปว่า

“เฉินซือเป่า เจ้าไม่อยู่ประจำกอง แล่นมาเทียนจินนี่ทำไม”

ชายหนุ่มข้างๆ ร่างกายสูงใหญ่หัวเราะลั่นรับคำแทนว่า

“พี่หวัง พี่รองพาพวกเรามาด้วย หนึ่ง มารับเงิน สอง คิดจะมาร่ำรวยกับท่านด้วย”

ทุกคนคล้องแขนกันนั่งลง หวังทงยิ้มด่าไปว่า

“ถังซื่อไห่บ้านเจ้ามีเงินทองมากมายเพียงนั้นแล้ว ข้าไม่ไปหาเงินหาทองกับเจ้า เจ้ากลับคิดมาเอากับข้า!!”

ชายหนุ่มร่างใหญ่ยิ้มโบกมือ กล่าวว่า

“เทียบกันไม่ได้ ๆ บิดาข้าเคยมาเทียนจินสองครั้ง ทุกครั้งที่กลับไปก็จะบอกว่าตนเสียดายเกิดเร็วไปหลายสิบปี บอกว่าที่แท้ทำตามระเบียบและเก็บภาษีให้ดี ก็สามารถร่ำรวยเงินทองได้ นี่ล้วนเป็นความสามารถของพี่หวังแล้ว!!”

“ใช่เลยๆ พี่หวังไม่เพียงแต่ฝีมือฉกาจ ความสามารถเรื่องเงินทองก็ยอดเยี่ยม ป้ายสงบสุขที่เมืองหลวงปีหนี่งไม่รู้ได้เงินเข้าคลังตั้งเท่าไร……”

ทุกคนแย่งกันพูดคนละคำสองคำ หวังทงก็ปล่อยตามสบาย บุตรชายรองของเซี่ยงเฉิงป๋อเฉินซือเป่ากับบุตรชายคนเล็กของพ่อค้าจัดหาของให้ในวังถังซื่อไห่ ยังมีเด็กหนุ่มหลายคนที่เข้ามาฝึกในลานฝึกหู่เวยเมื่อตอนนั้นพากันมาเทียนจินในครานี้พร้อมกัน ทุกคนตอนอยู่ลานฝึกไม่ได้สนิทสนมกันเพียงนี้

แต่การได้อยู่ร่วมกันที่ลานฝึกหู่เวย ผ่านชีวิตในโรงเรียนที่ไร้ซึ่งผลประโยชน์ออกมาพร้อมกัน บรรดาเด็กหนุ่มจากตระกูลดีและชนชั้นสูงพวกนี้ก็รู้สึกถึงคุณค่าของเวลาในช่วงนั้น จึงได้คิดถึงบรรดาสหายในเวลานั้น นานวันไม่เจอกัน อีกทั้งยังด้วยฤทธิ์สุรา ย่อมมีท่าทีสนิทสนมกันอย่างมาก

“พวกเจ้าเปิดร้านที่นี่ด้วยหรือ?”

พอได้ยินวาจาของพวกเฉินซือเป่า หวังทงก็ถามด้วยความแปลกใจ เฉินซือเป่าคว้ากาสุรากรอกปากไปหลายอึก ก่อนจะเช็ดปากยิ้มกล่าวว่า

“ไม่ต้องแก่งแย่งแข่งขันกับกงกงงและขุนนางใหญ่ ไม่ต้องต่อสู้กันคนอื่นๆ ที่ทงโจว ทำการค้าไปดีๆ ก็มีกำไรเช่นนี้ สถานที่เช่นนี้ผู้ใดไม่อยากมากัน ตระกูลข้ากับตระกูลถังมาทำการค้าที่นี่ตั้งแต่เดือนสี่แล้ว พวกคนที่มีทางในเมืองหลวง มีเงินก็มาเอง หากไม่มีเงินก็รวบรวบหลายตระกูล ไม่มีขาดตกสักคน”

หวังทงนิ่งอึ้งไป ส่ายหน้ายิ้มกล่าวว่า

“พวกเจ้าช่างไม่เห็นว่าข้าเป็นสหายเลย มาเปิดร้านในพื้นที่ข้า ทักทายสักคำ จะได้ดูแลสักหน่อย เหตุใดจึงเพิ่งมาบอกข้าตอนนี้!!”

“……พวกขุนนางเมืองหลวงจมูกไวยิ่งกว่าสุนัข ช่วงก่อนหน้าหาเรื่องไม่จบไม่สิ้น หากให้พวกเขารู้ว่าไปมาหาสู่กับเทียนจิน คงกัดไม่ปล่อย หนีไม่พ้นความวุ่นวาย ทุกคนก็เลยแอบรวยเงียบๆ ที่น่าบัดซบก็คือ หลายวันก่อนพี่น้องเราจึงได้รู้ว่า พวกสำนักตรวจสอบก็มีกิจการที่เทียนจิน……”

แม้จะดื่มสุราไป แต่พอหวังทงถามถึงเรื่องนี้ เฉินซือเป่า ถังซื่อไห่ก็เล่าด้วยน้ำเสียงอู้อี้ หวังทงเข้าใจแล้ว บางทีในเมืองหลวงอาจมีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลง จึงได้ให้พวกลูกหลานขุนนางชนชั้นสูงพวกนี้มาที่นี่กัน แต่การหลบภัยไว้ก่อนก็เป็นนิสัยพื้นฐานของคน ก็ไม่ได้ส่งผลอันใดกับตน

พอเห็นสีหน้าปกติของหวังทง จิตใจพวกเฉินซือเป่าก็รู้สึกสงบลง ยิ้มเอ่ยว่า

“พี่หวัง ครั้งนี้พี่น้องมากัน ได้เปิดโลกที่เทียนจิน จึงคิดจะขอให้พี่หวังเปิดทางให้พวกเราได้ร่ำรวยไปด้วยกัน……”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!