Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 411

ตอนที่ 411 ปล่อยกู้ร่ำรวย เมืองหลวงเทียนจินกลับตาลปัตร

แม้ว่าระยะนี้พวกเฉินซือเป่ากับถังซื่อไห่จะเป็นที่ยอมรับของทางบ้าน แต่ก็มิได้หามายความว่าจะคุยเล่นๆ ก็ได้มาห้าแสนตำลึงได้

อำนาจวาสนาเงินทองกล่าวจริงจังแล้วก็เพื่อ เงิน ตัวเดียว บรรดาตระกูลชั้นสูงในเมืองหลวงอาศัยเบี้ยหวัดหรือเงินพระราชทานจากฮ่องเต้และราชสำนัก ย่อมไม่พอใช้ ประหยัดกินประหยัดใช้อาจพอได้ แต่ผู้ใดบ้างไม่กินดีอยู่ดี ยังต้องรักษาเกียรติในสังคมภายนอก การหาเงินได้ก็ย่อมเป็นการดีที่สุด

วิธีการหาเงินนั้นก็มิใช้ว่าเก็บค่าเช่าที่นาหรือทำการค้า ละแวกเมืองหลวง เมืองต่างๆ ในเขตปกครองเหนือก็ล้วนเป็นพื้นที่ทำนา ผู้ใดก็จับจ้องกันไม่กระพริบ

พระญาติเชื้อพระวงศ์ ขันทีในวัง ขุนนางใหญ่นอกวัง มีปีหนึ่งยังมีเรื่องแย่งน้ำแย่งที่ดำนิที่นากันนอกเมือง และหากไปตั้งโรงบ้านไกลออกไป ลูกน้องใช่ว่าจะไว้ใจได้ ทำไปทำมา ได้เงินมาหรือไม่ไม่ว่า หากไม่แน่ยังต้องจัดการปัญหายุ่งยากที่ตามมา

การทำการค้านั้นไม่เลว แต่ใต้หล้าที่ใดจะมีการค้าไม่มั่นคงไม่ขาดทุน มั่นคงไม่ขาดทุนก็ย่อมอยู่ในมือขาใหญ่ที่สุดเบื้องบน ย่อมไม่ปล่อยมือง่ายๆ

นอกจากนี้ เงินทองที่บรรพบุรุษหามาอย่างยากลำบาก หรือว่าต้องมาสูญสิ้นไปกับการทำการค้ากัน แต่การจะนั่งกินสมบัติเก่านั้นก็ไม่ใช่วิธีการ ยศถาบรรดาศักดิ์สามชั่วอายุคนสืบทอดกัน สายสัมพันธ์กับในวังนั้นก็ไม่เท่าไร ไม่มีเงินมาดูแลการใช้จ่าย ไม่มีเงินจ่ายเพื่ออำนวยทาง ก็ย่อมดึงดันยืนหยัดต่อไปไม่ได้

เปิดร้านที่เทียนจินย่อมได้กำไร การค้าคึกคักอย่างน่าตกใจ แต่ก็มีคนฉลาดมองออกว่า เทียนจินเปิดหน้าร้านให้ค้าขายขนานใหญ่ทำให้เกิดการขยายตัว หากความเจริญที่ยิ่งใหญ่ก็ค่อยๆ สงบลง สุดท้ายก็ย่อมมีคนได้กำไร มีคนขาดทุน

แต่ร้านประกันภัยนี้มองไม่ออกว่ามีความเสี่ยงอันใด แม้ว่าอาจมีลมฝนที่ไม่อาจคาดเดา แต่จะเกิดเรื่องกันสักกี่ร้าน ค่าชดใช้ย่อมไม่กี่เงิน แต่รายได้ร้านประกันภัยก็ย่อมเพิ่มจากค่าเช่าต่างๆ และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในเทียนจิน นี่จึงเป็นกำไรที่มั่นคง

การค้าจะกำไรหรือขาดทุนไม่รู้ หากที่สำคัญก็คือต้องก้าวเดิน ล้วนต้องใช้โกดังเก็บสินค้า ล้วนต้องเช่าหน้าร้าน เงินเหล่านี้ใช่ว่าเป็นรายรับเห็นๆ หรือ?

ยิ่งไปกว่านั้นธุรกิจประกันภัยก็ได้รับการสนับสนุนจากทางการเทียนจิน รับประกันการชำระหนี้ด้วยเงินจากการเก็บภาษีทะเลและแม่น้ำ ก็ยิ่งทำให้คนรู้สึกวางใจ

การค้ากำไรมั่นคงและไม่ขาดทุน และเป็นร้านที่สามารถควบคุมเทียนจินได้ทั้งหมด หวังทงก็ย่อมไม่ให้พวกเขาแทรกตัวเข้ามา ตอนนี้ร้านสามธาราของหวังทงกับร้านค้าที่มีหุ้นอีกสองร้านรวมเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดของร้านประกันภัย หากให้ลงเงินเพิ่มออีกห้าแสนตำลึง ก็ย่อมทำลายสมดุลผู้ถือหุ้น

แต่พวกชนชั้นสูงจากเมืองหลวงพวกนี้ยอมควักเงินห้าแสนออกมา และยังให้พวกเฉินซือเป่ามาดูลาดเลา การลงทุนนี้หวังทงย่อมไม่ปล่อยให้หลุดไป

นอกจากนี้หากพวกชนชั้นสูงในเมืองหลวงพวกนี้มีเงินลงทุนที่เทียนจินห้าแสนตำลึง ก็ย่อมคิดถึงความปลอดภัยของเงินที่ลงไปก้อนโตนี้ คนพวกนี้ก็ย่อมยืนอยู่ฝั่งเทียนจิน ย่อมยกธงสู้เพื่อเทียนจิน พร้อมให้ความช่วยเหลือ

**********

“อย่าหาว่ากระไรเลย เงินพวกนี้เป็นเงินของผู้ใดบ้างในเมืองหลวง?”

หวังทงถามออกไปตรงๆ เฉินซือเป่ายิ้มแหะๆ ก่อนจะตอบว่า

“ของบ้านข้ากับของบ้านถังซื่อไห่มากที่สุด พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่น้อย เป็นญาติสนิทมิตรสหายกัน ยังมีพวกที่สนิทกันในเมืองหลวง ยังมีอีก 10 กว่าร้าน ทุกคนอยากลงเงินมารวมกัน”

“ข้าและเจ้าล้วนร่วมฝึกกันมาจากลานฝึกหู่เวย มีบางเรื่องขอกล่าวตามตรง ร้านประกันภัยนั้นไม่ได้ แต่มีการค้าอื่นทำได้!”

เมื่อได้ยินหวังทงกล่าวเช่นนี้ สีหน้าของเฉินซือเป่าก็เปลี่ยนไป ที่เมืองหลวงเขาไม่เคยเสียหน้ามาก่อน แสนจะได้ใจมาจนถึงวันนี้ หากเสนอไปและถูกโต้กลับ ก็ย่อมรับไม่ได้ แต่ปฏิกิริยาของเขานั้นก็ฉับไว รู้ว่าผู้ใดล่วงเกินไม่ได้ ผู้ใดล่วงเกินได้ เบื้องหน้าผู้นี้ตบหน้าเขา เขายังไม่อาจกล่าวโต้อันใด จึงรีบฝืนยิ้มกล่าวว่า

“พี่หวัง ที่บ้านให้ข้ามาที่นี่ครานี้ ก็เพื่อถามท่านว่าวีร่ำรวยอื่นไปด้วยกันหรือไม่ หากไม่ได้จริงๆ ร้นค้าริมแม่น้ำริมทะเลสักสองสามร้านก็ได้”

หวังทงยิ้ม โบกมือกล่าวว่า

“ในเมื่อพวกเจ้ามาขอข้าถึงที่นี่จะให้กลับไปมือเปล่าได้อย่างไร การค้าสองอย่าง พวกเจ้าดูเอาว่าจะทำไหม!”

ความสนใจทุกคนพุ่งตรงมาที่หวังทง หวังทงเอ่ยต่อว่า

“หนึ่งก็คือต่อเรือ นอกด่านมีเงิน สินค้าผ่านด่านซานไห่กวนก็เสียเวลาและเงินทองมาก ซานตงไปเมืองเหลียวโจว เมืองจินโจวทางนั้นก็มีแต่เรื่องระหว่างทาง หากว่าพวกเราต่อเรือได้ ขนสินค้าไปขายนอกด่าน แล้วค่อยขนของทางนั้นกลับมา กำไรที่ได้ก็ย่อมเป็นคันๆ รถขนกันเลยทีเดียว อย่าแค่เมืองเหลียวโจวนอกด่านเลย แม้แต่เทียนจินก็มีคนคิดต่อเรือออกทะเลไปทำการค้า แต่ช่างเรือมีน้อยมาก แม้แต่ที่จะซื้อเรือยังไม่มี แต่ต่อเรือก็ใช้เงินก้อนใหญ่ ตระกูลเดียวย่อมรับมือไม่ไหว อยากให้ทุกคนได้ร่วมมือกัน หากทำสำเร็จ ย่อมทำกำไรก้อนโต”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ก็เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของทุกคนรอบโต๊ะ หวังทงกล่าวต่อว่า

“การค้าที่สองก็คือปล่อยกู้ เมืองเหลียวโจวจะส่งไม้ท่อนใหญ่มาเทียนจินหลายร้อยท่อน พวกเจ้าคงได้ยินกันมาแล้วใช่ไหม?”

เห็นทุกคนพยักหน้า หวังทงก็ยิ้มกล่าวว่า

“คนที่นำไม้มาขายนั้นได้กำไรไปไม่น้อย เอามาซื้อหาของที่เทียนจินต่อ เอาเรือนำของกลับไปถึง 20 กว่าลำ ได้ยินว่าสินค้าเทียนจินเราหากไม่ขายนอกด่านย่อมได้กำไรอย่างน้อยหนึ่งเท่า แล้วค่อยนำของที่นั่นกลับมาอีกรอบ ก็นับว่าเป็นเงินก้อนโตอีกก้อน ร้านสามธาราและหลายร้านค้ารู้กันแล้ว ก็ล้วนคิดจะไปสักครั้งก่อนปิดทะเล พวกเจ้าก็รู้ ข่าวนี้ช้าเร็วทุกคนก็ต้องรู้ คนไปกันมาก สินค้าก็มาก ราคาช้าเร็วก็ต้องตก กำไรย่อมไม่ได้มากมายเท่าไร ดังนั้นครั้งนี้แต่ละร้านจึงเตรียมรวบรวมเรือร้อยกว่าลำเพื่อนำสินค้าไปให้มากๆ แต่หลายร้านตอนนี้ก็ล้วนลงทุนในร้านประกันภัยกันไม่น้อย สินค้าร้อยกว่าลำก็ย่อมต้องใช้เงินไม่น้อย ดังนั้นจึงต้องการกู้เงิน”

พอได้ยิน ทุกคนก็เริ่มเข้าใจ ถูกหวังทงดึงความสนใจไปหมดสิ้น

“กำไรมั่นคงไม่ขาดทุน พวกเขาต้องการยืมเงินสักก้อน เงินก้อนนี้กลับมาก็คืน ให้กำไรสองส่วน เดิมข้ากะให้ร้านประกันภัยปล่อยกู้ แต่เรือออกทะเลมากมาย ร้านประกันภัยยังต้องประกันภัย พวกเขาทั้งประกัน ทั้งกู้เงิน ปล่อยให้ร้านหนึ่งไม่เหมาะ ดังนั้นการค้านี้จึงต้องการให้หลายคนออกเงินมาลงทุน”

เรือทะเลเดินทางจากเทียนจินไปยังเมืองเหลียวโจว ไปกลับไม่ถึงหนึ่งเดือน หนึ่งเดือนได้กำไรสองส่วน เป็นการค้าที่คุ้มที่สุด ทุกคนต่างสนใจ

หวังทงตบโต๊ะ ยิ้มสรุปว่า

“การค้าเทียนจินตอนนี้ไปถึงนอกด่านแล้ว วันหน้ายังจะไปไกลยิ่งกว่านี้ การขาดเงินต้องการกู้ยืมก็ย่อมมากขึ้นเรื่อยๆ ข้ากะว่าจะเปิดร้านเช่นนี้ขึ้นโดยเฉพาะ ทำการค้าให้กู้เงินคิดดอกเบี้ย ไม่ทราบว่าทุกท่านสนใจไหม?”

ครอบครัวร่ำรวยมักจะให้กู้เงินที่ไม่ได้ใช้เพื่อกินดอกอยู่เสมอ มักจะเป็นการค้าที่ให้ดอกสูง แต่ก็เป็นเพียงจำนวนเงินน้อยนิด การให้หยิบยืมหลายแสนตำลึงนั้นเป็นจำนวนมากเกินไป ไม่กล้าปล่อยดอกสูง ที่หวังทงว่ามานั้น ก็น่าสนใจ นับว่าเหมาะสม

หลายคนที่มาจากเมืองหลวง นอกจากถังซื่อไห่ที่มีภูมิหลังการค้าเกี่ยวพันกับราชสำนัก พอจะรู้เส้นทางการทำการค้า ที่เหลืออย่างมาก็เหมือนรู้เหมือนไม่รู้ หวังทงกล่าวจบที่จะขั้นตอน พวกเจาก็รู้สึกสับสนอยู่บ้าง หวังทงรู้ว่าพวกเขาเหล่านี้ตัดสินใจไม่ได้

หลังจากคิดเรื่องร้านประกันภัยขึ้นมา วิธีการต่างๆ ในสมองหวังทงก็เริ่มผุดขึ้นมา ความเจริญรุ่งเรืองที่เทียนจินเหมาะกับความคิดเขาในตอนนี้แล้ว รวมทุนให้กู้วันหน้าก็ยังปรับเปลี่ยนไปต่อได้อีก แต่ก็ไม่ต้องกล่าวให้ชัดเจนในตอนนี้

“ไม่ต้องรีบตัดสินใจ อย่างไรก็เป็นเงินก้อนโต กลับไปปรึกษากันก่อนก็ได้ พวกเจ้าตอนนี้ปฏิบัติหน้าที่กันในเมืองหลวง ยากที่จะออกมาสักครา ก็เที่ยวเล่นเทียนจินให้สนุก ตอนนี้ที่เทียนจินมีพร้อมทุกอย่าง ขอเพียงในกระเป๋ามีเงินก็พอ พวกเจ้าทุกคนไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเงินทอง ค่าใช้จ่ายทั้งหมดคิดที่ข้า!”

หลายคนในห้องต่างหัวเราะเสียงดัง นี่เป็นนักลงทุนรายใหญ่ของเทียนจิน ก็ต้องเลี้ยงรับรองให้ดีจึงจะได้ หวังทงเข้าใจเรื่องพวกนี้ดี

บรรยากาศผ่อนคลายมากขึ้น แต่เมื่อพูดถึงลี่เทาที่กลับบ้านเกิดยังไม่กลับมา เฉินซือเป่าก็ข่าวไว ถอนหายใจกล่าวว่า

“ตอนนี้ตระกูลลี่ที่เมืองเซวียนฝู่ก็มีหน้ามีตากัน บิดาลี่เทาเดิมเป็นแค่ขุนพลธรรมดา ตอนนี้ดีไม่ดีคงได้นั่งตำแหน่งรองผู้บัญชาการเมืองเซวียนฝู่ มีสายสัมพันธ์เช่นนี้ ลี่เทาย่อมมีอนาคต”

*************

ต้นเดือนสิบ เรือมากกว่า 30 ลำที่ไปเหลียวโจวกลับมาถึง บรรทุกสินค้านอกด่านมาเต็มลำ ยังลากไม้เกือบพันท่อนกลับมาด้วย

นอกจากพวกนี้แล้ว ยังมีเรือพ่อค้าเกือบร้อยคนจากเหลียวโจวตามกองเรือมาด้วย คนเหล่านี้ล้วนเป็นญาติหรือไม่ก็คนสนิทกับบรรดาทหารแต่ละระดับที่เหลียวโจว ซุนโส่วเหลียวเปิดเส้นทางการค้าเป็นคนแรก ได้กำไรไปก้อนโต ทุกคนก็เริ่มสนใจ รายงานจากสายสืบที่ปากอ่าว คนเกือบร้อยพวกนี้ล้วนนำเงินทองมาก้อนโต

เป็นครั้งแรกที่เทียนจินเกิดสภาวะมีเงินแต่ไม่อาจซื้อสินค้าได้ เนื่องจากพ่อค้านอกด่านมากันสาย ร้านสามธาราและร้านอื่นๆ ก็เลือกซื้อสินค้านอกด่านตุนไว้แล้ว เรือทะเลมาถึงก็ไม่รีบร้อนกลับ ต่างก็อยู่รอจะไปนอกด่านกัน

พ่อค้าเหลียวโจวเห็นเช่นนี้ก็ร้อนใจยิ่งนัก บรรดาร้านค้าล้วนรู้ว่าคนเหล่านี้คือผู้ซื้อรายใหญ่ในวันหน้า ทุกคนต่างก็ทุ่มเทหาทางแก้ปัญหาการหาแหล่งสินค้า

ระหว่างเมืองหลวงและเทียนจิน เมื่อก่อนมีแต่สินค้าเทียนจินหลั่งไหลไปยังเมืองหลวง แต่ครั้งนี้เกิดขาดแคลน ในเมืองหลวงก็ย่อมส่งสินค้ามาเทียนจิน สินค้าหลายร้านในเมืองหลวงไม่ก็ถูกร้านใหญ่รวบไป ไม่ก็ถูกซื้อคืนกลับด้วยราคาที่สูงอีกหน่อย เพราะเทียนจินให้ราคาสูงยิ่งกว่า ยังจะมีผลประโยชน์ให้กินอีกนาน

สถานการณ์เช่นนี้ ผู้ใดก็รู้ว่าออกทะเลครั้งนี้ย่อมกำไรไม่มีขาดทุน เฉินจินเซิ่งหรือเซียงเฉิงป๋อบิดาเฉินซือเป่าเป็นผู้นำ สามตระกูลชนชั้นบรรดาศักดิ์ชั้นสูงในเมืองหลวง ร้านค้าในวังสองร้าน และญาติมิตรสหายทั้งมวลต่างก็ร่วมกันส่งเงินสองแสนตำลึงมาเทียนจิน แต่พวกเขาก็ไม่วางใจนัก มีแต่พวกเฉินซือเป่ากับพวกที่มาจากลานฝึกหู่เวยด้วยกัน ไปหยิบยืมมารวมได้อีกสามแสนตำลึงส่งไป

**************

วันที่ 16 เดือนสิบ ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 7 เรือทะเล 137 ลำออกเดินทางจากเทียนจินไปยังเมืองเหลียวโจว คาดว่าจะเทียบท่าระหว่างทางที่ไก้โจวไปทางเหนือหลายสิบลี้ เรือทะเลขนาดใหญ่ หากกล่าวถึงตั้งแต่ตั้งราชวงศ์หมิงมา ตั้งแต่ขันทีซานเป่านำกองเรือออกทะเล กองเรือนี้นับเป็นกองเรือที่ใหญ่ที่สุด

พอส่งกองเรือออกเดินทางไปไม่กี่วัน กองเรือที่เฉินหลินผู้บัญชาการกองทัพเรือจากกวางตุ้งส่งมาก็มาถึงเทียนจิน……

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!