Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 490

ตอนที่ 490 นำช่างเรือมาถึง

“เจ้าเป็นคนฉลาด คบค้ากับคนอย่างเจ้าไม่เปลืองแรง!”

วาจาหวังทงไม่รู้ว่าพูดให้อาปาก้งฟังหรือว่าอธิบายให้คนในห้องฟังกันแน่ ยกมือขึ้นสั่งว่า

“แก้มัดเขา หาที่นั่งให้เขา!”

พลทหารอารักขาข้างๆ รีบเข้ามารับคำสั่ง อาปาก้งถูกมัดมานาน คิดจะยืนขึ้นก็รู้สึกตัวชาๆ ยืนโอนเอนอยู่ เกือบจะล้ม

ตอนนั่งลง อาปาก้งกลับสงบเสงี่ยมกว่าเมื่อครู่มาก เขาสามารถรู้สึกได้ว่า ขุนพลหนุ่มที่พูดคุยด้วยรอยยิ้มสบายๆ ต่างจากขุนนางหมิงที่เขาเคยพบทั่วไป เขารู้จักการค้า และไม่คุยแต่เรื่องคุณธรรมบ้าบอกอันใด เน้นแต่เรื่องที่เป็นผลประโยชน์จริง

“เจ้าอยู่เทียนจินมาหลายวันเพิ่งจะมาฟ้องร้องหรือ?”

หวังทงอมยิ้มถาม อาปาก้งไม่กล้ารีรอชักช้า ลุกขึ้นตอบว่า

“เรียนใต้เท้า ข้าน้อยอยู่เทียนจินมาได้สิบวันแล้ว”

หวังทงพยักหน้า ถามต่อว่า

“เรือกวางบินเช่นนี้เจ้ามีกี่ลำ ในมือเจ้ามีเรือกี่ลำ?”

“เรียนใต้เท้า เรือเช่นเรือกวางบินนี้ข้าน้อยมีแค่ลำเดียว ยังมีอีกลำแต่เล็กว่าเรือกวางบิน ไปมาระหว่างทะเลใต้กับมาเก๊า เรือที่เหลือก็มีขนาดราวหนึ่งในสามหรือสองในสามของเรือกวางบิน มีราว 15 ลำ”

มีกำลังขนส่งเช่นนี้ อาปาก้งผู้นี้เรียกได้ว่าเป็นพ่อค้าใหญ่ แต่คำตอบของเขาทำให้หวังทงพอจากคาดเดาได้ทั้งหมดแล้ว เอ่ยว่า

“เดาว่าเจ้ามาที่นี่ใหม่ๆ คิดจะว่าความเพื่อเอาเรือกลับ แต่พอรู้สถานะข้า ความคิดนี้ก็หมดไปกระมัง แต่เทียนจินรุ่งเรืองเพียงนี้ เจ้าเองย่อมรู้ว่าทำการค้าที่นี่ร่ำรวยแน่นอน แต่ไม่คุ้นเคยกับที่นี่จำเป็นต้องหาโอกาสแทรกตัวเข้ามาเช่นนี้ เจ้าอยู่ที่นี่มาสิบวัน คิดว่าน่าจะสืบเรื่องระเบียบกฎเกณฑ์การทำงานของข้ามาแล้ว จึงคิดจะใช้วิธีการฟ้องร้องนำข้าออกมา จากนั้นก็หาโอกาสแสดงน้ำใจ จะได้มีโอกาสนำธุรกิจเจ้าแทรกตัวเข้ามาใช่หรือไม่?”

อาปาก้งได้ยินหวังทงบรรยายมา หวังทงกล่าวจบหนึ่งประโยค เอวเขาก็ต่ำลงอีกหนึ่งส่วน พอหลังทงกล่าวจบ เขาก็ลงไปคุกเข่าที่พื้นแล้ว ได้แต่กล่าวว่า

“ใต้เท้าช่างหลักแหลมนักๆ”

หวังทงยิ้มแสดงท่าทางให้เขานั่ง กล่าวต่อว่า

“เรือเจ้าจากใต้มาเหนือครั้งหนึ่ง 5 หมื่นตำลึงก็หาได้ การเอาเรือกลับไม่สำคัญ สำคัญที่โอกาสทำการค้าที่นี่ใช่หรือไม่?”

อาปาก้งยิ้มแห้งๆ พยักหน้า ในใจคิดว่าขุนพลหนุ่มฉลาดหลักแหลมเช่นนี้เป็นขุนนางที่ไหนกัน เห็นชัดๆ ว่าเป็นพ่อค้า ดีไม่ดียังเล่ห์เหลี่ยมพราวกว่าพ่อค้าเสียอีก การคาดเดาเรื่องนับว่าแม่นยำยิ่ง หวังทงกล่าวต่อว่า

“เดิมเจ้าก็คิดจะมอบเรือให้ข้า เห็นข้าเอ่ยปากก่อน จึงได้เอารับทั้งเงินและแสดงทั้งน้ำใจ ใช่หรือไม่?”

การคาดเดาเรื่องเป็นฉากๆ มองทะลุจิตใจอีกฝ่ายเรียบร้อย อาปาก้งได้แต่อึ้งสนิท ยิ้มแห้งๆ ปาดเหงื่อ พวกถานเจียงในห้องก็มองมาที่หวังทง ในใจรู้สึกเลื่อมใสอย่างที่สุด คิดกันว่าเรื่องราวเลอะเทอะเช่นนี้ นายท่านกลับสามารถอ่านขาดได้เช่นนี้

“แม้จะกล่าวกระจ่างแล้ว แต่ข้าก็ยังจะมอบให้เจ้าสามหมื่นตำลึง จากนั้นที่ริมทะเลก็จะให้หน้าร้านเจ้าหนึ่งแห่ง อนุญาตให้เจ้าทำการค้าได้”

ถูกหวังทงกล่าวความคิดในใจออกมาจดหมด อาปาก้งก็คิดว่าไร้หนทางไปต่อแล้ว คิดไม่ถึงว่ายังมีประโยชน์ใหญ่เช่นนี้ให้อีก จึงเงยหน้าขึ้นทันที จ้องมองหวังทงอย่างเสียมารยาท หวังทงยิ้มกล่าวต่อว่า

“แต่ร้านเจ้าที่จะเปิดที่เทียนจิน ตัวแทนของข้าต้องเป็นหุ้นส่วนห้าส่วน เจ้าไม่ต้องกังวล ห้าส่วนนี้ไม่ได้เอาฟรี จ่ายเป็นเงินสด”

หุ้นห้าส่วน คำว่า หุ้นส่วน แปลโดยจางอวี่เป่ย อาปาก้งไม่แน่ว่าจะฟังเข้าใจ แต่เมื่อแปลออกไป สีหน้าอาปาก้งก็แปรเปลี่ยน สุดท้ายก็ยิ้มกว้าง เทียนจิน ประเทศวัว เมืองเฉวียนโจว กวางเจา มาเก๊า และทะเลใต้ยังมีเมืองกัวในชมพูทวีป หากร้อยเป็นเส้นทางการค้าเดียวได้จะทำกำไรระเบิดเป็นแน่ หุ้นห้าส่วนนี้แลกมากับการได้รับการสนับสนุนจากใต้เท้าหนุ่มผู้นี้ นับว่าคุ้มค่า

นับประสาอันใดกับการที่ห้าส่วนนี้อีกฝ่ายจ่ายเป็นเงินและร้านค้า ไม่ใช่มาเอาเปล่าๆ อาปาก้งกำลังจะตอบรับ หวังทงกล่าวต่ออีกว่า

“สามหมื่นตำลึงให้เจ้าก่อนหนึ่งหมื่น ใบอนุญาตเปิดร้านวางไว้ที่นี่ก่อน เจ้าต้องเอาของมาแลก!”

“ต้องการขอใดแลกกัน!?”

อาปาก้งกล่าวอย่างร้อนใจ ในการเจรจาการค้า ถือที่สุดก็คือการถูกผู้อื่นถือไพ่เหนือกว่าจูงจมูกไป เช่นนั้นอำนาจการต่อร้องก็ย่อมสูญไป แต่อาปาก้งไม่อาจสนใจได้อีกแล้ว

“ช่างของเจ้า เครื่องมือต่อ ช่างตีอาวุธ ช่างที่สามารถต่อเรือได้ ขอเพียงสามารถสร้างสิ่งของที่แผ่นดินหมิงไม่มีได้ มีเทคนิคที่หมิงเราไม่มีได้ เทียนจินเราต้องการทั้งหมด ยังต้องการทหารชำนาญการ รู้จักการรบทางบกและทางทะเล……เจ้านำคนเหล่านี้มา ข้าทดสอบพวกเขาแล้ว ก็จะจ่ายเงินจ้างให้มากกว่าที่เคยได้หลายเท่า คนพวกนี้มายิ่งมาก เจ้าก็จะได้ร่วมกิจการในเทียนจินยิ่งมาก ข้าให้การคุ้มครองและสิทธิพิเศษเจ้ายิ่งมาก กำไรที่เจ้าได้ก็ย่อมยิ่งมาก”

พูดความต้องการของตนรวดเดียวจบ การแปลของจางอวี่เป่ยมีสะดุดบ้าง เพราะมีบางคำต้องการคิดก่อนจะประกอบคำออกมาได้ ยังดีที่อาปาก้งเข้าใจภาษาจีนดี จึงเข้าใจได้อย่างเต็มที่

แต่พอหวังทงกล่าวจบ อาปาก้งก็เงียบไปนาน ก่อนจะกล่าวเนิบนาบขึ้นว่า

“ใต้เท้า ข้าน้อยจากบ้านเกิดมาแดนตะวันออกก็เกือบ 15 ปีแล้ว เมืองกัวและแผ่นดินทะเลใต้ที่ล้าหลังนั้นไม่ต้องกล่าวถึง หากแผ่นดินหมิงนี้มีวิทยาการที่ก้าวหน้าที่แม้แต่บ้านเกิดข้าน้อยเองก็ยังตามไม่ทัน เหตุใดท่านจึงบีบบังคับว่าต้องการเทคนิคและช่างจากทางนั้นให้ได้ด้วยเล่า?”

หวังทงถอนหายใจกล่าวหนักแน่นว่า

“ของพวกนี้นานวันเข้าก็ยิ่งช้าลง ไม่ได้คิดใหม่ ก็จะปิดโรงสร้างเอาแต่รถเท่านั้น เช่นนี้ไปนานวันก็ย่อมสะดุดหยุดลง ต้องการสิ่งใหม่ๆ ต้องการของที่ไม่เหมือนเดิมเติมเข้ามา กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เช่นนี้จึงจะสามารถรักษาความกระตือรือร้นต่อไปได้ รักษาความก้าวหน้าต่อไปได้”

กล่าวจบ ทุกคนในห้องก็เงียบไปครู่หนึ่ง บางคนฟังพอเข้าใจ บางคนฟังไม่เข้าใจเลย แต่ก็ล้วนกำลังคิดถึงคำกล่าวของหวังทง อาปาก้งเงียบไปครู่หนึ่ง สีหน้าเหมือนมีรอยยิ้ม ก้มตัวลงคำนับกล่าวว่า

“เพื่อจะได้ร่วมมือกับใต้เท้า ข้าน้อยจะพยายามอย่างที่สุด หวังทงจะมีโอกาสและสิทธิพิเศษได้ร่วมการค้ากับใต้เท้าบนผืนแผ่นดินแห่งนี้ ใต้เท้าเมื่อครู่กล่าวถึงเงินซื้อเรือและเรื่องร่วมมือเปิดร้าน ข้าน้อยครั้งนี้นำเอกสารสัญญามาพร้อมแล้ว สามารถเซ็นเป็นหลักฐานตอนนี้ได้หรือไม่”

ช่างสมเป็นพ่อค้า หวังทงยิ้มกล่าวว่า

“เรื่องนี้คุยกันได้ รูปแบบสัญญาใช้แบบหมิงเรา ให้ทางการหมิงเรารับรอง เดี๋ยวจะมีคนนำมาให้เจ้าเอง”

***************

วันที่ 25 เดือนเก้า เรือกวางบินได้กลายเป็นสมบัติของหวังทงอย่างเป็นทางการ หัวหน้าเรือหูอันและบรรดาลูกเรือต่างก็เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับหวังทง พวกเขาในที่สุดก็ได้เงินค่าตอบแทนสองเท่าอย่างที่ควรได้ ขณะเดียวกันก็ยังมีเงินเดือนอีกส่วนให้เพื่อให้พวกเขาสอนคนอื่นๆ

มีคนกว่าร้อยกำลังเรียนรู้จากเรือกวางบิน หวังทงรับปากไว้ว่า คนพวกนี้ยิ่งรู้งานเร็ว ก็จะมีเงินรางวัลนอกเหนือจากนี้มอบให้อีก และการเรียนต่อไปในวันหน้าก็ไม่อาจหยุดได้

พวกหูอันยินดีอย่างที่สุด เรือกวางบินอย่างมากก็เดินทางจากแม่น้ำทะเลไปยังทะเลด้านนอกรอบหนึ่ง จากนั้นก็กลับมา ไม่ต้องทนลำบากตรากตรำกลางทะเล ยังได้เงินเดือนสูง ทุกวันจะได้เสพสุขที่เทียนจินแสนรุ่งเรือง นี่เป็นชีวิตที่ไม่เคยคิดวาดหวังไว้มาก่อน

วันที่ 2 เดือนสิบ พวกหูอันได้หยุดพักที่ยากจะได้มา พวกเขายังรู้ว่าหลังจากเซ็นสัญญาจะได้เงินก้อนโต ก็ยิ่งดีใจพากันออกไปเดินเล่นในตลาดกันใหญ่

ตอนเช้า หวังทงนำช่างต่อเรือห้าคนจากซานคงไปริมทะเล เทียนจินมีท่าเรือทะเล แต่เพราะเป็นพื้นที่รกร้างมานาน ตอนนี้กำลังยุ่งกับการก่อสร้างทั้งวัน ว่าจะปรับปรุงอย่างไร รอให้สร้างเสร็จ เรือก็จะจอดกันที่ท่าเรือได้ การค้าทางแม่น้ำและทะเลก็ย่อมยิ่งรุ่งเรืองมากขึ้นไปอีก

เรือกวางบินเทียบท่าอยู่ มีไม้พาดขึ้นเรือจากท่าเรือง่ายๆ ทังซานที่รับหน้าที่ดูแลความปลอดภัยอยู่ที่แม่น้ำทะเลก็กำลังรออยู่ ตอนนี้ทังซานเป็นคนดังในเทียนจินแล้ว พ่อค้า เจ้าของเรือตลอดจนลูกเรือทุกคน มีผู้ใดบ้างไม่เกรงใจทังซาน

หากทังซานไม่ยอมให้เรือผู้ใดขนถ่ายสินค้า หรือตรวจเข้ม เช่นนั้นย่อมไม่ต้องทำการค้ากันแล้ว แต่วันนี้ทังซานทำตัวสุภาพนอบน้อมเสียยิ่งกว่าบรรดาพ่อค้าปฏิบัติต่อเขาเสียอีก เพราะเจ้านายผู้บังคับบัญชามา ใต้เท้าหวังทงมา!

“นายช่างทุกท่าน นี่ก็คือเรือต่างชาติลำดังกล่าว”

หวังทางผายมือแนะนำ คนทั้งห้าด้านหลังเขามองไปที่เรือพลางพยักหน้าเล็กน้อย

**************

นายช่างหลายคนที่อู๋ต้าหามาที่เทียนจินได้พักผ่อนไปหนึ่งวัน ก็ถูกหวังทงเรียกหาให้มาชมเรือกวางบินด้วยกัน

ช่างทั้งห้าคนแต่งกายต่างจากช่างคนอื่นที่ดูยากจน แม้ว่าผิวกายจะดำคล้ำแดดทะเล แต่ก็สวมชุดมีสีสันสวยงาม ได้ยินทังซานกล่าวว่า นายช่างเรือต่อเรือขึ้นมาได้ย่อมร่ำรวยมหาศาล แม้แต่โจรทะเลยังต้องให้ความเกรงใจ การต่อเรือไม่ถึงครึ่งปี ก็ได้ค่าตอบแทนราวทำนา 10 ปี ย่อมร่ำรวย

อู๋ต้าเชิญพวกเขามาที่นี่ และยังรับปากผลประโยชน์หลายอย่าง ข้างกายอู๋ต้าย่อมมีคนของหวังทงตามประกบ ก็ย่อมให้การรับรองได้ บรรดาช่างอยู่ริมทะเลกันมานาน พอได้ยินว่าเทียนจินรุ่งเรือง ก็อยากจะมาดูกัน

พอมาถึง หวังทงใจกว้างไม่น้อย พบหน้ากันมอบให้คนละ 10 ตำลึงก่อน จากนั้นยังให้อยู่ที่โรงเตี๊ยมเงินไหลมา มีอาหารรสเลิศรับรองต้อนรับ ทุกอย่างดูแลอย่างดี บรรดาช่างต่างรู้สึกคุ้มค่าที่ได้มาในครั้งนี้

ถูกเชิญมาชมเรือต่างชาติเร็วเช่นนี้ บรรดาช่างก็พอคาดการณ์ได้บางส่วนแล้ว รู้ว่าใต้เท้าหวังต้องการทดสอบความสามารถแล้ว

“……เรือต่างพวกนี้ใช้กระดูกมังกร[1] น้ำหนักมาก ต่างจากเรือฮกเกี้ยนเรา หากคล้ายเรือกวางตุ้งอยู่บ้าง……”

“……ข้อดีอยู่ที่ใบเรือและเชือกโยง แล้วก็บนดาดฟ้าเรือนี้แม้ว่ายุ่งยาก แต่ขอเพียงไม่ต้านลม ย่อมบังคับง่าย……”

ช่างต่างแย่งกันพูดกันคนละคำสองคำ สุดท้ายเป็นช่างใหญ่ที่หันมากล่าวว่า

“นายท่าน ต่อเรือนี่มีความลำบากอยู่เรื่องหนึ่ง!”

———————-

[1] หมายถึงแกนค้ำโครงสร้างหลักของสิ่งก่อสร้าง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!