Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 510

ตอนที่ 510 มีอันตราย ไม่ตั้งรับ ตั้งค่ายจู่โจม

“ใต้เท้า อีกครึ่งชั่วยามก็จะมาถึงหน้าทัพเราแล้ว!!”

เสียงทหารบนหอสังเกตการณ์ตะโกนดังลงมา บรรดาพวกคนงานในค่ายเริ่มลนลานกันบ้างแล้ว หัวหน้าคนงานต้องคอยดุด่าให้เงียบกันอย่างเต็มกำลัง

ที่เรียกกันว่ามองเขาไม่ไกลแต่ม้าวิ่งสิ้นชีพ บนทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ สามารถเห็นได้กว้างไกลสุดสายตา แต่เห็นได้กับไปถึงนั้นต่างกันมาก แม้ว่าเห็นทัพมองโกล แต่ระยะห่างก็ยังอีกไกล

หวังทงอยู่บนหลังคารถมองไปด้านหน้าและด้านหลัง ชี้ไปด้านหน้ากล่าวว่า

“เดินไปทางด้านหน้าบนพื้นที่กว้างนั้นตั้งค่าย!”

“ใต้เท้า ตั้งค่ายกันแต่วันเช่นนี้……”

“ทางนั้นเป็นที่ราบ รอบๆ เป็นเนินดิน ทหารเราตั้งค่ายที่นั่น ศัตรูย่อมต้องข้ามเนินมา เป็นชัยภูมิที่ได้เปรียบอยู่!”

การเคลื่อนไหวยามนี้ไม่อาจนิ่งสงบต่อไป ทุกคนตะโกนกันอย่างเร่งรีบ บรรดาทหารเดินทัพกันมาไม่นาน ไม่ได้เหน็ดเหนื่อยอันใด หลายวันนี้ใช้เสบียงไปไม่น้อย รถใหญ่ก็เริ่มว่าง สามารถเร่งความเร็วได้ ความเร็วทัพรถใหญ่เร่งเดินหน้าไปไม่น้อย รู้สึกถึงความโกลาหลเล็กน้อย

ไปถึงที่นั่นอย่างรวดเร็ว หวังทงหันมากล่าวกับถานเจียงว่า

“เจ้านำทหารข้ากับของนายกองไช่ไปจับตามดูการตั้งค่ายไว้ คนงานหากไม่อยู่ในความสงบ ประหารทันที!”

ถานเจียงรับคำสั่งออกไป รีบนำคนออกไปปฏิบัติการ หวังทงกระตุกบังเหียนหันไปสั่งการกับทหารข้างๆ ว่า

“ถ่ายทอดคำสั่งลงไป หน่วย 1และ 2 สวมเกราะออกตั้งรับนอกค่ายรถ!”

ทหารด้านหลังรับคำสั่งเสียงดัง ควบม้าออกไปทันที บรรดาทหารเริ่มเรียงแถวอยู่สองข้างค่ายรถศึก บรรดาคนรถก็ทำตามที่ได้ฝึกกันไว้ นำรถหันหน้าเข้า บรรดาคนงานก็นำแผ่นไม้ไปปิดไว้จากด้านใน แขวนไว้ระหว่างรถสองคัน ยังมีคนลากสัตว์ลากรถเข้าไปอยู่ในค่ายรถ

มีรถใหญ่สิบกว่าคันไม่ได้หยุดเคลื่อน กลับตะโกนสั่งให้ลากไปอยู่หน้าขบวนทหารตั้งรับด้านหน้า ทางนั้นมีทหารแต่ละค่ายรวมตัวกันเป็นแนวรับทัพใหญ่ รถม้าไปถึงระหว่างกองขบวนทหาร สองข้างก็แหวกทางออก ทหารแถวนอกก็ได้รับเสื้อเกราะไปคนละชุด

ทหารสองแถวที่อยู่ด้านนอกสุด กับบรรดานายกองร้อยและนายกองธงเล็กก็ล้วนมีชุดเกราะ พวกเขาหยิบเกราะเข้าไปในค่ายรถให้บรรดาคนงานช่วยกันสวม ก่อนจะสวมหมวกเกราะ

จัดส่งชุดเกราะเสร็จก็กลับเข้าในค่ายรถ จากนั้นก็เริ่มตั้งค่าย มีคนเคลื่อนย้ายปืนใหญ่ขนาดต่างๆ ลงจากรถใหญ่ จำนวนปืนเสือหมอบมากที่สุด ปืนนี้แม้ว่ามีระยะยิงเพียงแค่ 30 ก้าว แต่ใช้การได้ดี สามารถโจมตีศัตรูที่เข้าโจมตีให้บาดเจ็บได้เช่นกัน

ระยะห่างระหว่างรถแต่ละช่วง ก็มีปืนใหญ่ขนาดกระสุนหนึ่งชั่งและชั่งครึ่ง รถใหญ่มากมายเช่นนี้สามารถบรรทุกเสบียงได้หกวัน รถใหญ่หลายคันเหล่านี้ใช้เพื่อบรรทุกปืนใหญ่และชุดเกราะพร้อมทันบรรดากระสุนดินปืนของกองกำลังหู่เวย

ค่ายรถต่อกันเสร็จ ก็เตรียมการป้องกันด้านในด้วยปืนใหญ่และการป้องกันอื่นๆ บรรดาคนงานถืออาวุธก็สามารถรับมือได้ชั่วขณะหนึ่ง พวกมองโกลด้านหน้าไม่มีเครื่องมือโจมตี จะเรียกว่าแน่นหนาราวกำแพงทองคำก็ไม่ปาน

แต่ทว่า หน่วย 1 และ 2 ของกองกำลังหู่เวยตั้งแถวรบอยู่ด้านนอก ระดับหัวหน้ายังดี แต่ทหารไม่น้อยล้วนมีสีหน้าหวาดหวั่น

“กลัวมารดามันสิ มองโกลพวกนี้ก็แค่โจรสลัดขี่ม้าได้เท่านั้น ย่อมเป็นเศษสวะเช่นกัน!”

หลี่หู่โถวตะโกนสร้างขวัญให้ทหารตน เสียงรับกลับไปมาก หวังทงขี่ม้าไปดูปากทางเข้าค่ายรถ ทางตะวันตกมีเสียงราวฟ้าคำรามดังขึ้นเรื่อยๆ ม้าของเขาเริ่มไม่นิ่ง หวังทงเอื้อมมือไปลูบม้า ให้มันนิ่งลง ก่อนจะค่อยๆ ขยับเชือกเบาๆ ให้ม้าเดินข้ามทัพด้านหน้าออกไป

ม้าเริ่มไม่นิ่ง พอถูกเจ้านายสั่งให้เดิน ก็คิดจะวิ่งให้เร็ว กลับถูกหวังทงกระตกบังเหียนไว้ จึงได้แต่ค่อยๆ เหยาะๆ ออกไปด้านหน้า

ทหารหน่วย 1และ 2 เดิมก็รู้สึกไม่นิ่งกันอยู่ พอได้ยินเสียงคำรามดังมา พื้นดินเหมือนจะสั่นสะเทือน ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนศัตรูใหญ่ใกล้มาถึงแล้ว

แต่เห็นหวังทงบังคับม้าไปข้างหน้าทีละก้าวอย่างสงบนิ่ง เห็นหัวหน้านายกองตนก็นิ่ง ทุกคนในใจก็รู้สึกนิ่งลงมาก

ด้านหน้าของสองหน่วยนี้ มีทหารปืนไฟหลายร้อยกำลังตรวจสอบบรรจุดินปืน บรรดานายทหารสั่งการให้ทำความสะอาดกระบอกปืนและบรรจุดินปืน พวกฮั่นซือเองก็มีสองคนได้เป็นนายกองธงเล็กกองปืนไฟ หัวหน้าสั่งการจบ สองคนก็วิ่งเหยาะๆ ไปตรวจสอบปืนทุกคนรอบหนึ่ง

พอตรวจสอบเสร็จ มีปัญหาตามคาด มีทหาร 10 กว่านายตื่นเต้นเกินไป ตอนบรรจุดินปืนลืมดึงเชือกจุดไว้กับกระสุน หากจุดไฟ ก็ไม่ทำให้บาดเจ็บ ก็แค่ทำให้ยิงเชือกออกไปไร้กระสุน ไม่อาจนำกระสุนออกไป ก็เท่ากับเสียเปล่า

เสียงฝีเท้าม้าด้านหลังดังมา ถานเจียงนำกำลังตามมา ด้านหลังค่ายรถปิดลงอย่างเร็ว หวังทงมองไปด้านหน้ากล่าวขึ้นเบาๆ ว่า

“คนนายกองไช่มีเท่าไร? หากเกิดเหตุอันใดขึ้น อย่าปล่อยให้คนงานพวกนั้นระเบิดค่ายเราพัง”

“ขอนายท่านโปรดวางใจ ทหารนายท่านมอบไว้ที่นายกองไช่ 30 นาย ในคนงานนั้นก็มีคนของเราด้วย พอจะบังคับสถานการณ์ให้นิ่งได้”

หวังทงพยักหน้า ดึงบังเหียนนำทุกคนวิ่งไปด้านหน้า ยามนี้ขบวนสองแถวรูปสี่เหลี่ยมได้จัดเสร็จแล้ว แต่ละจุดเตรียมการพร้อมแล้ว หวังทงยกมือขึ้น เสียงกลองก็เริ่มรัวดัง ทหารก็เริ่มนิ่งเป็นทิวแถว มองมาที่หวังทง

หวังทงยกมือลง เสียงกลองหยุดลง หวังทงยืนบนโกรนม้า ก่อนจะก้าวอีกขาขึ้นไปยืนบนหลังม้า ตะโกนดังว่า

“วันนี้ไม่มีอันใดมาก ก็แค่สังหารเท่านั้น ข้าจะร่วมรบกับพวกเจ้า พวกเราสังหารศัตรูไปด้วยกัน!!”

กล่าวจบก็กระตุกบังเหียน หวังทงกับทหารติดตามวิ่งไปด้านขวาของขบวนค่ายตั้งรับด้วยกัน หลี่หู่โถวอยู่ด้านหน้า ยกทวนยาวในมือขึ้นตะโกนดังว่า

“สังหารศัตรูให้สิ้น!!”

ทหารหน่วย 2 ตะโกนดังขึ้นก่อน หน่วย 1 ก็ตะโกนดังตามมา พร้อมเพรียงกันว่า สังหาร!! สังหาร!!! ชั่วพริบตาขวัญกำลังใจก็เต็มเปี่ยม หน่วย 1 อยู่ซ้าย หน่วย 2 อยู่ขวา ระยะห่างราว 200 ก้าว หวังทงอยู่ห่างจากหน่วย 2 ราว 100 ก้าว ข้างกายเขานั้นเป็นทัพปืนใหญ่

ครั้งนี้ไม่ใช่ปืนกระสุนหนึ่งชั่งหรือชั่งครึ่ง แต่เป็นปืนกระสุน 3 ชั่งและ 5 ชั่ง ใหญ่ขนาดนั้น และยังเป็นปืนใหญ่ที่ไว้รบบนท้องทุ่ง ปืนใหญ่เช่นนี้ต้องใช้ท้าสองถึงสี่ตัวลาก ตั้งอยู่กลางขบวนทัพ ก็เพื่อปิดบังไม่ให้เห็น ไม่ให้บรรดาสายสืบศัตรูมองเห็น ยังให้ช่างทำรถใหญ่คลุมด้านนอกเอาไว้ หากไม่โผล่เข้าไปมองด้านใน ก็ย่อมเหมือนว่าเป็นรถใหญ่ทั่วไป

ปืนใหญ่ระดับทำไม่ง่ายนัก โรงช่างเพิ่งจะก่อตั้ง ก็ย่อมต้องการเวลา หวังทงครั้งนี้นำปืนเช่นนี้มา 9 กระบอก เป็นระดับกระสุน 3 ชั่ง 6 กระบอก และ 5 ชั่งอีก 3 กระบอก

พลปืนใหญ่กับคนงานราว 300 ล้วนกำลังสาละวนเตรียมการ มีแท่นปืนใหญ่ คนงานก็ประหยัดแรงงานไปไม่น้อย แต่เรื่องที่ต้องทำก็ยังมีอีกไม่น้อย ต้องขุดดินไว้เตรียมดับไฟ ยังต้องจุดกระถางไฟเตรียมไว้ ปืนใหญ่แต่ละกระบอกอาจใช้ไฟจากจุดเดียวได้

อากาศหนาวเหน็บเช่นนี้ มู่เอินไม่ได้สวมชุดบุนวมหนา กำลังตะโกนสั่งเสียงดังพร้อมกับทำงานไปด้วย หวังทงบังคับม้ามาหยุดอยู่อมยิ้มหันไปมอง ก่อนจะควบมาด้านหน้า

ไม่ได้แตกต่างจากที่คิดไว้ พวกมองโกลถึงกับเข้าโจมตีใหญ่ในวันเดินทางกลับวันสุดท้ายนี้ ชัยภูมินี้ไม่อาจกล่าวได้ว่าได้เปรียบนัก สองหน่วยกองกำลังหู่เวยกับค่ายรถด้านหลังแม้ว่าอยู่บนที่ราบกว้าง แต่รอบนอกก็คือทางด้านซ้ายของหน่วย 1 เป็นเนินดิน ด้านขวาทางหน่วย 2 ก็มีอีก หากไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นที่กำบัง มองภาพรวมแล้วก็น่าจะนำม้าวิ่งบนทุ่งราบได้สบาย เหมาะแก่การเข้าโจมตีแบบการรบของพวกมองโกล

หวังทงมายุ่งอยู่ทางนี้ พวกมองโกลทางตะวันตกก็มิได้หยุดพักควบม้าตามมา เห็นทัพหมิงตรงหน้า พวกมองโกลที่วิ่งกันอยู่ด้านหน้าสุด 10 กว่าคนก็ยกธงแดงขึ้นโบก ไม่นานก็มีเสียงเขาสัญญาณเป่าดังเป็นจังหวะ มองพวกมองโกลเต็มพื้นที่ด้านหน้ายกธงนำทาง ทุกคนตั้งแถว ค่อยๆ ควบม้าช้าลง เดินขึ้นหน้า

ตามมาระยะทางไกล แม้ว่าเป็นม้าสองต่อหนึ่งคนหรือมากกว่านั้น ก็ต้องทะนุถนอมกำลังม้าไว้ ไม่อาจปล่อยให้เสียกำลังมากเกินไป ผ่อนม้าให้ช้าลง ก็สะดวกกับการกำหนดตำแหน่ง ตามกองทัพธงที่โบกสะบัดอยู่ด้านหน้าไป

รอจนระยะห่างจากกองกำลังหู่เวยราว 300 ก้าว พวกทัพม้ามองโกลก็ขึ้นเรียงแถวหน้ากระดานพร้อม แยกเป็น 10 ทัพ ดูแล้วหนาแน่นไม่น้อย

มองทัพมองโกลไกลๆ ก็จะเห็นตรงกลางทัพธงมากมาย พอตั้งทัพเสร็จมองไปก็เห็นม้าดีหลายตัว คนบนนั้นในชุดเกราะมองมา พวกคนเหล่านี้น่าจะเป็นผู้นำกำลังของพวกมองโกล

************

“ชุดเกราะเยอะเพียงนี้ มิน่าล่ะนอกเมืองเซวียนฝู่นั่นเราจึงได้เสียเปรียบ ทหารหมิงเช่นนี้ข้าเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก!”

พอเห็นกองทัพกองกำลังหู่เวยตั้งขบวนทัพรับ แม่ทัพน่าจี๋เท่อก็สบถเสียงเย็น แม้ว่ากองกำลังหู่เวยจะให้ทหารด้านนอกและหัวหน้ากองด้านนอกสวมชุดเท่านั้น แต่มองจากที่ไกลๆ ก็เหมือนว่าทั้งกองทัพล้วนมีเกราะชั้นดี ยามนี้แสงอาทิตย์สาดส่องกระทบชุดเกราะ ส่องประกายแวววาว

ขุนพลและพวกชนชั้นสูงมองโกลที่ตามออกมาด้วนเห็นแล้วก็นิ่งมองตาค้าง แต่องค์ชายเถิงจูเอ่อเผ่าเคอเอ่อชิ่นกลับส่งเสียงหัวเราะดังลั่น ยกแส้ม้าในมือชี้ไปทางนั้นกล่าวว่า

“สุนัขหมิงหากเก็บตัวอยู่ในค่ายรถ พวกเราอาจจะโจมตียาก ถึงกับลืมตัวออกมารบด้านนอกนี่ ใช่ว่าออกมามอบของให้พวกเราหรอกหรือนี่?”

ทุกคนที่ดูการตั้งขบวนรับศึกพากันหัวเราะเสียงดัง ชายสูงวัยเมื่อวานรับคำว่า

“ถึงตอนนั้นเราก็แย่งเกราะและรถมาให้หมด เคอเอ่อชิ่นเราก็จะเป็นเผ่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนทุ่งหญ้านี้แล้ว ใต้เท้าน่าจี๋เท่อก็จะเป็นท่านข่านที่มีชื่อเสียงสืบทอดต่อไปยังอนุชนรุ่นหลัง……”

วาจานี้กล่าวจบ น่าจี๋เท่อก็เผยรอยยิ้มกว้าง ทหารหมิงช่างไร้เดียงสา ไม่เอาของดีพวกนี้มาครอง ก็ช่างโง่เกินไปแล้ว

ในยามนั้นเอง เสียง ‘ตูม’ ดังสนั่น เสียงหวีดหวิวดังมา……

************

“อย่าปล่อยให้พวกมองโกลตั้งแถวรับง่ายๆ ! เอาพวกมันมาทดลองปืนใหญ่!!”

หวังทงยิ้มออกคำสั่งเยียบเย็น มู่เอินรับคำสั่ง ปืนกระสุน 5 ชั่งเริ่มหันไปยังเป้าหมาย จุดไฟยิงทันที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!