ตอนที่ 517 ชัยชนะใหญ่ ชัยชนะใหญ่ ชัยชนะใหญ่
ล้อมบุกเข้าไปไม่หยุด พวกมองโกลก็เริ่มสู้ยิบตา ไม่สนใจอะไรเอาแต่บุก แต่ให้ถอยเช่นนี้ ก็สลายตัวรวดเร็วเช่นกัน
คนรอบนอกเห็นทหารสองกองทัพจากที่ไกลๆ จากสองเส้นทาง ยามนี้ในใจก็เริ่มคิดถึงผลลัพธ์ได้แล้ว ทหารมิงกองนี้ไม่อาจตกอยู่ใต้กำมือตนแล้ว
รีบหนี หากถูกล้อม เช่นนี้หัวนี้ก็คงเป็นหลักฐานแห่งรางวัลของพวกทหารหมิง ทุกคนกระตุกม้าหันวิ่งออกไปทันที
พวกที่ล้อมกดดันรถศึก พวกที่ล้อมกดดันทหารสองหน่วย พวกที่บุกเข้ามาในช่องตรงกลาง จุดประสงค์ต่างกัน การจัดทัพก็ต่างกัน ยามเคลื่อนที่ก็ต่างกัน พอถอยทัพ ก็พากันหันหัวกลับ ทหารเผ่าเคอเอ่อชิ่นกับเผ่าฟู่หย่งก็เริ่มหนีกระจาย น่าจี๋เท่อนำกองกำลังทหารตนเข้ามารวบรวมกำลังก่อนจะถอย
การปะทะกันเดิมก็ไม่ใช่ทหารกองเดียวกัน ยามรบอาจจะร่วมเคียงบ่าได้ แต่ยามมีภัย ก็ล้วนแต่หาทางเอาชีวิตรอดอย่างเดียว ไม่อาจสนใจผู้ใดได้อีก
หากเบื้องหน้ามีผู้ใดขวางทางก็ล้วนถูกดาบฟันทิ้ง สองฝ่ายเริ่มสังหารกันเอง วงในถูกวงนอกสังหาร วงนอกถูกวงนอกว่าสังหาร
ต่างฝ่ายต่างเบียดกัน สังหารกันเองก็เพื่อแย่งกันเอาชีวิตรอด พวกเขาไม่ทันสังเกตว่า ปืนใหญ่กองกำลังหู่เวยพร้อมยิงอีกระลอกแล้ว พวกพลปืนใหญ่ใช้ผ้าแห้งกวาดเอาหิมะขึ้นมาเช็ดกระบอกปืน ปืนย่อมเย็นอย่างรวดเร็วก็จะสามารถยิงต่อไป แต่กระสุนปืนใหญ่เหลืออีกไม่มาก ทุกคนก็คงได้ยิงอีกสองสามที
เสียงโกลาหลดังไม่นาน เสียงปืนใหญ่ก็ดังกลบ ทหารมองโกลวงในแหลกเป็นชิ้นล้มลง กลับเปิดทำให้โล่งขึ้น ความโกลาหลยังคงต่อเนื่องไม่หยุด ทหารปืนใหญ่กำลังบรรจุกระสุนต่อ เตรียมยิงรอบสอง มีทหารม้าทะยานมาอย่างเร็ซ ตะโกนดังว่า
“หยุดยิงก่อน!!ๆ ๆ”
พลปืนใหญ่ทุกคนรู้สึกแปลกใจ ได้ยินวาจานี้ก็หันไปมองด้วยสายตากรุ่นโกรธ ทหารที่นำคำสั่งมาอดไม่ได้ต้องอธิบายว่า
“หอสังเกตการณ์ส่งข่าวลงมา ทหารม้าเราจะนำกำลังบุกเข้ามาแล้ว!”
************
กองทัพม้ามองโกลแตกกระจายไปคนละทิศคนละทาง ทำให้พวกเขาไม่ทันได้สังเกตว่ากองกำลังของหม่าซานเปียวที่สวมเกราะพร้อมกำลังประชิดใกล้ แม่ทัพเจ้าแห่งกองกำลังมี่อวิ๋นก็ทำตามที่ตกลงกันไว้ที่ให้กระจายตัวหนีไปก่อนนั้นตอนนี้ก็กำลังเตรียมนำคนกลับค่าย พอเห็นว่าพวกมองโกลแตกพ่ายเช่นนี้ และเห็นว่าทำงเหนือมีทหารมาอีกสองทัพ ก็รู้ว่าโอกาสเก็บเกี่ยวมาถึงแล้ว
เขาจึงนำกำลังทหารตนเองเข้าไปติดตามหลังหม่าซานเปียว ทหารที่โลภในเงินทองที่ตามมาด้วยก็มิได้โง่ จึงตามมาด้านหลังด้วยเช่นกัน
ทหารม้าติดเกราะบนสนามรบหากวิ่งระยะทางยาวเป็นการสิ้นเปลืองแรงม้าอย่างมาก ต้องบุกในระยะที่กำหนดเท่านั้นจึงเป็นยุทธวิธีที่ถูกต้อง หม่าซานเปียวนำกำลังเข้าประชิดอย่างระมัดระวัง หากศัตรูหันมาสู้ เช่นนั้นก็จะได้ปะทะกันให้สะใจ หากศัตรูไม่หันมาสู้ เช่นนั้นก็ทำตามที่ตกลงกันก่อนหน้า บุกเข้าปะทะทัพใหญ่ศัตรู
ไม่มีผู้ใดสนใจพวกเขา รีบพากันถอยหนีอย่างเร่งรีบ แม้ว่าจะเห็นก็ไม่อาจสนใจ หม่าซานเปียวนำกำลังพลม้าเข้าประชิดทัพใหญ่มองโกลที่เริ่มกระจัดกระจายห่างราวร้อยกว่าก้าว
ทัพม้ามาอย่างเป็นระเบียบ จากแนวขวางแถวละ 25 นายเปลี่ยนเป็นแถวตรงละ 10 นาย สองปีกด้านหลังแถวตรงเป็นทหารม้ากองกำลังมี่อวิ๋น ล้วนจัดระเบียบได้ดี พลปืนใหญ่และพลปืนไฟเงียบลง
พลม้าเคลื่อนกำลัง ค่อยๆ เข้าไปอย่างเป็นระเบียบ จากนั้นก็เข้าบุก ไม่มีสิ่งใดกีดขวาง ทหารม้าสี่ร้อยและทหารม้าที่กระจัดกระจายตามมาด้านหลัง ก็เข้าจู่โจมพวกมองโกลที่เริ่มโกลาหลกันเช่นนี้
ทหารมองโกลที่สวมเกราะหนังไม่ก็เกราะขดลวด ไม่อาจต้านทานทหารม้าในชุดเกราะเหล็กได้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าพวกเขาปล่อยทัพด้านข้างและด้านหลังหนีไปหมดแล้ว
ทหารม้าเกราะเหล็กบุกเข้าใส่ ราวกับดาบร้อนกระแทกใส่กองน้ำมันร้อน บริเวณทหารม้าบุกเข้าไปเปิดเป็นช่องทางกว้าง ซากศพเกลื่อนเต็มไปทั่วบริเวณ ด้านหน้าเข้าบดขยี้ ด้านหลังที่ตามมาก็เข้าฟาดฟันสังหารอย่างไม่ต้องกังวล
************
หากอย่างไรก็เป็นทุ่งหญ้ากว้าง สนามรบกว้างใหญ่ พวกมองโกลหากคิดหนีก็สามารถหลบการไล่ล่าของกองกำลังหู่เวยได้ ทัพใหญ่เช่นนี้อย่างไรก็ต้องโกลาหลวุ่นวาย แต่กลับวิ่งไปตอนเหนือกันอย่างไม่ได้นัดหมาย เพราะว่าตั้งฐานกันอยู่ที่นั่น ยังมีคนตะโกนเรียกอีก ทุกคนในภาวะลนลานหวาดกลัวเช่นนี้ก็ย่อมปฏิบัติตาม
น่าจี๋เท่อกับทหารของเขารวมกำลังได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็มีไม่น้อยที่ถูกทัพม้าเกราะเหล็กตัดตอนไป ไม่อาจให้ความสนใจคนเหล่านี้ได้แล้ว
น่าจี๋เท่อทางนี้รวบรวมคนได้ เคอเอ่อชิ่นทางนั้นก็รวบรวมคนได้ สองฝ่ายแยกจากกันแล้ว เดิมก็ไม่ได้ควมตัวกันแน่นหนาสักเท่าไร ตอนนี้แตกกันแล้ว ทุกคนต่างไม่อาจไว้ใจมารวมตัวกันได้อีกแล้ว
ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ แม้ว่าตะวันตกเฉียงเหนือจะมีทัพม้าและตะวันออกเฉียงเหนือจะมีค่ายรถศึกที่ค่อยๆ ปิดทางถอยไว้แล้ว แต่ก็ยังมีทางหนีได้ ยังมีช่องโหว่ แต่ทหารม้ากลุ่มนั้นมาถึงระยะที่เร่งความเร็วได้แล้ว และความเร็วก็เริ่มเร่งเร็วเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะไปอย่างไร ระยะห่างยามนี้ ทหารหมิงก็ไม่อาจเข้าประชิดได้ แม้ว่าถูกพวกเขาไล่ล่า มีเพียงแค่เข้าปะทะศึกตรงๆ จึงจะมีโอกาสรอดได้ อาจเสียหายแต่ไม่สูญเสียสิ้น
ทุกคนล้วนผ่านสมรภูมิรบมานาน ล้วนเข้าใจหลักการนี้นี้ ไม่ว่าจะเผ่าอันต๋าภายใต้การนำทัพของน่าจี๋เท่อหรือทัพจากเคอเอ่อชิ่น ต่างก็ต้องเข้าปะทะศึก
ม้าตัวใหญ่โต ทหารในชุดเกราะ ระยะห่างใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ก็ยิ่งเห็นชัด พวกเขาสามารถมองเห็นธงใหญ่โบกสะบัดในกองทัพ แม้ส่วนใหญ่ไม่รู้จักอักษรจีน แต่อักษรบนธงนั้นพวกเขาคุ้นเคยยิ่ง กองทัพหมิงและอาวุธพวกนี้ พวกเคอเอ่อชิ่นล้วนรู้จักเป็นอย่างดี
“ทหารม้าหลี่เฉิงเหลียง ทหารม้าตระกูลหลี่มา!!!”
มีคนถึงกับทนไม่ไหวตะโกนดังขึ้นด้วยความหวาดกลัว เคอเอ่อชิ่นบนทุ่งหญ้าอยู่ใกล้กับเหลียวโจว ย่อมรู้ถึงความร้ายกาจของแม่ทัพใหญ่แห่งเหลียวโจว หลี่เฉิงเหลียง คนของหลี่เฉิงเหลียงนับหมื่น ล้วนชำนาญขี่ม้ายิงธนู ทหารและอาวุธล้วนระดับยอดเยี่ยมที่สุด ออกรบพันกว่าคนก็มักจะกำราบทหารม้าที่มากกว่าพวกเขาหลายเท่าได้ คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอกันที่นี่
หลายคนในใจล้วนหวาดกลัว แต่ก็ต้องปะทะศึกอย่างเลี่ยงไม่ได้ด้วยท่าทางราวกับกองกำลังที่ผุกร่อนพร้อมแตกสลาย กองกำลังเบื้องหน้านี้ ผู้ใดขวางทางย่อมแหลกสลาย
กองกำลังของหลี่เฉิงเหลียง เทียบกับทหารมองโกลบนทุ่งหญ้า ฝีมือขี่ท้าเทียบกันคนต่อคนแล้วไม่แพ้กันแม้แต่น้อย แต่การรบในสนามนั้นได้เปรียบกว่ามาก นับประสาอันใดกับการมาด้วยกำลังฮึกเหิมปะทะพวกเขาที่เริ่มอ่อนล้า การปะทะศึกเบื้องหน้า สองข้างสยายปีกตาม ก็ราวกับห่อพวกมองโกลไว้ตรงกลาง
เสียงร้องอย่างตกใจดังขึ้นเกือบจะในเวลาเดียวกันกับที่หัวหน้าทัพมองโกลตะโกนดังว่า
“หนี! หนี! หนี!”
มีหลายคนถูกดาบฟันร่วงบนหลังม้า มีหลายคนถูกหอกยาวแทงเข้าใส่ แต่พวกมองโกลเดิมที่มีกำลังมากกว่าทหารหมิงกลุ่มนี้ไม่น้อย บาดเจ็บล้มตายไปมาก แต่ก็ยังบุกเข้ามา ทหารหมิงกลุ่มนี้ด้านหน้าหลังยังมีช่องเว้นว่างอยู่ เห็นชัดว่าการแต่งกายของทหารสองกองและม้าต่างกัน ทหารกลุ่มนี้ ไม่ใช่ทหารหลี่เฉิงเหลียงทั้งหมด
หลังจากเข้ารบพุ่งชนกับทหารหมิงกลุ่มนี้แล้ว มีส่วนหนึ่งฝ่าออกไปได้ก็รีบวิ่งไปตอนเหนือทันที ไม่สนใจที่จะหันกลับมาไล่ล่าทหารหมิงอีก ไม่สนใจเพื่อนร่วมทัพที่ร่วงจากหลังม้าส่งเสียงร้องโหยหวนด้านหลังไม่หยุด
ด้านหน้าเป็นค่ายรถ ทหารไม่มาก หากวิ่งขึ้นเหนือไป ทหารหมิงไม่กล้าตามขึ้นไปทางเหนือมากเกินไป ทางนั้นไม่ได้เตรียมพร้อมไว้ อาจจะต้องหนาวและอดตายบนทุ่งหญ้าในฤดูหนาวที่รกร้าง หากตอนนี้ไม่ต้องคิดให้มากแล้ว วิ่งได้ก็วิ่งหนีไปก่อนก็แล้วกัน
บริเวณนี้เป็นเนินดิน ยังมีสายธารเล็กอยู่บ้าง ทหารมองโกลวิ่งไปอยู่ๆ ก็เห็นว่าเบื้องหน้ามีทหารกองทัพใหญ่กำลังตั้งค่ายรอรบอยู่พอดี
สามารถขี่ม้าอยางเร็วผ่านมาได้มีเพียงเท่านั้น ที่เหลือถูกขัดขวางไว้ด้วยวิธีการต่างๆ นานา ช้าไปเพียงนิดก็อาจสิ้นชีวิตได้ ทุกคนก็ย่อมเลือกทางที่เร็วที่สุด ทัพหมิงเบื้องหน้าไม่มีอะไรขวางไว้ เป็นเพียงค่ายรถศึก แต่รถใหญ่เรียงตัวกันเป็นแนว เส้นทางที่วิ่งผ่านก็มีเพียงแค่แผ่นไม้ตั้งขวางไว้เท่านั้น
ยิ่งเข้าใกล้ ทหารมองโกลที่หวาดกลัวลนลานก็เห็นธงผืนนั้นที่โบกสะบัดชัดเจน หลายคนรู้จักอักษรจีนบนนั้น แม้ว่าอักษรจีนจะซับซ้อน อักษรตัวนี้ก็ดูเขียนซับซ้อนกว่าสักหน่อย แต่พวกหัวหน้ามองโกลหลายคนรู้จักอักษรนี้ พวกเขาได้รับการบอกจากพวกชนชั้นสูงและเพื่อนทหารด้วยกัน หากเห็นธงอักษรนี้ เผชิญกับทหารกองทัพนี้ จะต้องหลบให้ไกล อย่าได้เข้าปะทะศึก
แม้ว่าสิบปีมานี้ นักรบบนทุ่งหญ้าไม่มีผู้ใดเคยรบกับทหารทัพนี้ แต่บารมีและความน่ากลัวของเขายังคงเป็นที่เลี่ยงลือทั่วท้องทุ่งหญ้า……
อักษร ‘ชี’ บนธงผืนใหญ่ ธงประจำตัวแม่ทัพชีจี้กองแห่งจี้โจว เป็นธงใหญ่ประจำกายชีจี้กวงที่ปราบตะวันออกเฉียงใต้ราบคาบและปราบพวกโจรสลัดสิ้นชื่อ เป็นเสาหลักแห่งแผ่นดิน ธงใหญ่ประจำกายชีจี้กวงที่มีชื่อเสียงขจรไกลและรบที่ใดก็ล้วนมีแต่ชัยชนะ นี่เป็นแม่ทัพใหญ่ที่แข็งแกร่งและเป็นแม่ทัพดังตำนานของราชวงศ์หมิง
พวกมองโกลที่ขี่ม้าทะยานมาเห็นธงนี้เข้า ก็ล้วนส่งเสียงร้องดังอย่างหวาดกลัวตกใจ หลายคนหันหัวม้ากลับไปสู้กับทหารหมิงด้านหลังแทน
รถใหญ่ที่เรียงรายอยู่บนเส้นทางด้านนอกมีตัวรถบังไว้ บนตัวรถเปิดออกด้วยขนาดที่ต่างกัน ปืนใหญ่ ปืนไฟยื่นออกมาจากด้านหน้า ทหารหมิงที่ด้านหลังตัวรถราวกับพยัคฆ์ร้ายรอเหยื่อ ยืนนิ่งไม่ขยับ
ไม่สนใจอันใดแล้ว ทุกคนควบม้าทะยานเข้ามา ค่ายรถเรียงตัวแนวยาวมาก เบื้องหน้าทหารมองโกลอีกราวร้อยก้าวก็ต้องวิ่งอีกสักระยะ ด้านหน้าไม่มีการขัดขวางอันใดอีก
“ยิง!!” “ยิง!!” “ยิง!!” ……
ในชั่วเวลานั้นเอง เสียงตะโกนดังจากหลังค่ายรถก็ดังขึ้น ปืนใหญ่และปืนไฟที่ยื่นออกมานอกตัวรถเมื่อครู่ระดมยิงพร้อมกัน กลิ่นและควันคละคลุ้งไปทั่ว พื้นดินสั่นสะเทือนไปทั้งแถบ
บางทีหากเป็นปืนใหญ่กระบอกเดียวหรือปืนไฟกระบอกเดียว อานุภาพแม้สู้ปืนที่กองกำลังหู่เวยหลอมไม่ได้ แต่มากมายเช่นนี้ และยังล้อมวงกว้างเช่นนี้ นี่เรียกว่ากระสุนมาราวห่าฝนเสียที่ไหน ควรเรียกว่าลมพายุบ้าคลั่งแห่งความตายมากกว่า
พวกมองโกลเริ่มเรียงทัพเป็นแนวยาว ด้านหลังทหารหมิงก็ยังไล่สังหารมาไม่หยุด ทหารมองโกลทิ่วิ่งเข้ามาก็ส่งเสียงร้องโหยหวยดังหากก็ถูกกลบด้วยเสียงปืน คนและม้าล้มระเนระนาด ม้าส่งเสียงร้องอย่างแตกตื่นกลิ้งล้มลง
กองทัพรถศึกของตระกูลชีที่มีชื่อเสียงโด่งดัง……รถศึกติดอาวุธ!
เสียงดังหยุดไปพักหนึ่ง ควันขาวยังไม่ทันจางหาย ก็มีเสียงกลองรัวดังขึ้นติดๆ กัน แผ่นไม้ติดหน้ารถเปิดออก ทหารราบกองใหญ่กรูกันออกมาจากหลังรถ
ด้านหน้าเป็นทัพแม่ทัพชี ด้นหลังเป็นทหารม้าหมิงไล่ล่าสังหาร ทหารมองโกลไร้หนทางถอย ไร้ทางหนี……
“สังหารมองโกล!! สังหารมองโกล!!”
เสียงตะโกนสังหารดังไปทั่วทุ่งหญ้า ล้อมวงรบสัมฤทธิ์ผล กองทัพหมิงได้รับชัยชนะใหญ่!!!