ตอนที่ 540 ประกาศไว้ต้องทำตาม จัดการให้รอบด้าน
หลังจากที่บรรลุสันติภาพร่วมค้ากับเสิ่นหวั่งมา หวังทงรู้สึกเครียดมาตลอด เขาตั้งป้อมปืนใหญ่ริมทะเล เตรียมต่อเรือ ก็เพื่อป้องกันเหตุที่อาจเกิดขึ้น
วันนั้นที่กู้เหล่าหู่นำโจรสลัดนับพันเข้าโจมตี กู้เหล่าหู่เป็นแค่หัวหน้าคนหนึ่งของเสิ่นหวั่งเท่านั้น เสิ่นหวังยังมีกำลังอีกเท่าไรแค่คิดก็พอรู้ได้แล้ว
กองกำลังเช่นนี้บนท้องทะเล เทียนจินยังเป็นเมืองท่า ไม่ต้องพูดถึงความรุ่งเรืองเทียนจินและการเปิดเส้นทางทะเลว่าเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันสักเท่าไร ไม่อาจไม่ป้องกัน ไม่อาจไม่ป้องกันจริงๆ
ตอนนี้สองฝ่ายมีผลประโยชน์ร่วมกันก็สามารถรักษาสันติภาพไว้ได้อยู่ แต่วันหน้าผู้ใดจะกล้ารับรอง หวังทงเตรียมการอย่างแข็งขัน เสิ่นหวั่งก็ย่อมรู้เรื่องโรงต่อเรือที่ทางตอนเหนือของเมืองเทียนจิน เห็นได้ชัดว่ามีใจคิดระแวงป้องกันเช่นกัน
ที่ยุ่งยากก็คือ ราชาไตรธาราเสิ่นหวั่งใช่ว่ามีอำนาจคุมลูกน้องได้อย่างเด็ดขาด การโจมตีของกู้เหล่าหู่ในคืนนั้น ตอนนี้ยังมีเรื่องนี้มาเพิ่ม ฟ้ารู้ว่าวันหน้าจะมีผู้ใดเอาอยู่อีกหรือไม่ การเอาไม่อยู่นี้ ผู้ใดจะรู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ……
แต่ตอนนี้เทียนจินมีเรือแค่สี่ลำ หนึ่งลำคือเรือกวางบิน อีกสามลำเป็นเรือที่ได้มาจากโจรสลัด เรือกวางบินอานุภาพเกรียงไกร แต่สองหมัดไม่อาจสู้สี่มือ
เรือสี่ลำ ไม่ได้มีนายกองทัพเรือที่มากประสบการณ์ จะไปต่อกรกับเรือนับพันของเสิ่นหวั่งได้อย่างไร สู้กับโจรสลัดนับหมื่น ไม่อาจกระทำการโดยไร้ความรอบคอบ
สีหน้าหวังทงไม่ดีนัก ครุ่นคิดอยู่ในห้องหนังสือ คนรอบข้างไม่กล้ารบกวน
อีกราวหนึ่งชั่วยามก็เป็นเวลาอาหารค่ำ ได้ยินเสียงด้านนอกตีฆ้องบอกเวลา ทังซานรีบมาถึง ส่งเสียงรายงานก่อนจะเข้าไป เริ่มรายงานว่า
“ใต้เท้าช่างคาดการณ์ได้แม่นยำ ตอนบ่ายไปสอบล้วนปากแข็ง เกือบถูกพวกนั้นปิดหูปิดตา ใต้เท้า จ่ายเงินไปหลายตำลึงจึงได้ความจริงมา พวกเขาไปขนผ้าฝ้ายจากซงเจียงมา แต่กลับไม่ได้มาขายที่เทียนจินเรา หากไปที่เกาหลี ว่ากันว่าถูกปล้นกันที่นอกเขตอะไรสักอย่าง”
หวังทงเลิกคิ้ว คิดไม่ถึงจริงๆ เหลียงเต้าเฉิงถึงกับไปถึงเกาหลีได้ คนนี้มีวาจาจริงสักกี่ส่วนกัน หวังทงตบโต๊ะ สั่งการไปว่า
“ไปที่ทำการริมแม่น้ำทะเล นำตัวเหลียงเต้าเฉิงมาพบข้า!”
*************
ค่ายทหารรักษาป้อมปืนใหญ่ริมแม่น้ำทะเล ณ ห้องทำการหนึ่ง เหลียงเต้าเฉิงถูกนำตัวมาถึง แต่ครั้งนี้ไม่ได้เกรงใจเหมือนตอนกลางวัน ทหารที่นำตัวมาโยนเขาลงพื้น
หนึ่งชาวบ้าน หนึ่งขุนนาง กลางวันคุยกันด้วยเหตุผล เหลียงเต้าเฉิงใจกล้าอยู่บ้าง แต่ยามนี้กลับตกใจจนนิ่งค้างไป สองมือตะกายลุกขึ้น ปากก็ตะโกนมั่วไปหมด
“ใต้เท้า ใต้เท้า ค่าชดใช้ร้านประกันภัยข้าน้อยไม่เอาแล้ว ข้าน้อยยังมีแม่อายุ 80 ลูกชายลูกสาว 3 ขวย เรือนั่นยกให้นายท่าน……”
“ควรให้เจ้าเท่าไร ข้าก็ไม่หักสักตำลึง มิเช่นนั้นจะเป็นการทำลายกฎระเบียบชื่อเสียงร้าน แต่ทว่า เหลียงเต้าเฉิง เจ้าไปเจอโจรที่เกาหลีมา เหตุใดจึงไม่บอกมาให้กระจ่างกัน?”
หวังทงยิ้มถาม เหลียงเต้าเฉิงหน้าซีดเผือด ตะกายขึ้นมาคุกเข่าโขกศีรษะ กล่าวติดๆ กันว่า
“ข้าน้อยผิดไปแล้ว ๆ ไม่ใช่ข้าน้อยคิดปกปิด แต่เป็นเพราะเมื่อกลางวันเศร้าเสียใจเกินไป นายท่านเองก็ไม่ได้ถาม ดังนั้นจึงลืมไป เงินชดใช้ข้าน้อยไม่ต้องการแล้ว ข้าน้อยไม่ต้องการแล้ว”
หวังทงส่ายหน้า หันไปกล่าวกับหยางซือเฉินและกู่จื้อปินด้านหลังว่า
“นี่คือช่องโหว่ร้านประกันภัย ตอนแรกที่ตั้งขึ้น ข้าเองก็คิดไม่ถึง ทุกคนก็ไม่ทันคิด แต่ทำประกันก็ว่าจากเทียนจินไปทำการค้าที่อื่น หรือที่อื่นมาเทียนจิน กลับไม่คิดถึงว่ามีคนซื้อประกันวิ่งไปเส้นทางอื่น พอเกิดเรื่องก็มาเอาเงินประกันที่เรา จดไว้ วันหน้าร้านประกันภัยรับประกันพ่อค้าเรือ ต้องถามเส้นทาง เสี่ยงภัยใหญ่ก็ให้เก็บเงินมากหน่อย ส่งคนไปสอบถามเรือแต่ละลำมา ย่อมพอรู้คร่าวๆ อย่าให้เหมือนเหลียงเต้าเฉิง พวกเราไม่ควรจ่าย ก็มาลงเอาที่หัวพวกเรา”
วาจานี้ไม่กล่าวต่อหน้าเหลียงเต้าเฉิง ทำเหลียงเต้าเฉิงตกใจหน้าซีด โขกศีรษะติดๆ กัน ได้แต่กล่าวว่า
“ข้าน้อยสมควรตาย ข้าน้อยไม่ต้องการการชดใช้แล้ว ข้าน้อย……”
หวังทงหันไปโบกมือ ยิ้มกล่าวว่า
“ช่องโหว่ร้านประกันภัยนี้ถูกเจ้าค้นพบ ถือเป็นประโยชน์เจ้า เป็นความผิดพลาดของสัญญาร้านประกันภัยเอง ไม่ใช่ความผิดเจ้า พรุ่งนี้ก็ไปรับเงินของเจ้า”
กล่าวจบ เหลียงเต้าเฉิงก็นิ่งค้างอยู่ที่พื้นอย่างหวาดกลัว สีหน้าของผู้ติดตามยังคงไม่เข้าใจ คิดกันว่าไม่เห็นเกี่ยวกันใดกับร้านประกันภัย เหตุใดจึงยังให้เงินเขาอีก หวังทงเหมือนรู้ความในใจทุกคน จึงได้กล่าวเสียงดังกังวานว่า
“เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ว่าควรชดใช้หรือไม่ แต่อยู่ที่ให้คนนอกรู้ว่าร้านประกันภัยเราชดใช้ให้ ข้าตั้งร้านนี้มา แม้ว่าให้ทุกร้านร่วมทุน แต่พวกมาซื้อประกันเท่าไรกัน หลังซื้อประกันก็เชื่อว่าพวกเราจะชดใช้เท่าไรกัน หากพากันคิดว่าข้าอาศัยอำนาจฮุบเงินทุนพวกเขาไปหมด ชดใช้เงินเป็นเรื่องหลอกเด็ก ครั้งนี้เหลียงเต้าเฉิงหาช่องโหว่ได้ แต่ลายลักษณ์บนสัญญาระบุไว้ชัด เป็นเราต้องชดใช้ การกระทำเช่นนี้ก็เพื่อให้พวกพ่อค้าที่มาทำการค้าที่เทียนจินได้รับรู้ทั่วกัน
“ประกาศไว้ต้องทำตาม ใต้เท้าคำนึงถึงหลักการนี้กระมัง”
ในสมัยราชวงศ์ฉิน ในเมืองตั้งป้ายไม้ประกาศไว้ว่าจะให้เงินรางวัลแก่ผู้ที่ย้ายไปประตูเมืองอีกข้างได้ เริ่มต้นไม่มีคนเชื่อ ต่อมามีคนลองทำ ได้รางวัลจริง เช่นนี้ ชาวฉินจึงได้เชื่อว่าประกาศไว้ต้องทำตาม อย่างไรพวกเรียนมาเยอะก็สมองไวกว่า หยางซือเฉินยิ้มรับ หวังทงพยักหน้าน้อยๆ เหลียงเต้าเฉิงยังมีหน้ำตาเหมือนไม่อยากจะเชื่อ ไม่รู้ว่าตนเองอยู่ ๆ จะได้ประโยชน์เช่นนี้ ดีใจจนนิ่งค้างไป
หวังทงตบมือดังเรียกสติเหลียงเต้าเฉิง ถามน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า
“มีเรื่องอยากถามเจ้า หากไม่ตอบตามจริง ปิดบังอีก ก็จะไม่ใช่เรื่องให้หรือไม่ให้เงินแล้วนะ!”
เหลียงเต้าเฉิงได้สติ เห็นว่ายังได้เงินอยู่ ก็ดีใจเหนือความคาดหมาย คำถามหวังทงย่อมตอบไปหมดทุกเรื่องที่รู้ จึงโขกศีรษะอย่างแรงหลายครั้ง ก่อนจะกล่าวเสียงอ้างฟ้าอ้างดินว่า
“นายท่านเชิญถาม ข้าน้อยหากล่าวเท็จ ก็ให้ฟ้าผ่า ชาติหน้าเกิดเป็นวัวเป็นม้า……”
“ทำไมเจ้าจึงไปค้าผ้าที่เกาหลี ทางนั้นน่าจะยากจน มีกำไรอันใดกัน?”
“เรียนนายท่าน เกาหลีเทียบไม่ได้กับประเทศวัวและแผ่นดินหมิงเรา แม้แต่ประเทศทางทะเลใต้ก็ไม่ได้ ไม่ค่อยมีเรือไปทางนั้น ดังนั้นสินค้าเดียวกันจึงได้กำไรมากกว่ามาเทียนจินสามส่วน ส่งสินค้าที่นั่นแล้วขนสินค้าเกาหลีมา พวกกระดาษและโสมอะไรพวกนั้นกลับมา ร้านค้าเรามีมาก แต่พวกกระดาษและโสมเกาหลีมีไม่กี่ร้านในเมืองหลวงที่ขายผู้เดียว ทางนี้มีสินค้าและขายดี ไปๆ มาๆ ไปแค่รอบเดียวก็ได้กำไรมาก”
หวังทงได้ยินก็พยักหน้าหงึกๆ ยิ้มกล่าวว่า
“เคยได้ยินแต่ว่า มีการค้าไปยังประเทศวัว เทียนจินและทะเลใต้ ไปเกาหลีเพิ่งได้ยินครั้งแรก นี่เป็นช่องโหว่ที่เจ้าค้นพบ ร้านอื่นทำไมไม่ทำกัน”
เหลียงเต้าเฉิงสีหน้าเก้อเขิน กล่าวขึ้นเบาๆ ว่า
“พื้นที่รอบทะเลเกาหลีไม่มีทางการใดดูแล โจรสลัดทั้งหลายก็พักกันอยู่แถบนั้น ไม่ค่อยมีเรืออยากไปกัน ข้าน้อยครั้งก่อนถูกลมพัดไป ยังดีที่ทำการค้าสำเร็จ กลับมาอย่างปลอดภัย ข้าน้อยคิดว่าจะไปรอบสอง คิดไม่ถึงว่า……”
หวังทงยิ้ม โบกมือกล่าวว่า
“กลับไปได้แล้ว วันนี้ที่ข้าถามเจ้า อย่าได้กล่าวออกไป ทำตัวดีๆ อยู่แต่ในโรงเตี๊ยม ข้าบอกให้เจ้าจากไปได้ เจ้าจึงจะไปได้!”
เรื่องถึงตอนนี้ เหลียงเต้าเฉิงได้ผลประโยชน์ที่ดีที่สุดแล้ว ไหนเลยจะมีวาจาแย้ง ได้แต่โขกศีรษะขอบคุณ ก่อนจะถูกนำตัวออกไป
พอออกไป หวังทงหันหลังยังไม่ทันได้กล่าวอันใด กู่จื้อปินก็คำนับ ขอรับผิดว่า
“นายท่าน เงิน 5 หมื่นตำลึงนี่เป็นเพราะข้าน้อยเลินเล่อในคราแรก ข้าน้อยยอมออกเงินชดใช้ให้เหลียงเต้าเฉิงเอง”
“เรื่องนี้ไม่ต้องพูดถึงอีก วันหน้าอย่าให้ใครใช้ช่องโหว่นี้ได้ก็พอ เจ้าอย่าได้คิดมาก ตอนแรกคิดว่าเกาหลีเป็นที่กันดาร คิดไม่ถึงว่ามีของมีค่า พวกเราไยจึงไม่ทำบ้าง?”
หวังทงปลอบใจไป กู้จื้อปินนิ่งไป ตามมาด้วยวาจารู้สึกซาบซึ้งว่า
“นายท่าน กระดาษเกาหลีและโสมเกาหลีเป็นราชทูตเกาหลีนำมาขายตอนมานำบรรณาการมาเมืองหลวงทุกปี ตามระเบียบมีว่า เส้นทางบรรณาการต้องผ่านมาทางเมืองเหลียวโจว ผ่านเข้าป้อมด่านมาทางบก สินค้าพวกนี้ไม่เลว ขายได้ง่าย ในเมื่อจะเข้าเมืองหลวง ก็นำมาขายไปด้วย ล้วนเป็นการค้าของพวกขุนนางใหญ่และขันทีใหญ่ในราชสำนัก คนนอกไม่อาจข้องเกี่ยว เส้นทางทะเลนี้ เกาหลีทางนั้นเป็นเส้นทางอันตราย โจรสลัดเยอะมาก”
หวังทงพยักหน้า กล่าวว่า
“เจ้ากับจางฉุนเต๋อเรียกคนร้านประกันภัยมา รวบรวมเส้นทางเดินเรือมาให้ข้า อีกสามวันรายงานมา กลับไปได้แล้ว!”
จางฉุนเต๋ออายุมากแล้ว ยังเป็นพ่อตาหม่าซานเปียว กำลังกายไม่พร้อม ยังกลัวคนนินทา การค้าส่วนใหญ่จึงมอบให้กู่จื้อปินจัดการ กู้จื้อปินคำนับก่อนออกไป
กู่จื้อปินปิดประตูลง หวังทงก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนสั่งการว่า
“ตามจางซื่อเฉียงกับทังซานมาพบข้า!”
คืนนี้คนของหวังทงรอรับคำสั่งอยู่พร้อม ไม่นาน ทั้งสองก็มาถึง หวังทงลุกขึ้นเดินไปสองสามก้าว กล่าวว่า
“เหรินชวน[1]ที่เกาหลี ข้าพอนึกอันใดได้อยู่บ้าง ชิงโจวที่ซานตงลงใต้ก่อนมาถึงเทียนจิน เหรินชวนอยู่ระหว่างทางพอดี มีพวกโจรสลัดไร้ชื่อแปอยู่ที่นั่น ข้าไม่วางใจ ทังซาน เจ้าไปถามลูกน้องเหลียงเต้าเฉิง ถามว่าพวกเขาคุ้นเคยเส้นทางไปเหรินชวนหรือไม่ จางซื่อเฉียง ส่งคนไป จับตาดูเรือที่เข้าออกเทียนจิน เห็นท่าทีเรือพ่อค้าสบคบกับโจรสลัด จัดการทันที!”
สองคนรับคำสั่งออกไป ไช่หนานก็มาถึง ทักทายก่อนจะเดินเข้ามา หวังทงกล่าวว่า
“นายกองไช่ ท่านหยาง ข้าจะร่างฎีกา หลังเขียนเสร็จ รีบนำเข้าเมืองหลวง”
———————-
[1] เมืองอินชอนในเกาหลี