Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 542

ตอนที่ 542 ราวกับเผชิญศัตรูใหญ่ ตกใจเก้อ

วันที่ 18 เดือนห้า ณ เทียนจิน พระอาทิตย์สาดแสงร้อนแรง พ่อค้ากำลังวุ่นวายกันอย่างที่สุด เวลาทำเงินที่ดีที่สุดของปีกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว

ต่างจากปีก่อนและปีก่อนๆ ตอนนี้ถนนหนทางเทียนจินมีแต่คนแต่งตัวร่ำรวย หลายปีนี้หลายคนร่ำรวยกันไป คนแก่อาจใช้แรงงานแลกเงินได้ บ้างก็ไม่ต้องลำบาก ยังมีพวกหนุ่มสาวที่หาเงินได้ร่ำรวยคอยเอาใจใส่

ตอนเหนือมีน้ำน้อย เทียนจินกลับเป็นแหล่งรวมของสายน้ำ ก่อนออกทะเล และทิวทัศน์ยังต่างจากที่อื่น หากตั้งใจมาท่องเที่ยว ก็ทำให้รื่นรมย์กลับไปไม่น้อย

นับประสาอะไรกับเทียนจินที่เจริญใหม่ แต่กลับเป็นที่รวมตัวของเส้นทางคลองส่งน้ำและทะเล สินค้าเหนือใต้ อาหารรสเลิศ หรือแม้กระทั่งเรื่องรื่นรมย์ก็มารวมกันที่นี่ แม่น้ำทะเลและคลองส่งน้ำมีพ่อค้าใหญ่ แม้แต่เถ้าแก่หลงจู๊ร้านค้าก็มีเงินหนา การเลี้ยงรับรองต่างๆ เลี้ยงกันไปมา เลี้ยงกันส่วนตัวหาความสำราญ ของอร่อยสิ่งรื่นรมย์ใต้หล้าก็ค่อยๆ มารวมกันที่นี่

ที่แห่งประโยชน์ใหญ่เช่นนี้ ไม่ต้องกล่าวถึงแค่คหบดีในพื้นที่ว่าสุขเพียงใด แม้แต่พวกคหบดีมีเงินหาความสำราญกันจากเมืองหลวง เขตปกครองเหนือ เหอหนาน ซานตงพวกนั้นก็ยังมาสร้างจวนตากอากาศกันที่นี่ ยามว่างก็มาหาความสำราญกัน เมืองเทียนจินเองไม่ใหญ่ บ้านเรือนในเมืองก็ราคาถีบขึ้นไปสามเท่าแล้ว

หวังทงรู้ว่า ซุนโส่วเหลียนแห่งเมืองเหลียวโจวก็ยังมีจวนพักที่นี่ ว่ากันว่าฝากคนจากหยางโจวซื้อหญิงสาวมาคอยท่าไว้ด้วย

แต่ความสำราญนี้เริ่มมาแต่เช้าไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็ถูกม้าเร็วมาขัดจังหวะ มีทหารคอยตะโกนดังอยู่ในตลาดให้หลีกทาง บรรดาชาวบ้านไม่อาจไม่หลีกทางให้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

หากเป็นที่อื่น ย่อมมีคนด่าทอกันแล้ว พวกคุณชายทั้งหลายย่อมไปหาเรื่องกันแล้ว แต่ที่นี่ ไม่เพียงแต่ไม่มีผู้ใดกล้าเสียงดัง หากมองทหารม้าเหล่านั้นอย่างตกใจอย่างที่สุด

ตามที่รู้ว่า หากเทียนจินไม่มีเรื่องใหญ่ จะไม่ทำเช่นนี้เด็ดขาด ยังไม่ทันรอให้คนตกใจได้สติคืนมา ก็ได้ยินเสียงสัญญาณเตือนภัยร้องดัง

ทุกคนวาบในใจ ล้วนเงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่ได้นัดหมายไปยังหอสังเกตการณ์ที่ไกลออกไป หอสูงราวเจดีย์ 6 ชั้น ใช้เพื่อเป็นหอสังเกตการณ์ไกล สร้างเสร็จเมื่อปีก่อน กลายเป็นพื้นที่สำคัญของเขตแม่น้ำทะเลไปแล้ว แน่นอนส่วนใหญ่ ก็ตั้งอยู่อย่างนั้น แต่ยามนี้ด้านบนมีเสียงสัญญาณหวีดทองแดงดังลงมา ยังยกธงเขียวโบกสะบัดไปมา

โบกธงเขียวพร้อมเสียงสัญญาณดังนกหวีดดัง ไม่มีเสียงฆ้องดัง ก็คือให้ทุกคนหลบให้ดี อย่าออกมาเพ่นพ่าน หากว่ามีเสียงฆ้องดัง ก็แสดงว่าให้หาเรือนหลบภัย ผู้ใดฝ่าฝืนลงโทษตามวินัยทหาร

บนท้องถนนวุ่นวาย ทหารรักษาความปลอดภัยเริ่มเดินไปจัดการระเบียบบนท้องถนน ทุกคนรู้สึกตกใจ แต่ก็ยังสงบอยู่ได้ เดินไปยังที่ต่างๆ นี่เป็นธรรมเนียม หากว่าวิ่งไปร้องตะโกนไป หน่วยรักษาความปลอดภัยก็จะมีอำนาจสังหารทิ้งทันที

ไม่นานบนท้องถนนก็สถานการณ์เปลี่ยนไป พวกใจกล้าก็ปืนไปตามช่องหน้าต่างยื่นหน้าออกมาดู ไม่รู้ว่าเกิดเหตุอันใดขึ้นกัน

ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งมาพร้อมเพรียง ทหารตะโกนคำสั่งมากัน พวกที่มีหน้าร้านก็เห็นทหารเรียงแถวเดินหน้าออกมา เถ้าแก่ หลงจู๊และคนในร้านต่างหวาดกลัว ท่องสวดมนต์ไม่หยุด กว่าจะมาร่ำรวยกันที่เทียนจินได้ อย่าได้ต้องล้มละลายกันเลย

*************

เทียนจินเส้นปากแม่น้ำทะเลไปถึงริมทะเล ระยะห่างจากพื้นที่การค้าริมแม่น้ำทะเลราวครึ่งชั่วยามหากวิ่งด้วยม้าเร็ว ที่นี่มีการป้องกันไว้แล้ว หากมีเสียงกลองและฆ้องรัวดัง ก็เพราะศัตรูรุกรานเข้ามาทางทะเล

บริเวณใกล้กับปากทะเล ก็มีเจดีย์ไม้เป็นหอสังเกตการณ์ ทหารด้านบนตะโกนดังลงมา ทหารด้านล่างตั้งใจฟังไป ตะโกนไป ว่า

“เรือฟะรังคี 5 ลำ เรือเหมือนกับเรือกวางบิน 2 ลำ อีก 3 ลำเล็กกว่าหน่อย……”

“เจ้าลูกหมา เหม่อมองทะเลบ้าอะไรอยู่ รีบไปดูปืนใหญ่ให้ข้าเร็ว!”

หัวหน้ากองพลปืนใหญ่ถานหั่ว นายกองร้อยปืนใหญ่มู่เอิน และนายกองธงใหญ่พลปืนใหญ่จางอู่ ทั้งสามผลัดกันมาประจำที่ป้อมปืนใหญ่ริมแม่น้ำทะเล วันนี้คนเฝ้าเวรคือจางอู่

เขาตะโกนตวาดเสียงดังลั่น มองไปบนท้องทะเลอย่างเคร่งเครียด ริมทะเลและทางออกทะเลส่วนใหญ่เป็นที่รกร้าง ดังนั้นจึงไม่ต้องคอยกังวลถึงประชาชนละแวกนั้น

ป้อมปืนใหญ่ที่เหมือนเนินเขาหลายแห่ง ด้านบนมีปืนใหญ่หันออกทะเล ตอนนี้กำลังบรรจุกระสุนแข็งขัน ปรับทิศทาง

เห็นบรรจุกระสุนเสร็จ เล็งแม่นแล้ว จางอู่ก็นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า

“ส่งสัญญาณออกไปยังเรือบนทะเล ทหารปืนใหญ่จะยิงแล้ว ให้เรือทุกลำหลีกให้พ้นระยะ!”

ท่าเรือเทียนจินมีสัญญาณพิเศษกับภายนอก หากทางนี้มีคนยืนให้สัญญาณ ธงใหญ่ยกโบก

ยามนี้เรือบนทะเลไม่มาก เห็นสัญญาณนี้ก็พากันขึ้นใบเรือหลบไป หากเรือฟะรังคีสองสามลำนั่นยังคงค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามา

“นายกองธงใหญ่จาง ปืนใหญ่เตรียมพร้อมแล้ว!!”

“……ปืนใหญ่กระสุนสามชั่งก็เตรียมพร้อมแล้ว!!”

“……ปืนใหญ่กระสุนห้าชั่งก็เตรียมพร้อมแล้ว!!”

“……ปืนใหญ่กระสุนเก้าชั่งก็เตรียมพร้อมแล้ว!!!”

เสียงสุดท้ายตะโกนดัง รอจางอู่โบกมือ ปืนใหญ่อานุภาพแรงสุดอย่างปืนกระสุนเก้าชั่งที่โรงหลอมหลอมออกมา ยิงได้ระยะ 8 พันก้าว ตัวปืนใหญ่น้ำหนักเกือบ 3 พันชั่ง แม้ว่าใส่ล้อลาก แต่ก็ต้องใช้วัวลากสิบกว่าตัวจึงลากไปได้ ไม่สะดวกนัก ตอนเอามาวางที่ป้อมปืนนี้ต้องใช้แรงน้ำขับเคลื่อนมา ต้องใช้แรงงานคนนับพันจึงจัดการติดตั้งได้

ปืนใหญ่เช่นนี้มีด้วยกันสามกระบอก ล้วนติดตั้งที่ป้อมปืนริมทะเล ปืนใหญ่นี้มีวิธีการบรรจุกระสุนเหมือนปกติ หากปรับเล็งยากกว่า เพื่อการนี้ จึงเลี้ยงวัวไว้ละแวกป้อมปืนนี้หลายตัว ก็เพื่อใช้เคลื่อนปืนใหญ่ แต่หากไม่รีบร้อน ใช้แรงคนก็พอได้ แต่ช้ากว่ามาก

ในมือจางอู่ถือท่อนไม้สองท่อน หันไปทางเรือฟะรังคีพวกนั้นเล็ง หรี่ตามองไปคิดไปคำนวณไป ตะโกนดังว่า

“ปืนเก้าชั่งเล็งเรือทางด้านขวา ยิง!!”

ปืนใหญ่มารวมกันอยู่ทางซ้าย บ้ายปืนใหญ่มา ค่อยๆ ปรับระยะเสร็จ ก็จุดไฟยิง ตอนยิง รอบด้านยังต้องเอามือปิดหู มีคนเตรียมผ้ามาอุดพร้อมแล้ว

เสียง ‘ตูม’ ดังสนั่น ฐานตั้งปืนสั่นสะเทือนไปทั้งฐาน กระสุนลอยละลิ่วไป

จางอู่ขึ้นหน้าไมสองสามก้าว จับตาดูจุดกระสุนตก เพราะเหลือที่ว่างไว้พอควร ดังนั้นจึงตกระยะห่างจากเรือราวร้อยกว่าก้าว ทำเอาน้ำกระแทกเป็นวงกว้าง

พอป้อมปืนใหญ่ยิงปืนไป เรือฟะรังคี 5 ลำก็ลดใบเรือลง เมื่อครู่ปืนใหญ่กระสุน 9 ชั่งยิงเอียงไป หากว่าปรับอีกหน่อย ยิงอีกสองสามลูก จะยิงโดนเรือสักลำย่อมได้ แต่จางอู่จับจตามองไปยังท้องทะเล สั่งให้ลูกน้องอย่ายิงพลการ กล่าวเสียงเย็นว่า

“ให้พลทหารไปตามเหล่าหลี่มา!”

ทหารข้างๆ รับคำ วิ่งออกไป ไม่นานก็นำตัวคนท่าทางเหมือนหัวหน้าคนเรือมา จางอู่ชี้ไปยังท้องทะเลถามว่า

“เรือพวกนี้เป็นเรือปืนใหญ่ เจ้าเห็นไหม?”

“เป็นเช่นนั้นขอรับ ข้าน้อยเห็นหน้าต่างปืนใหญ่ด้านล่างใต้กาบเรือ หลายปีมานี้เห็นเรือต่างชาติมาไม่น้อย เรือใหญ่อย่างไรก็ต้องมีปืน 30 กระบอก เรือ 3 ลำนั้นแต่ละลำก็น่าจะมี 15 กระบอก”

จางอู่พยักหน้า นี่มันเรือปืนใหญ่นับร้อยกระบอก เรือเช่นนี้เข้ามาใกล้ เทียนจินจะต้องป้องกันไว้ก่อน หากปล่อยให้คนหาช่องโหว่ได้ รุกรานเข้ามาในแม่น้ำทะเลได้ ก็ย่อมเป็นหายนะใหญ่

ที่เขาถามเช่นนี้ก็เพราะว่าหลังจากยิงปืนใหญ่เตือนไปหนึ่ง เรือ 5 ลำบนทะเลก็ลดใบเรือลง หากว่าคิดชั่วอันใด เกรงว่าก็จะรีบเร่งเข้ามา หรือว่าหลบไป ไม่ใช่หยุดในระยะยิงแล้วลดใบเรือลง บนท้องทะเลการแสดงเช่นนี้เป็นการบอกว่ามาดี เหมือนกับการโยนอาวุธทิ้งในสนามรบนั่นเอง

อีกฝ่ายเหมือนไม่ได้มาร้าย ไม่ได้หมายความว่าจางอู่จะไม่ระมัดระวัง มีชายคนหนึ่งถืออาวุธมีคมเดินอยู่บนท้องถนน แม้ว่าเขาไม่ได้ทำอันใด แต่คนรอบตัวอย่างไรก็ต้องระมัดระวัง ป้องกันไว้ก่อน

เรือฟะรังคีไม่ว่ามาด้วยเจตนาใด พวกเขามีกำลังปืนใหญ่มากเช่นนี้ บนฝั่งย่อมไม่อาจวางใจ แต่เห็นท่าทางอีกฝ่ายเช่นนี้ อย่างไรก็วางใจได้แล้ว

“เรือบนทะเลปล่อยเรือเล็กมาแล้ว!”

หอมองระยะไกลบนป้อมปืนใหญ่มีเสียงตะโกนดังลงมา ทุกคนรีบมองตามไป ฟ้าโปร่งใส่กระจ่าง ท้องทะลไร้สิ่งบดบัง มองเห็นได้ในระยะไกล เห็นได้อย่างชัดเจน

เห็นเรือใหญ่ปล่อยเรือเล็กลงมา จากนั้นก็พายกันมาทางนี้ จางอู่หันไปตะโกนดังว่า

“หัวหน้าหู พวกเจ้าเตรียมพร้อม ศัตรประชิดเข้ามาแล้ว!”

ทหารด้านหลังนายหนึ่งรับคำสั่ง ทังซานวิ่งมาอย่างเร็ว มาถึงก็ด่าว่า

“วันหน้าต้องเรียนขี่ม้าให้ดี วิ่งมาตลอดทางนี่เกือบร่วงไปหลายรอบ”

พูดไปก็เดินไปมองด้านหน้าไป หันกลับมากล่าวว่า

“นายกองธงใหญ่จาง เรือเล็กมาแล้ว เกรงว่าคงต้องพบปะกันก่อน แต่อย่างไรก็ต้องระวังไว้ก่อน รอให้พวกเขาเทียบท่า ใช้เรือไฟไปผูกเรือใหญ่ไว้ หากคิดขยับก็เผามารดามันทิ้งซะเลย!”

“หัวหน้าทังคิดการรอบคอบนัก!”

จางอู่เอ่ย ทังซานหันหลังวิ่งลงจากหอปืนใหญ่ วิ่งไปตะโกนไป เรือเล็กหลายลำบรรทุกฟางเต็มลำเริ่มปลดเชือกออกอย่างเร่งรีบ

พลทหารเริ่มเตรียมพร้อมแล้ว มองไปไกลๆ เห็นควันเริ่มลอยจากบริเวณการค้าแม่น้ำทะเลแล้ว ทางนั้นมีทหารมาแล้ว ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ทหารม้าอย่างน้อยก็ต้องส่งกำลังมาแปดส่วน

เทียนจินราวกับเผชิญศัตรูใหญ่ หากเรือใหญ่ปล่อยเรือเล็กพายมา หนึ่งชั่วยามครึ่งก็มาไม่ถึงฝั่ง

***********

“พวกเราเป็นพ่อค้ามาจากมาเก๊า ข้าเป็นเจ้าของเรือชื่ออาปาก้ง ข้าได้รับอนุญาตจากใต้เท้าหวังให้มาทำการค้าที่เทียนจินได้ และให้เปิดร้านได้ด้วย พวกเจ้ายิงปืนทำไมกัน!! ทำไมปฏิบัติกับแขกแดนไกลเช่นนี้!!”

พอเรือเทียบท่า ทหารกองกำลังหู่เวยยังไม่ทันเข้าจับกุม ร่างอ้วนกลมของพ่อค้าตะวันตก อาปาก้ง ก็โดดลงจากเรือ ตะโกนเสียงดังอย่างโมโหสุดขีด

ทหารกองกำลังหู่เวยมองหน้ากัน ทุกคนอึ้งไป อดไม่ได้ที่จะหัวเราะฮาขึ้นพร้อมกัน สีหน้าอาปาก้งแดงก่ำด้วยความโมโห

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!