ตอนที่ 547 นั่งเรือออกสังหารโจร
พ่อค้าต่างชาติอาปาก้งรู้ว่ามาเทียนจินย่อมสร้างความร่ำรวยให้ กลับคิดไม่ถึงว่าจะรวดเร็วเพียงนี้ พรมเปอร์เซียที่เขาเอามาด้วย สิ่งทอต่างๆ ขนออกมาขายวันแรก ก็ยังไม่ทันได้ขนไม่ที่ร้าน พ่อค้าหลายร้านก็มาเหมาไปกันหมด ราคาก็ให้สูงกว่าที่เขาคิดไว้ถึงหนึ่งในห้า
บริเวณการค้าริมแม่น้ำทะเลไปสุดทางตะวันออก ก็คือร้านค้าของอาปาก้ง ตำแหน่งไม่เรียกว่าดีอันใด บริเวณใจกลางการค้าหาที่ให้เขาแล้วไม่ได้จริงๆ
ยามนี้โต๊ะเก็บเงินตรงกลางร้าน หลงจู๊และคนงานที่พามาจากมาเก๊าหลายคนกำลังว่างงาน นั่งรวมตัวกันดื่มน้ำชาคุยสัพเพเหระ สินค้าไม่มีให้ขายสักชิ้น
สภาพนี้เหมือนว่าร้านล้มละลาย แต่มิใช่เช่นนั้น ร่างกลมดิกของอาปาก้งที่เดินไปมาในร้าน ยิ้มเริงร่าแก้มแทบปริ สินค้าทั้งหมดขายออกในสามวัน และราคายังสูงกว่าที่ประมาณไว้มาก การไปครั้งนี้ ขนของที่นี่ไปขายด้วย กำไรไม่ต้องพูดถึง
เทียนจินเป็นบ่อทอง พระเจ้าส่งตนมาที่นี่ก่อน หากเป็นเช่นนี้ ไม่นานพวกมาเก๊าและทะเลใต้ต้องมีคนมากมายรู้ข่าวและมากันที่นี่ ตนเองต้องฉวยโอกาสแรกนี้ไปมาหลายรอบสักหน่อย ย่อมทำกำไรได้ยิ่งมากขึ้น
กำลังคิดอยู่นั้น ก็มีคนเดินเข้ามาในร้าน อาปาก้งรีบฉีกยิ้ม ประสานมือคำนับเต็มไปด้วยความรู้สึกขอโทษ กล่าวว่า
“ลูกค้าท่านนี้ สินค้าร้านเราขายหมดแล้ว ท่านต้องการอันใดสามารถแจ้งไว้ก่อน อีกหนึ่งเดือนหรือสองเดือนก็จะมีสินค้ามา!”
ยามนี้อาปาก้งสวมชุดยาวกระดุมหน้า สวมหมวกใบเล็ก หากไม่ใช่หน้ำตาสีผิวแบบตะวันตก สำเนียงแปร่ง ก็ไม่ต่างอันใดกับพ่อค้าบนแผ่นดินหมิง
“เถ้าแก้อางานยุ่งจนลืมไปหมดแล้ว ข้ามาซื้อเครื่องประดับไปเมื่อวาน”
คนที่มายิ้มกล่าว อาปาก้งมองดูก็ประสานมือคำนับยิ้ม ส่ายหน้ากล่าวว่า
“ข้าจดจำคนแต่มาก็สับสน ขออภัยท่านแล้ว ไม่ทราบว่าพี่เจ้ามีอันใดแนะนำ!”
เถ้าแก่เจ้าแห่งร้านเครื่องประดับโบกมือ ท่าทางสบายๆ ยิ่ง ยิ้มกล่าวว่า
“จะมีอันใดแนะนำ ที่ต้องซื้อเมื่อวานก็ซื้อไปแล้ว ที่เมื่อวานไม่ได้ซื้อก็จองไว้กับเถ้าแก่อาแล้ว วันนี้มาเดินเล่นเท่านั้น”
“พวกเจ้าอย่าเอาแต่ยืนงง รีบไปยกน้ำชามา พวกคนงานมาใหม่ไม่รู้มารยาทเลย พี่เจ้าอย่าได้ตำหนิ”
“ใช่แล้ว เถ้าแก่อาได้ยินเรื่องหนึ่งไหม ใต้เท้าหวังเมื่อวานไปฝึกทหารที่ตอนเหนือของเมือง ไม่ระวังตกจากหลังม้า บาดเจ็บหนัก ขยับตัวไม่ได้ หมอบอกว่า ให้นอนพักบนเตียงห้ามขยับ ดังนั้นจึงพักที่ค่ายทหารนอกเมืองรักษาตัว คนทำงานก็เลยไปรอรับคำสั่งกันที่นั่น”
“เอ๋? ใต้เท้าบาดเจ็บหนัก ข้าควรนำของไปเยี่ยมหรือไม่นะ!”
อาปาก้งอยู่แผ่นดินหมิงมานาน ธรรมเนียมพวกนี้ก็ล้วนกระจ่าง เถ้าแก่เจ้าร้านเครื่องประดับยิ้มโบกมือกล่าวว่า
“ธรรมเนียมเทียนจินทางนี้ หากส่งของไป ไม่แน่ใต้เท้าหวังอาจโมโหได้ ทุกคนร่วมกันส่งตัวแทนไปสอบถามอาการก็พอ”
คุยกันไปมาสักพัก เถ้าแก่เจ้าก็ขอตัวกลับ อาปาก้งรู้สึกกังวลอยู่เรื่องหนึ่ง เรือ ลำของตนถูกกักอยู่ที่แม่น้ำทะเล ยังต้องขอพบใต้เท้าหวัง ให้เร่งปล่อยเรือ จะได้กลับไปเร็วหน่อย ขนของมาขายได้เร็วหน่อย กำลังกังวลอยู่นั้น ก็มีแขกมาขอพบถึงที่
กำลังจะทักทายก็พบว่าคนที่เข้ามานั้นไม่ใช่พ่อค้า หากเป็นทหารของหวังทง พอเข้ามาก็พยักหน้าทักก่อนจะกล่าวอย่างเคร่งเครียดว่า
“อาปาก้ง ใต้เท้าเราขอเชิญพบ!”
*************
คนก่อนหน้าบอกว่าไม่ต้องไปเยี่ยม คนถัดมากลับบอกว่าเรียกตัวพบ อาปาก้งรู้สึกตื่นเต้น ไปเยี่ยมคนป่วย ไม่อาจไปมือเปล่า
ในมือก็ไม่มีสินค้าอันใด อาปาก้งคิดแล้วก็ไปหาเอาตามข้างทางก็แล้วกัน ซื้อของไปเกือบพันตำลึง ยังเตรียมซองไว้อีกสองพันตำลึง ให้รถม้าลากไปพร้อมกัน
อาปาก้งเดิมก็เป็นคนที่ตระหนี่ ใจเงินทีก็เจ็บเนื้อไปหมด คิดไม่ถึงว่าตอนคิดจะซื้อของ พ่อค้าเทียนจินได้เยินแล้วก็ต้องมองอย่างอิจฉา เพิ่งคิดได้ว่าโอกาสนี้หายากเพียงใด
ฟ้าใกล้มืดแล้ว มีทหารหวังทงนำทาง นำเขาไปยังค่ายทหารตอนเหนือ แม้ว่าเป็นกลางคืน แต่ในค่ายก็ยังวุ่นกับงานกันไม่หยุด คนขี่ม้าเข้าออก
ค่ายทหารตอนเหนือ มีจวนพักสำหรับหวังทงโดยเฉพาะ ของขวัญก็เอาวางไปนอกค่ายก่อน ให้ทหารนำอาปาก้งเข้าไปพบ
ตอนเดินถึงประตู ได้ยินเสียงหวังทงด้านใน “คดีรันทดพวกนิรนาม ยังมีเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพสูงอายุเมาตายข้างทาง เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำ บางทีเราเรื่องที่เราสืบมาโดยตลอดอาจอยู่ตรงนี้ก็ได้ เขียนจดหมายไปยังสำนักรักษาความสงบให้พวกเขาสามคนไปตรวจสอบที่พักพวกนิรนามข้างนอกทุกแห่งให้ละเอียด หากมีปัญหากับพวกในวัง ข้าจะเขียนจดหมายไปแจ้งจางกงกง ให้ทูลฝ่าบาท……”
“ใต้เท้า อาปาก้งมาถึงแล้ว!”
“เชิญเข้ามาได้!”
**************
อาปาก้งเข้ามาถึง ยังคิดว่าจะเห็นคนป่วยอยู่บนเตียง เตรียมวาจาเยี่ยมคนป่วยไว้มากมาย คิดไม่ถึงว่าพอเข้ามาจะเห็นภาพที่เหมือนกับมาพบเมื่อคราก่อน
รอบกายหวังทงมีลูกน้องทั้งบุ๋นและบู๊ จัดการไปทีละเรื่อง คนหนึ่งพยักหน้าแล้วก็ออกไป เห็นอาปาก้งเข้ามาหวังทงก็ลุกขึ้นยืนโบกมือ ยิ้มกล่าวว่า
“นายกองไช่ ถานเจียงอยู่ก่อน ที่เหลือออกไปก่อน!”
ทุกคนคำนับรับคำสั่ง อาปาก้งยืนขยี้ตาค้าง ไหนบอกว่าตกม้าขาหักขยับไม่ได้ไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงยืนขึ้น
หวังทงเดินเข้ามาสองสามก้าว ไม่ต่างอันใดกับคนปกติ ยิ้มกล่าวว่า
“ตอนนี้ในเทียนจินมีหลายคนไม่ได้เข้าพบข้า ดังนั้นจึงหาเหตุผลกล่าวกับคนนอกเท่านั้น อาปาก้ง เชิญนั่ง!”
ยากจะเห็นหวังทงให้เกียรติเช่นนี้ อาปาก้งรู้สึกระแวง รีบขอบคุณนั่งลง หวังทงถามขึ้นทันทีว่า
“ท่านนำเรือไปกลับ เส้นทางเดินเรือวัน ได้กำไรเท่าไร?”
“เส้นทาง 15 วัน ไปได้ไม่กี่ที่ เรือข้าน้อยไปอาจเข้าเทียบท่าแผ่นดินหมิงมากนัก สำหรับข้าน้อย 15 วันไม่ได้กำไรเท่าไร หากไปท่าเรืออื่น 15 วันก็น่าจะได้สัก 5 พันตำลึง”
อาปาก้งแม้ว่าเล่ห์เหลี่ยมเยอะ แต่ไม่กล้าปิดบังเรื่องการค้าพวกนี้ เขารู้ว่าหวังทงก็เป็นพวกเชี่ยวชาญเรื่องการค้าเช่นกัน พ่อค้าหลายคนยังสู้หวังทงไม่ได้
“ให้เจ้าห้าพันตำลึง ยืมเรือเจ้า 20 วันหากว่าเรือเสียหาย ข้าจะชดใช้ให้เอง เจ้าว่าอย่างไร?”
“แล้วแต่ใต้เท้าสั่งการ!”
อาปาก้งไม่ลังเลอันใด ตอบรับทันที อีกฝ่ายยิ้มอยากกล่าวว่าเงินทองไม่เอา เรือเอาไปใช้ได้ แต่ไหนเลยจะมีเรื่องเสียเปรียบเช่นนี้ได้
หวังทงยิ้มพยักหน้า กล่าวว่า
“สักครู่จะมีคนนำเจ้าไป เจ้าไปบอกคนเรือเจ้า ให้พวกเราทำงานตามคำสั่งข้า ไม่ใช่เช่นนั้นพอออกทะเลไป คงได้สังหารทิ้ง”
หวังทงน้ำเสียงนุ่มนวล แต่อาปาก้งก็ยังแอบหนาวสันหลังวาบ รีบคุกเข่าลง กล่าวว่า
“ขอใต้เท้าวางใจ ข้าน้อยจะต้องไปบอกกล่าว ลูกเรือเหล่านั้นรู้ว่าควรทำเช่นไร”
“เดี๋ยวเจ้าพนักงานบัญชีจะมอบเงินให้เจ้าห้าพันตำลึง เอาม้าลากกลับไปก่อนก็แล้วกัน!”
เงินสดจับต้องได้จริงก็ต้องเอาไว้ก่อน อาปาก้งยิ้มร่า
************
ข่าวการบาดเจ็บของนายกองพันสำนักองครักษ์เสื้อแพรเทียนจินหวังทง ควบตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังหู่เวยแห่งสำนักอาชาหลวง เทียนจินทุกแห่งก็ล้วนต้องมาเยี่ยมเยียนไม่ว่า หากการรักษาป้องกันก็ยิ่งแน่นหนา
บริเวณการค้าแต่ละแห่งล้วนตรวจตรากันอย่างแน่นหนา ตกค่ำยังสามารถมีงานรื่นเริงได้ แต่นอกเขตการค้าห้าม เพื่อป้องกันโจรสลัดฉวยโอกาสโจมตี แม่น้ำทะเลกับริมทะเลป้องกันแน่นหนากว่าปกติ พอฟ้ามืด พวกขี่ม้าลาดตระเวน หากยังเป็นใครเดินเอ้อระเหยอยู่ก็จะเข้าจับกุมและลงโทษ
ระเบียบที่หวังทงตั้งไว้ต้องฟัง ฟังแล้วไม่ผิดพลาดแน่นอน ไม่ฟังจะต้องโชคร้าย คนเทียนจินล้วนรู้ดี ในเมื่อห้าม ในเวลานั้นก็ย่อมไม่มีคนออกมาเพ่นพ่าน แม้ว่ามีพวกมิจฉาชีพคิดการใด ก็เพราะสถานการณ์เปลี่ยนไป พวกเขาย่อมไม่กล้าทำอันใดตอนนี้
ดังนั้นวันที่ 29 เดือนห้าถึงต้นเดือนหก พวกทหารและเสบียงต่างๆ ก็ขนลงเรือไปทางแม่น้ำทะเลขนถ่ายขึ้นเรือฟะรังคี
วันที่ 5 เดือนหก พ่อค้าต่างชาติอาปาก้งกำลังเดินทางกลับ หลายวันนี้พ่อค้าเทียนจินได้เห็นอาปาก้งเลือกซื้อของ ขนด้วยรถใหญ่ไปเรือตนเอง ก็น่าจะเต็มแล้ว แต่เพราะกลางคืนไม่มีทางได้เห็น จึงไม่รู้ว่าตอนกลางวันขนขึ้น ตอนกลางคืนกลับขนลง
พ่อค้าต่างชาติอาปาก้งร่ำรวยใหญ่ใครๆ ก็เห็น ว่ากันว่าใช้เงินซื้อคนของหวังทง ทำให้เอาเรือกวางบินกลับไปได้ ยังนำเรือกวางตุ้งจากทางใต้สองลำนั้นไปด้วย นี่ก็เป็นเรื่องชินชาเสียแล้ว ขบวนเรือบนทะเล หากมีเรือลำหนึ่งคิดออกทะเล ส่วนใหญ่ก็จะตามเรือต่างชาติไปจะได้ปลอดภัย
เรือกวางตุ้งสองลำนี้หนึ่งในนั้นก็เป็นเรือของเหลียงเต้าเฉิงที่ถูกโจรปล้น เหลียงเต้าเฉิงประสบเหตุ กลับได้โชคใหญ่หลังเกิดเหตุ ได้รับชดเชยจากร้านประกันภัยหลายหมื่นตำลึง ครั้งนี้ขนสินค้าเต็มลำ จากการคำนวณแล้ว เงินที่ได้ชดเชยมานี้ซื้อของแล่นเรือกลับไป ก็ได้มาแล้ว ดีไม่ดียังได้เพิ่มอีกหลายพันตำลึง
ข่าวเหลียงเต้าเฉิงได้รับชดเชยไปแพร่กระจายออกไป ตอนนี้พ่อค้าแล่นเรือมาเทียนจิน ผู้ใดจะไม่ไปซื้อประกันที่ร้านประกันภัยกัน
จ่ายเงินประกัน แม้ว่าได้กำไรน้อยลงอีกหน่อย แม้ว่าระเบียบเข้มหน่อย และไม่เปิดช่องโหว่แบบเหลียงเต้าเฉิงทำแต่หากทำประกัน แล่นเรือมาก็ย่อมไม่ต้องกังวลคลื่นลม หรือโจรสลัด หรือเงินทุนมลายหายไปหมด
************
“ในที่สุดก็ได้ออกทะเลแล้ว ในห้องบนเรือนี่มันน่าอึดอัดเสียจริง”
ในห้องบนเรือ อาปาก้งคำนับตอบ หวังทงยิ้มเดินเข้ามาบนดาดฟ้าเรือ อาปาก้งยืนยิ้มอยู่ข้างๆ กล่าวว่า
“ลำบากใต้เท้าแล้ว”
หวังทงยืดตัวบนดาดฟ้าเรือ ส่ายหน้ายิ้มกล่าวว่า
“ลำบากอันใด ก็แค่นั่งเรือไปสังหารโจรเท่านั้น”