ตอนที่ 575 จับโจรคืนวันสิ้นปี เรียกได้ว่าแปลกประหลาด
เดือนสิบสอง ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 9 ณ สบแม่น้ำ เทียบกับเดือนสิบสองในหลายปีที่ผ่านมานั้น ปีนี้คึกคักกว่ามาก ราษฎรจากหลายแห่งคิดจะโยกย้ายมาตั้งรกรากที่เทียนจิน ไม่เหมือนปีก่อนๆ ที่พากันกลับบ้านเกิดไปฉลองปีใหม่กัน แต่หากกลับไปรับคนเฒ่าคนแก่ที่บ้านเกิดมากันที่นี่ แต่ละครอบครัวมีคนมาก ถึงกับพาพี่น้องมากันด้วย
อนาคตที่เทียนจิน ทุกคนเห็นเองด้วยตา โรงงานหนึ่งใกล้กับสบแม่น้ำ คนงานข้างในได้เงินมากกกว่าคนงานที่อื่นๆ ดูรัศมีภายนอกโรงงานที่ส่องประกาย ดูกลิ่นอาหารหอมกรุ่นทั้งวัน ก็รู้แล้วว่ามีชีวิตดีเพียงใด
ทุกวันรออยู่ที่หน้ประตูโรงงาน รอโอกาสมีงานชั่วคราวมา แม้ไม่มีงานชั่วคราวมา เข้าเมืองไปหางานทำที่ริมแม่น้ำทะเลก็ย่อมได้ กัดฟันออกแรงทำไป ก็ดีกว่าอยู่บ้านกัดก้อนเกลือกิน
และที่นี่ ผู้ชายทำงานนอกบ้าน ผู้หญิงก็มีงานทำ หลงจู๊ร้านสามธารามักจะมาหาคนงานหญิงที่นี่ไปทำงานพวกเย็บปักถักร้อย ให้หัวหน้าครอบครัวผู้ชายพามา ทำงานเสร็จก็จะให้คนของตนพากลับไป หาเงินได้ไม่น้อย
เมื่อก่อนอยู่บ้านนอก ทำงานเย็บปัก งานพวกปะชุนก็ทำให้เพียงคนในครอบครัว หากตอนนี้เอามาทำมาหากินได้ ทำได้ดี ผู้หญิงก็ทำงานหาเงินได้ ทั้งครอบครัวก็เท่ากับ 3-4 คนทำงานหาเงิน ชีวิตก็ย่อมดี
เดิมทุกคนฉลองปีใหม่กัน พวกไม่มีเงินพอก็จะซื้อเนื้อหมูหลายสิบโล พวกมีเงินก็จะซื้อหนึ่งตัว ฆ่าหมู่ไปฉลองปีใหม่ ปีนี้ที่เทียนจินหมูไม่พอขาย เพราะคนซื้อกันเยอะเกินไป เทียนจินรวมถึงพื้นที่ใกล้เทียนจินอย่างเมืองเหอเจียน เมืองซุ่นเทียน หมูที่หาซื้อมาได้ก็หาซื้อมากันหมด ก็ยังมีไม่พอ แต่ละที่ส่วนใหญ่ก็เลี้ยงหมูไว้กินเอง เอามาขายไม่มาก
เทียนจินมีคนมาก ทุกคนล้วนทำงานทำการค้ามีเงิน ความต้องการซื้อก็สูง มีปริมาณไม่เพียงพอ เนื้อหมูย่อมไม่พอต่อความต้องการ
ดีที่ร้านสามธารามีความสามารถการค้า ฤดูใบไม้ร่วงจ่ายเงินซื้อวัวและแพะจากบนทุ่งหญ้าและเมืองจี้โจวมามาก เลี้ยงไว้ที่เมืองซุ่นเทียนและหย่งผิง พอฤดูหนาวก็ฆ่าฝูงใหญ่นำมาขาย แม้ว่าราคาจะสูงอีกเท่าตัว แต่ทุกคนก็หาเงินกันได้มาก ย่อมยอมที่จะใช้จ่าย ย่อมแย่งกันซื้อ ทุกคนล้วนดีใจยิ่ง
ไม่ต้องพูดถึงร้านขายผ้า ร้านผ้าไหมผ้าต่วน ร้านขายผลไม้ของหวาน ร้านขายสุรา แต่ละแห่งล้วนขายดีเป็นเทน้ำเท่ท่า
บรรดาพ่อค้าล้วนตัดสินใจแล้ว ปีหน้าจะต้องเหลือสินค้าไว้ที่เทียนจินให้มาก แค่ขายให้คนในพื้นที่ ก็ได้เงินก้อนโตเข้ากระเป๋าแล้ว ที่นี่เทียบไม่ได้กับเมืองหลวง แต่ก็ไม่แน่ว่าสู้กับพื้นที่รอบๆ ไม่ได้
ร้านสามธาราเริ่มเตรียมเลี้ยงหมูใหม่ในปีหน้าแล้ว จึงไปหาซื้อโรงบ้านไม่น้อยนอกเมืองเทียนจินทางเหนือ เลี้ยงหมู กินเนื้อขายเนื้อได้ คอกหมูยังมีขี้หมูทำให้ที่นาสมบูรณ์ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
ณ สบแม่น้ำในเดือนสิบสอง เริ่มมีบรรยากาศแห่งเทศกาลแล้ว บรรดาเด็กๆ ในชุดใหม่วิ่งกันให้วุ่นวาย ในเมืองก็ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอาหาร เมื่อก่อนหากยังไม่สิ้นปีก็จะไม่กินเนื้อกัน ปีนี้เงินทองเหลือมาก แต่ละคนก็ใช้จ่ายกันยกใหญ่
แม้แต่ขุดทางน้ำไว้รถใหญ่ลากขยะ ก็ทำกันอย่างดีอกดีใจ ขุดทางน้ำ ลากรถขยะ เงินได้มากกว่าการทำนาไม่น้อย
บรรยากาศแห่งความสุขเช่นนี้ อยู่ๆ ทหารม้าแห่งสำนักองครักษ์เสื้อแพรเทียนจินก็ปรากฏตัวขึ้น ดูเหมือนไม่ทันตั้งตัว เริ่มแรกสุดมีวิ่งมาช้าๆ สองสามตัว คนบนหลังม้าเป่านกหวีดอย่างแรง พอได้ยินเสียงนกหวีด ราษฎรสบแม่น้ำก็พากันวิ่งกลับบ้าน หรือไม่ก็รีบวิ่งออกไปตามหาลูกหลานข้างนอกให้กลับบ้าน หากยังไม่กลับเข้าบ้าน ก็จะกลายเป็นพวกก่อการไม่สงบ
ม้าขบวนใหญ่วิ่งกรูกันมา มีคนมองลอดช่องประตู เห็นทัพม้าองครักษ์เสื้อแพรในชุดมัจฉาเวหาและเสื้อคลุมขนสัตว์ พร้อมดาบปักวสันต์ มีคนตาดี ถึงกับเห็นคนสวมเกราะตรงกลางขบวน แม่ทัพใหญ่ในชุดคลุมขนสัตว์สีแดงเข้ม การแต่งกายเช่นนี้มีแต่หวังทงผู้เดียว
เป็นเรื่องใหญ่อันใดกัน ถึงกับต้องให้ใต้เท้าอันดับหนึ่งในเทียนจิน นายกองพันหวังทงแห่งสำนักองครักษ์เสื้อแพรต้องมาด้วยตนเอง
ทุกคนเดิมทีเดาว่าหวังทงจะมาโรงงานที่สบแม่น้ำ ตอนนี้ร้านค้าในและนอกเมืองเทียนจินต่างปิดแล้ว หากโรงงานยังยุ่งกับงานอย่างมาก
คิดไม่ถึงว่า ทหารสำนักองครักษ์เสื้อแพรมาได้ครึ่งทางก็วิ่งเข้าไปบนเส้นทางไปยังบ้านเรือนชาวบ้าน ตามหลักหากเสียงนกหวีดดัง บนถนนควรไร้ผู้คน แต่ตอนทหารเข้ามากันนั้น ก็เห็นคนสวมชุดบุนวมหนา ในมือถือถือผ้าดำโบกอยู่
แม้ว่าเส้นทางในบริเวณสบแม่น้ำนี้จะซับซ้อน หากมีคนนำทาง ขบวนม้าก็มาได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีเสียเวลาแม้แต่น้อย ไม่นานก็มาหยุดอยู่หน้าจวนแห่งหนึ่ง
“ที่นี่หรือ?”
“เรียนใต้เท้า ที่นี่ ทุกวันชุมนุมรอบหนึ่ง วันนี้เป็นวันชุมนุม ข้าน้อยเห็นนางพวกนั้นเข้าไปกันแล้ว!!”
หวังทงพยักหน้า ถานเจียงข้างๆ ถามขึ้นว่า
“นายท่าน เวลากระชั้นชิดหาเจ้าหน้าที่หญิง……”
หวังทงโบกมือ กล่าวว่า
“เชื่อเรื่องพวกนี้ ยังคิดจะให้ผู้อื่นไว้เกียรติอีกหรือ? เข้าไปจับกุม ต้องการยังมีลมหายใจ หากต่อสู้สังหารให้หมด”
คนด้านหลังตะโกนรับคำสั่งพร้อมเพรียง มีสองสามคนเดินเข้าไปด้านในแล้ว พอได้ยินคำสั่งหวังทง คนด้านหลังก็มีคนตะโกนคำสั่งต่อ หลายคนต่อตัวกัน ปีนข้ามกำแพงกันไปอย่างไม่รอช้า พวกผู้หญิงมารวมตัวกัน จะไปป้องกันตนเองได้อย่างไร พอมีคนอื่นก้าวเข้ามา ก็รีบเปิดประตูด้านในออก ทหารก็กรูกันเข้าไป
เสียงถีบประตู เสียงด่าทอด้วยความโมโห เสียงกรีดร้องของบรรดาสตรี ไม่นานก็ดังไปทั่ว คนรอบๆ ล้วนไม่รู้ว่าด้านนอกเกิดเรื่องอันใด มีคนคิดจะออกไปแอบดู มีคนคิดจะมองลอดช่องประตูออกมา แต่ก็เห็นเพียงแค่หัวคน มองไม่เห็นอันใดนัก มีคนใจกล้าคิดจะขึ้นไปดูบนหลังคา คิดไม่ถึงว่าบนหลังคามีทหารองครักษ์เสื้อแพรเฝ้าอยู่แล้ว พอโผล่หัวขึ้นไปก็ถูกด่าเสียงดังให้ลงไป
ไม่ต่างจากที่หวังทงคิดไว้นัก สตรีสิบกว่านางในนั้นจะไปต่อต้านอันใดได้ ไม่นานก็ถูกจับมัดโยนออกมาด้านนอก สตรีพวกนั้นล้วนตกใจจนเป็นใบ้ไปหมด ถึงกับแม้แต่ส่งเสียงร้องไห้หรือด่าทอก็ไม่มีเล็ดรอดออกมา
หวังทงมองทุกคนเบียดเสียดกันออกมา บรรดาสตรีเดินตามถนนก็เปิดเผยหน้ำตาแล้ว และก็รู้จักหวังทงมาบ้าง พอเห็นหวังทงปรากฏตัว ก็ตกใจไม่รู้จะทำอย่างไรดี
หวังทงกวาดตามองเยียบเย็น มองหญิงอายุราว 40 กว่าพวกนั้น เสื้อผ้าที่สวมเหมือนจะดีกว่าหญิงสาวชาวบ้านทั่วไป หญิงพวกนี้เข้าไปขายของในจวนคหบดีใหญ่ เป็นสะพานชักนำให้มาเข้ารีต แต่ก็เมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกคนก็ได้แต่หวาดกลัวลนลาน
ชาวบ้านเชื่อในสิ่งงมงายลัทธิมาร เดิมก็เป็นเรื่องที่ห้ามยาก สตรีมักเป็นพวกที่ถูกล่อลวงง่ายที่สุด หวังทงนำกำลังมาในครานี้ก็เพื่อให้ทุกคนได้รู้ว่าเกี่ยวพันกับเรื่องพวกนี้ สำนักองครักษ์เสื้อแพรเทียนจินจะไม่ปล่อยไว้แน่นอน จะต้องลงโทษให้หนัก
สำหรับพวกหญิงงมงายเลอะเลือนพวกนั้น สั่งสอนไปยกหนึ่ง ก่อนจะปรับลงโทษ จับขังคุก หวังทงยังคิดทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
กำลังจะเอ่ยขึ้น ก็มีนายกองร้อยผู้หนึ่งวิ่งออกมาจากในลานด้านหน้าอย่างรวดเร็ซ พอมาถึงข้างกายหวังทงก็กระซิบข้างหูว่า
“ใต้เท้า ข้างในมีพุทธรูปองค์หนึ่ง เป็นพุทธไตรสุริยันนั่น!”
หวังทงเอียงหน้ามองจ้องหน้า นายกองร้อยผู้นั้นพยักหน้าหนักแน่น หัวหน้าทหารองครักษ์เสื้อแพรและกองกำลังหู่เวยล้วนติดตามหวังทงสืบคดีนี้มากันแต่ต้น เห็นพุทธไตรสุริยันมาก่อนแล้ว และรู้ว่าเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งของใต้เท้าหวัง ย่อมไม่รอช้าที่จะมารายงาน
“ช่างไปมาไร้ร่องรอยเสียจริง เหมือนว่าไม่ว่าเวลาใดก็ออกมาสร้างเรื่องให้เราได้ตลอดเวลา เข้าไปดูกัน!!”
หวังทงแค่นเสียงเย็น ก้าวเท้ายาวๆ เข้าไปด้านใน คนด้านหลังรีบตามเข้าไปติดๆ ในลานเก็บกวาดเรียบร้อย แต่ในห้องกลับหญ้ารกฝุ่นจับ ยืนอยู่หน้าลานก็ได้กลิ่นธูปโชยมา หวังทงตอนนี้เริ่มมีฐานะ รู้แล้วว่ากลิ่นนี้ไม่ใช่กลิ่นเครื่องหอมของถูกๆ
พอเข้าไปในห้อง บนโต๊ะมีวางพุทธรูปไตรสุริยันบูชาอยู่ หวังทงเข้าไปมองดู ก็ส่ายหน้ายิ้มกล่าวว่า
“รื้อเรือนนี้ออก ค้นหาให้ทั่วทั้งบนและล่างอีกรอบ”
ทหารรับคำ หวังทงหันหลังเดินออกไป พอมาถึงลานด้านหน้า ก็ได้ยินเสียงคนร้องไห้ดัง เป็นการเคลื่อนไหวของสตรี ยืนอยู่ตรงประตู ก็เห็นนายกองร้อยคนหนึ่งชี้ไปที่คนผู้หนึ่งด่าเสียงดังว่า
“เจ้าไก่เฒ่า หากเจ้าทนไม่ไหว ก็ลงมือกับตัวเองซิ อย่ามามือไม้ปาดป่ายที่นี่ ทำขายหน้าพวกข้าหมด หากทำให้ข้าเห็นอีก ข้าจะจับออกไปตัดมือทิ้ง!”
ชายวัย 40 ผู้หนึ่งด่าทอด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทหารสำนักองครักษ์เสื้อแพรและกองกำลังหู่เวยขอหวังทงค่อนข้างเข้มงวดในเรื่องชายหญิง หากทำผิดระเบียบจะถูกไล่ออก จับขังคุกลงโทษ ถึงกับมีโทษประหาร เพราะเรื่องผู้หญิงนี้ เป็นเรื่องทำลายความฮึกเหิมและวินัยทหารอย่างร้ายแรง
ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าหวังทงก็ค้างนิ่งไป ทุกคนหรี่ตามองหวังทง นายกองร้อยนั่นรู้สึกเสียใจ คิดจะเอ่ยแต่ก็ลังเล คนที่ถูกสั่งสอนว่า ‘ไก่เฒ่า’ พอเห็นหวังทงก็ร้อนรน คิดรู้ว่าตนเองคงไม่รอด อึ้งไปครู่ ก่อนจะตะโกนอย่างไม่สนใจอันใด
“ใต้เท้า ที่ข้าน้อยล่วงเกินไม่ใช่สตรี!!”
วาจานี้ตะโกนดัง ทหารทุกคนก็รู้สึกเป็นห่วงเขา ได้ยินเช่นนี้ก็อดหัวเราะดังลั่นขึ้นไม่ได้ คนพวกนี้ล้วนเป็นสตรีแท้จริง จะไม่ใช่สตรีได้อย่างไรกัน
เจ้าไก่เฒ่าผู้นั้นร้อนใจยิ่ง ชี้ไปที่สตรีนางหนึ่ง กล่าวว่า
“ผู้นี้หน้าอกแข็งอย่างนี้ อายุเท่านี้แล้ว ยังจะมีได้อย่างไร ต้องเป็นของปลอมแน่!”
หวังทงขมวดคิ้วยิ่งแน่น ก้าวเท้ายาวๆ เข้าไป ยกมือตบบ้องหูคนผู้หนึ่ง เจ้าไก่เฒ่ากุมหน้าร้องไห้คร่ำครวญว่า
“ข้าน้อยมีความผิด แต่ลูบคลำไม่ใช่สตรี ไม่นับเป็นความผิด หากลูบคลำสตรี ข้าน้อยจะยืนเซ่อมองมือตัวเองอยู่ทำไมกัน เจ้าคนนั้น เจ้าคนนั้น”
หวังทงถีบเปรี้ยงเข้าที่ท้องทำเอาวาจากล่าวไม่ออก หันกลับไปดู สตรีที่เหลือก็ตกใจก้มหน้าลงกันหมด หากมีเพียงสตรีที่โพกผ้าขาวบนศีรษะนางหนึ่งหดตัวถอยกลับเข้าไป หวังทงกำลังคิดจะลงโทษเจ้าไก่เฒ่า ก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง หันไปมองแวบหนึ่งก่อนจะกล่าวน้ำเสียงเอาเรื่องว่า
“ทหาร!! พาเจ้าหน้าที่หญิงเรามาดูว่าใช่หญิงหรือไม่!!”
……
ไม่นาน สีหน้าทหารก็แปลกประหลาดรายงานว่า
“……สตรีนั่นเป็นชายไร้อัณฑะ……”