Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 648

ตอนที่ 648 ฝ่าบาทเหมือนผู้ใด

ในเมื่อฮ่องเต้ว่านลี่ต้องการรู้ว่าเฝิงเป่าจะพูดอะไร หวังทงจึงไม่กังวลอันใด ไปฉลองปีใหม่ที่บ้านหม่าซานเปียว พอวันที่ 1 เดือนหนึ่งก็พาคนไปยังโรงเตี๊ยม

เฝิงเป่ามีตำแหน่งขุนนาง ควรพักที่สถานีพักม้าของหลวง แต่เขาคนเยอะ สถานะยังสูงส่ง จึงมาเหมาโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในเทียนจินพักแทน

คนที่หวังทงพาไปก็มีหม่าซานเปียว ถานปิงและถานเจี้ยน หม่าซานเปียวเป็นเพราะรู้สึกขี้เกียจอยู่บ้าน จึงออกมาเดินเล่น แต่การพาถานปิงและถานเจี้ยนมาด้วยนั้นเป็นเพราะคิดอีกอย่างหนึ่ง

ถานปิงกับถานเจี้ยนแม้ว่าทำงานให้หวังทง ถานปิงตอนนี้ยังเป็นหัวหน้าหน่วยหนึ่งของหวังทง แต่เขาสองคนนี้กลับมีอีกสถานะเป็นสายลับจากสำนักองครักษ์เสื้อแพรและสำนักบูรพา แน่นอน ความลับนี้ไม่เรียกว่าความลับอันใด พวกหวังทงรู้กันหมดแล้ว แต่สถานการณ์เช่นนี้พาเขาสองคนมาด้วยก็เพื่อให้เป็นพยาน สถานะเฝิงเป่าอย่างไรก็ยังคงล่อแหลม

ท้องถนนคนไม่มาก ทหารบนหลังม้าสิบกว่านาย มุ่งไปยังโรงเตี๊ยมที่พัก ตามหลักแล้วโรงเตี๊ยมควรตั้งอยู่ปากน้ำในเมืองเดินทางสะดวก อย่างน้อยก็ต้องเป็นที่เห็นได้ชัด เช่นที่พักที่พวกหวังทงเพิ่งมาถึงเทียนจิน หากตอนนี้คลองส่งน้ำ แม่น้ำทะเลและริมทะเลเป็นบริเวณที่เจริญรุ่งเรืองมาก ในเมืองก็ย่อมต้องเงียบเหงากว่าเดิมมาก

ทว่าโรงเตี๊ยมร้านอาหารในเมืองกลับมีมากกว่าเมื่อก่อนมาก เป็นเพราะไว้ต้อนรับบรรดาคหบดีมีเงินในเทียนจิน โรงเตี๊ยมระดับนี้ไม่มีห้องพักติดกัน มีแต่เรือนพักเดี่ยว ราคาก็ราวสิบเท่าของโรงเตี๊ยมริมคลองส่งน้ำสิบหรือหลายสิบเท่าได้ รับรองเพียงแค่แขกร่ำรวย

การค้านี้ตอนแรกมีคนหัวเราะว่าคงไม่อาจประสบความสำเร็จ คิดไม่ถึงว่าเป็นที่นิยมในหมู่พ่อค้าคหบดีอย่างรวดเร็ว ที่พักเช่นนี้จึงเติบโตเร็วอย่างกับดอกเห็ด

เหตุผลก็เพื่อรองรับพ่อค้าใหญ่ ยังมีพ่อค้าจากท้องทะเลและที่ต่างๆ แขกคนสำคัญจากเมืองหลวง ล้วนไม่สนใจราคา ขอเพียงมีหน้ามีตาและอยู่สบายเท่านั้น โรงเตี๊ยมหรูระดับก็ตรงตามความต้องการพวกเขาพอดี

ต่อมาอย่างว่าแต่พ่อค้าร่ำรวยคหบดีใหญ่เลย แม้แต่ขุนนางผ่านมาเทียนจินก็ยังมาพักที่นี่ อย่างไรพวกเขาก็มีเงินไม่ขาดมืออยู่แล้ว

พวกหวังทงเข้าเมืองมา มาถึงหน้าประตูโรงเตี๊ยม ลูกน้องไปตามเถ้าแก่มา พอรู้ว่าที่มาคือหวังทง เถ้าแก่ก็ย่อมมิกล้าชักช้า รีบนำคนเข้าไปในโรงเตี๊ยม

โรงเตี๊ยมหรูหรานี้ หวังทงเคยได้ยิน หากได้เห็นเป็นครั้งแรก เดินเข้าไปจึงได้รู้ว่าตกแต่งด้านในแบบจวนคหบดีใหญ่ จากนั้นก็แยกออกไปแต่ละเรือน แต่ละเรือนก็มีคนรับใช้และสาวใช้ เรียกได้ว่าเหมือนคนงานในจวนใหญ่ ทำเอาหวังทงรู้สึกบอกไม่ถูก เห็นได้ชัดว่าเป็นรูปแบบเหมือนโรงแรมในสมัยชาติก่อนของหวังทง คนโบราณก็เป็นเหมือนกัน

เสือตายไม่ล้ม เฝิงเป่าสูญเสียอำนาจ ที่พักยังเป็นโรงเตี๊ยมที่ดีและใหญ่ที่สุด ได้ยินว่าคนทีติดตามมาก็มาพักที่นี่ด้วย

ตอนพวกหวังทงเดินเข้าไป ก้เห็นปากทางมีคนของเฝิงเป่ากำลังสอบถามคนงานโรงเตี๊ยม พอเห็นหวังทงมา ก็หรี่ตาไปด้านข้าง กล่าวต่อว่า

“น้องชาย เจ้ารู้ไหมว่าเทียนจินที่ใดมีขายกระดาษสำหรับเขียนพู่กันบ้าง ต้องการแบบชั้นดี”

“ปีใหม่เช่นนี้ ร้านขายกระดาษจะเปิดได้อย่างไร แต่ท่านก็ลองไปดูที่ร้านหยางหลิ่วตอนเหนือของเมืองดู ไปเคาะประตูเรียก บางทีอาจออกมาขายให้ท่าน”

“ขอบคุณน้องชาย”

คนงานตอบรับคำหนึ่งก่อนจะรีบออกไป หวังทงหันไปมองตามคนที่จากไป ยิ้มกล่าวว่า

“คนงานตระกูลเฝิงนี้ไม่ธรรมดาเลย หากเป็นคนของขุนนางที่สูญเสียอำนาจ เห็นพวกเราแต่งกายมากันแบบนี้ คนต้องลนลานไปแล้ว อย่างไรก็ต้องรีบวิ่งมาต้อนรับ หากคนผู้นี้กลับสงบนิ่งได้”

ถานปิงยิ้มเฝื่อนๆ กระซิบว่า

“เรียนนายท่านตรงๆ คนผู้นั้นดีไม่ดีเป็นสายที่ติดตามข้างกายเฝิงเป่า”

ได้ยินดังนี้ หวังทงก็อึ้งไป หลุดยิ้มส่ายหน้า ระดับเฝิงเป่าคนสำคัญเช่นนี้แม้ถูกขับออกจากวังหลวง คนที่วางใจในตัวเขาคาดว่าไม่มาก สำนักบูรพาและสำนักองครักษ์เสื้อแพรในวังเกรงว่าคงต้องส่งสายลับมาประกบ

“รองผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรหวังทงขอพบเฝิงกงกง!!”

หม่าซานเปียวตะโกนรายงานดังอยู่ด้านนอก ไม่นานด้านในก็มีชายวัยกลางคนวิ่งออกมา คนผู้นี้อยู่ในชุดสีน้ำตาลเข้มขลิบทองกระดุมหน้าติดเรียงเม็ดเรียบร้อย ชุดตัวในเป็นสีน้ำเงินแบบยาว จากประสบการณ์หวังทง เห็นครั้งแรกก็รู้แล้วว่าสถานคนผู้นี้ไม่ธรรมดา แต่ผมเหมือนจะไม่เรียบร้อยนัก สีหน้าอิดโรย เกรงว่าคนประสบเรื่องที่ไม่ได้ดังใจมา

“ที่แท้เป็นใต้เท้าหวัง ข้าน้อยเฝิงโหย่วหนิง คารวะใต้เท้าหวัง”

หากเป็นราษฎรทั่วไป คนไม่เอ่ยนำว่า ที่แท้เป็น คงต้องคุกเข่าโขกศีรษะคำนับก่อนแล้ว เฝิงโหย่วหนิงเองก็คุกเข่าได้เก้กังดีแท้

อย่างไรก็เคยเป็นนายกองพันแห่งสำนักบูรพามาก่อนหลายสิบปี วางอำนาจในเมืองหลวงมากเกือบ 20 ปีอยู่ ๆ มาเป็นราษฎรธรรมดา คงยังรับไม่ได้จริงๆ หวังทงส่ายหน้า ในใจก็รู้สึกบอกไม่ถูก รีบเข้าไปประคองขึ้นมากล่าวว่า

“หากมาเทียนจินต้องการอันใดก็มาหาข้าได้ พาข้าไปพบเฝิงกงกง!”

เฝิงโหย่วหนิงแม้ว่าเย่อหยิ่ง แต่ก็ไม่มีภัยอันใด ตอนนี้ท่าทางก็มีธรรมเนียมพอใช้ได้ หวังทงเองก็สุภาพ เฝิงโหย่วหนิงขอบคุณ จากนั้นก็หันหลังนำทางไป

เฝิงเป่าสูญเสียอำนาจ เฝิงโหย่วหนิงไม่อาจปฏิบัติงานต่อไป จึงต้องลากออกติดตามเฝิงเป่าไปหนานจิง ก็นับว่ากตัญญู บุตรหรือหลานบุญธรรมขันที ยามเรืองอำนาจก็มักกตัญญู แต่พอขันทีสูญเสียอำนาจ ก็รีบหันหน้าหนีหรือถึงขั้นเก็บเงินทองหนีหายจากไป เป็นเรื่องที่เห็นได้บ่อย

โรงเตี๊ยมจัดที่พักให้เฝิงเป่าแบบเรือนสองชั้น หม่าซานเปียวกับพวกถานปิงอุทานด้วยความตกใจ เฝิงโหย่วหนิงเข้าไปด้านในก็ตะโกนดังว่า

“ท่านอา ใต้เท้าหวังมาถึงแล้ว?”

“หวังทงมาถึงแล้ว รีบเชิญเข้ามาได้”

เฝิงเป่าน้ำเสียงยังคงมีพลัง ดูไม่เหมือนตกใจกับเหตุการณ์ตอนนี้เท่าไร เฝิงโหย่วหนิงผายมือเชิญ หวังทงก้าวเข้าไป พวกถานปิงจะตามเข้าไป เฝิงโหย่วหนิงกลับขวางไว้กล่าวว่า

“ท่านอาบอกว่า หากจะฟังให้ฟังอยู่ข้างหน้าต่าง ในห้องไม่ค่อยสะดวก พอสนทนาเสร็จก็จะเขียนคัดลอกให้ใต้เท้าหวังนำไปทูลที่เมืองหลวง”

ถานปิงกับถานเจี้ยนสบตากัน ก่อนจะหยุดเดิน อีกฝ่ายกล่าวเช่นนี้ พวกเขาตอนนี้ก็กินเงินเดือนหวังทง เป็นคนหวังทง บางเรื่องก็ไม่อาจกระทำการออกนอกหน้าได้ ได้แต่พยักหน้าหยุดเดินตาม

พอหวังทงเข้าไปในห้อง ก็เห็นว่าแสงด้านในสว่างอย่างมาก กลางวันถึงกับจุดโคมไปสว่างสี่ตำแหน่ง เฝิงเป่าไพล่มือยืนอยู่ด้านหน้ากำแพง บนกำแพงแขวนภาพอักษร เฝิงเป่าหันมามอง ยกมือชี้ไปที่อักษรบนภาพ กล่าวว่า

“อักษรแบบหวังซีจือ[1]ของข้า เจ้าว่าเป็นอย่างไร?”

หวังทงตอนนี้พอเขียนอักษรจีนด้วยพู่กันพอได้ เขียนหนังสืออ่านหนังสือไม่มีปัญหาอันใด แต่อักษรหวัดแบบศิลปะพู่กันนี้สำหรับเขาราวกับภาษาเทพ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะวิจารณ์ว่าดีหรือไม่ แต่หวังทงก็เคยได้ยินคนพูดถึงฝีมือพู่กันของเฝิงเป่ามาไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ล้วนบอกว่าหากเฝิงเป่าไม่เป็นขันที ฝีมือระดับนี้เป็นศิลปินพู่กันแห่งยุคได้เลย

“หวังทงไม่รู้เรื่องพู่กัน แต่เห็นอักษรของเฝิงกงกง ก็เหมือนว่ามีพลังกระทบถึง”

“เจ้ารู้จักพูดจาเหมือนกันนะ อยู่ในวงการขุนนางมานาน ฝึกฝนมากพอควรแล้ว แต่ข้าก็เป็นครั้งแรกที่มีคนชมเช่นนี้”

ได้ยินวาจาหวังทง เฝิงเป่าก็หลุดหัวเราะออกมา หันมากล่าวว่า

“อักษรพู่กันข้าห้าปีก่อนก็ไม่มีพัฒนาการอันใด ยังคิดว่าชาตินี้คงได้แค่นี้แล้ว คิดไม่ถึงว่าพอออกจากเมืองหลวงมา กลับก้าวขึ้นไปได้อีกขั้น ช่างเป็นโชคดีหลังเจอเคราะห์เสียจริง มีได้มีเสีย”

หวังทงถึงกับรู้สึกว่า เฝิงเป่าไม่ต่างอันใดกับห้าปีก่อน แต่พอดูให้ดีก็เห็นว่าผมขาวขึ้นไม่น้อย จางซื่อเหวยแค่สิบกว่าวัน คนที่ได้พบเห็นล้วนว่าแก่ลงไปมาก ในวังก็ได้ข่าวว่าไทเฮาเองก็พระเกศาขาวขึ้น กลับคิดไม่ถึงว่าเฝิงเป่ายังมีจิตใจหนักแน่นเช่นนี้ได้

ท่าทางเฝิงเป่ายังคงมีท่าทางแบบหัวหน้าขันทีสำนักส่วนพระองค์ ยกมือชี้ไปให้หวังทงนั่งลง กล่าวว่า

“ชาเพิ่งยกมา เจ้ารินให้ตัวเองละกัน นั่งลงคุยกับข้า”

พอเห็นเฝิงโหย่วหนิง หวังทงเดิมคิดว่าคงจะได้เห็นคนแก่ที่อิดโรยเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าจะไม่ได้เป็นดังคิด แปลกใจก็ส่วนแปลกใจ หากรู้สึกผ่อนคลายลงมาก รินชาให้ตนเอง จากนั้นนั่งลง เฝิงเป่าก็นั่งลงตาม รินน้ำชาให้ตนเองเช่นกัน ยกขึ้นจิบไปคำหนึ่งก็กล่าวว่า

“ตอนเรียนอยู่ในสำนักศึกษาในวัง มีมหาบัณฑิตมาสอนหลายคน เหยียนซงเองก็เคยมา ที่เขาสอนล้วนเป็นหลักการที่ควรกระทำ ยังมีสิ่งที่ไม่ควรกระทำ มีวาจาหนึ่งข้าจำมาตลอด หลายวันนี้เริ่มมาคิดดู พูดว่าอันใดนะ อ่อ พูดว่า ‘ขุนนางก็คือขุนนาง บ่าวก็คือบ่าว ต้องจดจำสถานะตนเองให้มั่น ไม่อาจละเลยธรรมเนียม’ เขาว่าได้ถูกต้อง บ่าวและขุนนางทั้งหลาย ไม่ว่าสร้างความดีความชอบมากเพียงใดก็เท่านั้น ฝ่าบาทก็ยังคงเป็นฝ่าบาท ฝ่าบาทตรัสคำเดียว บ่าวอย่างเราไม่ว่าจะอย่างไร ก็ย่อมถูกแปลงกายกลับสู่สภาพเดิม สิบปีมานี้ข้าลืมสถานะนี้ไปได้อย่างไร!”

กล่าวจบ เฝิงเป่าก็ถอนหายใจ ส่ายหน้าจิบไปอีกคำ หยิบผ้าขึ้นเช็ดมือที่เปื้อนหมึก หลุดยิ้มกล่าวว่า

“ออกจากเมืองหลวงมานิ่งคิด บางเรื่องก็คิดได้กระจ่างแล้ว คิดได้ตกแล้ว ชีวิตนี้ตั้งแต่ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาในวังมา ไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งสำคัญ มาจนได้เป็นหัวหน้าสำนักขันที แต่ละก้าวที่ก้าวเดินมาถึงตอนนี้ วันๆ คิดมาก วางแผนมาก มาถึงตอนนี้คิดแล้ว มีประโยชน์อันใดกัน ตายแล้วก็เอาไปไม่ได้ ตกทอดให้คนอื่น ดีไม่ดียังนำภัยมาสู่คนตระกูลเฝิงอีก ดีที่หยุดแค่นี้ ตอนนี้ดีมากๆ แล้ว!”

หวังทงยิ้ม หันไปประสานมือคำนับไปยังเมืองหลวง กล่าวว่า

“ฝ่าบาทก็คงยังทรงคิดถึงเฝิงกงกงหลายปีที่ผ่านมา จึงทรงพระเมตตาเช่นนี้ เฝิงกงกงคิดตกนับว่าดีที่สุดแล้ว วันหน้าปล่อยวางใช้ชีวิตบั้นปลายให้สบายเถอะ!”

“เห็นฝ่าบาทเติบใหญ่ เดิมคิดจะช่วยเหลือให้มาก ให้ฝ่าบาทโดนคนอื่นรังแกให้น้อยหน่อย ผู้ใดจะคิดว่าจะมาถึงขั้นนี้ได้ ตอนแรกนั้นคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ……”

น้ำเสียงเฝิงเป่าเหมือนพูดไม่ออก กล่าวจบตรงนี้ก็ส่ายหน้า กระแอมไอกล่าวว่า

“หากต้องการพูดเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ คงไม่จำเป็นต้องไปเชิญเจ้ามานั่งสนทนาที่นี่ มาครั้งนี้มีเรื่องบางเรื่องอยากฝากไว้ ข้าถามเจ้า เจ้าว่า การกระทำของฝ่าบาทเหมือนผู้ใด?”

………………..

[1] นักพู่กันจีนชาวราชวงศจิ้นตะวันออกที่มีชื่อของจีน ลายมือเป็นที่ยกย่องว่างดงาม นักพู่กันรุ่นหลังเอาเป็นแบบในการเขียนพู่กัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!