Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 723

ตอนที่ 723 พูดมั่วด้วยไม่รู้ ชายแดนตอนเหนือตึงเครียด

เทียบกับการต้องถูกขังตายอยู่ในเมือง ต้องอดมื้ออิ่มมื้อ ไม่สู้ไปเป็นชาวนานอกเมือง แม้ว่าต้องจ่ายภาษีแรงงงาน แต่ลำบากไปก็ได้ตอบแทนมา แม้ไม่ทำไร่ทำนาก็ยังทำอย่างอื่นได้ เชื้อพระวงศ์พวกนี้ย่อมรู้ว่าควรสละอันใดเลือกอันใด

พอหวังทงถามออกไป ยังถามอีกว่า ‘เชื้อพระวงศ์ในเมืองมีผู้ใดคิดเหมือนพวกท่านอีกไหม?’ คำตอบก็ชัดเจนยิ่งว่า ‘แม้ไม่รู้คนอื่นคิดเช่นไร แต่หากมีที่นาให้ทำไร่ทำนาได้จริง เช่นนั้นทุกคนย่อมยินดีจนตัวลอยเลยทีเดียว’

กล่าวเช่นนี้ก็ไม่ต้องกล่าวอันใดต่อแล้ว เชื้อพระวงศ์ที่มาทุกคนได้รับไปคนละหลายร้อยอีแปะ จากนั้นก็ให้กลับไป กำหนดจัดเลี้ยงผู้แทนพระองค์มีในวันนี้ คืนนี้จัดงานต้อนรับ ทุกคนล้วนไม่มีวาจากล่าวอันใด ช่างเดาไม่ออกว่าหวังทงต้องการอันใด ที่ทำที่พูดมานั้นล้วนกระทบใจ อย่างไรก็รักษาระยะห่างไว้ดีกว่า

“ฝ่าบาทแม้ทรงโปรดใต้เท้าหวัง แต่พวกเราเป็นข้าในพระองค์อย่างไรก็ควรทำการให้รอบคอบ อย่าได้ทำให้ทรงไว้ใจคนผิด”

ตอนทุกคนกลับออกไป ผู้ตรวจการมณฑลซานซีกำชับขึ้น หวังทงพยักหน้ารับขอบคุณตามมารยาท

วาจาที่กล่าวกันในกรมปกครองมณฑลซานซีนี้ ก็แพร่ไปทั่วเมืองอย่างรวดเร็ว หากเป็นนโยบายที่ดำเนินการต่อได้ ไม่ว่าต่อเมืองไท่หยวน ต่อมณฑลซานซี หรือต่อเชื้อพระวงศ์ที่ยากลำบากใต้หล้าแล้ว ล้วนเป็นเรื่องดี แต่เกือบสองร้อยปีมานี้ ไม่มีผู้ใดทำได้สำเร็จ หวังทงอายุน้อยเพียงนี้ หรืออาจไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ปากก็พูดพล่อยไปเช่นนั้น ไม่มีผู้ใดเห็นเป็นเรื่องจริงจัง

หวังทงอาศัยเรื่องติดค้างเบี้ยพระราชทานเชื้อพระวงศ์มามณฑลซานซี แต่เรื่องนี้นอกจากขุนนางใหญ่รู้แล้ว คนนอกไม่เอ่ยถึง เงียบมาก

ตอนนี้แต่ละแห่งในมณฑลซานซี โดยเฉพาะเมืองไท่หยวนกับเมืองต้าถง สมคบกับพวกทุ่งหญ้านอกด่านมากที่สุด กองโจรม้าเหิมเกริม ปล้นชิงขบวนการค้า สร้างความเสียหายอย่างมาก

คำฟ้องร้องของร้านค้าตระกูลหวงส่งไปถึงขุนนางแต่ละหน่วยงาน พ่อค้าอื่นๆ ก็พากันไปติดต่อตามเส้นสายของตน ทำเอาสะเทือนทั่ววงการขุนนาง อำนาจการปกครองชาวบ้านมณฑลซานซีตอนนี้อยู่ในมือของผู้ตรวจการมณฑลซานซีกับเจ้ากรมปกครอง การทหารอยู่ในมือแม่ทัพใหญ่เมืองต้าถง แต่ที่มณฑลซานซี ไม่ได้สถานะสูงกว่าสองคนข้างต้น

เมืองต้าถงมีสายเชื้อพระวงศ์ แม้ว่าอ๋องไร้อำนาจ แต่ก็มีอิทธิพลเก่าอยู่ สามารถทูลรายงานราชสำนักได้ตลอดเวลา ฮ่องเต้ก็ใส่พระทัยมาก

อดีตมหาอำมาตย์จางซื่อเหวยก็เป็นคนเมืองผูโจว แม้ว่ากลับไปไว้ทุกข์บิดา แต่ระดับขุนนางยังคงอยู่ ระดับขุนนางใหญ่เพียงนี้ พวกผู้ตรวจการก็ย่อมปฏิบัติต่ออย่างระมัดระวัง ยิ่งไม่ต้องพูดถึง พรรคพวกจางซื่อเหวยในราชสำนักตอนนี้กำลังครองอิทธิพลใหญ่อยู่

จะว่าไป มณฑลซานซีห่างจากเขตปกครองเหนือไม่ไกล มีข่าวอันใดก็ย่อมนำขึ้นรายงานได้รวดเร็ว เมืองหลวงมีราชโองการมาก็ไม่ต้องใช้เวลานานมาก

ใต้หล้าล้วนรู้ดีกว่าการทำการค้ากับพวกนอกด่านสร้างกำไรมหาศาล พวกราชสำนัก พวกท้องที่ ไม่รู้ว่ามีคนเท่าไรที่ยื่นมือเข้าข้องเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ขบวนพ่อค้าทุ่งหญ้านอกด่านถูกปล้น สินค้าถูกปล้นไปหมด ความเสียหายครั้งหนึ่งสำหรับพ่อค้าใหญ่แล้ว ไม่เรียกว่าระคายผิวหนังสักเท่าไร แต่ความเหิมเกริมของกองโจรม้าจะทำให้การค้าไม่ราบรื่น อาจถึงขั้นส่งผลเลวร้ายที่ทำให้เส้นทางการค้าถูกตัดขาดก็เป็นได้ เรื่องนี้ต่างหากที่จะสร้างความเสียหายหนัก

ปากก็อ้างคุณธรรมกันไป ความจริงคือเงินทองเกิดความเสียหายต่างหากที่เรียกได้ว่าราวกับเฉือนเนื้อออกไป ผู้ใดจะยินยอม ขบวนพ่อค้าที่ถูกปล้นคอตกกลับมา จดหมายส่งไปยังเมืองต้าถงหน่วยงานต่างๆ แต่ละคนล้วนแจ้งต่อขุนนางใหญ่ที่หนุนตนเบื้องหลังให้ทราบเรื่องนี้

เดิมขุนนางบุ๋นบู๊มณฑลซานซีสองฝ่ายและขุนนางท้องที่ล้วนสนใจแต่เรื่องจุดประสงค์ผู้แทนพระองค์มามณฑลซานซี ผ่านไปสองสามวัน แต่ละคนก็ไม่สนใจเรื่องเชื้อพระวงศ์อีก กองโจรม้ากลายเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดในตอนนี้แล้ว

**************

“ใต้เท้าตรวจสอบ ปราบปรามกองโจรม้า คืนสันติสุขแก่เส้นทางการค้าเรื่องนี้ มีหลายตระกูลส่งเทียบมาแจ้งแล้ว มีทั้งจวนอ๋องไต้ พี่จางที่เมืองผูโจว และยังอีกหลายตระกูลที่มีสายสัมพันธ์จากเมืองหลวง ว่ากันว่าเทียบพวกนั้นจะมาถึงในอีกไม่กี่วันนี้”

ผู้ตรวจการควบตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่สำนักตรวจสอบ ดังนั้นจึงเรียกว่า ใต้เท้าตรวจสอบ ได้ยินเจ้ากรมปกครองกล่าวเช่นนี้ ผู้ตรวจการมณฑลซานซีอวี๋จวินอิ๋วที่นั่งอยู่ก็สบถในลำคอไม่พอใจกล่าวว่า

“ปราบปรามกองโจรม้าก็ต้องขึ้นเหนือ นั่นเป็นที่ล่าสัตว์พวกนอกด่าน จะไปปราบปรามยังไง ส่งทหารไป หากต้องโทษเคลื่อนกำลังพลการผู้ใดรับผิดชอบ หรือต้องให้ข้ามาแบกรับผิดแทนพวกเขา คิดให้ดี เรื่องนี้เกี่ยวพันกับชายแดนเมืองต้าถง ทำไมต้องขอให้เมืองไท่หยวนไปช่วย”

ผู้ตรวจการแม้มีท่าทีเช่นนี้ แต่วาจาก็ยังเข้าข้างเจ้ากรมปกครอง เจ้ากรมปกครองยิ้มเฝื่อนๆ กล่าวว่า

“รองแม่ทัพหม่าทางนั้นตอนนี้เอาแต่หดหัว บอกว่าตนเองมาทำหน้าที่แม่ทัพชั่วคราว เรื่องนี้ไม่อาจตัดสินใจ ยังต้องรอให้ราชสำนักแต่งตั้งแม่ทัพใหญ่เป็นทางการมาก่อน”

“……ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เฉินฟางป๋อเจ้าจะกลุ้มใจอะไรกัน รอให้เทียบแจ้งรายงานมาถึง เราก็แค่ผลักไปให้เมืองต้าถง……”

ผู้ตรวจการกับเจ้ากรมปกครองตัดสินใจเช่นนี้เหมือนกัน มีคนมาแจ้งทางการว่าสินค้าตนถูกปล้น ไม่ต้องสนใจ บอกแค่ว่าขุนนางแผ่นดินหมิงสนใจดูแลแค่เรื่องบนแผ่นดินหมิง เรื่องทางเหนือไม่ใช่เขตพื้นที่แผ่นดินหมิง ไม่อยู่ในเขตรับผิดชอบ

คำอธิบายเช่นนี้จะทำให้คนยอมรับได้อย่างไร บรรดาผู้หนุนหลังพ่อค้าพวกนั้นก็กระทืบเท้าไม่พอใจกันยกใหญ่ คิดทำการค้าชายแดนเช่นนั้น อย่างไรก็ย่อมมีค่าน้ำร้อนน้ำชาขุนนางใหญ่น้อยไม่น้อย ผู้ตรวจการและเจ้ากรมปกครองไปจนถึงระดับล่างทั้งหลาย ผู้ใดไม่รับเงินพวกนี้ ไม่อาจปล่อยให้พอเกิดเรื่องก็บอกมาคำเดียวว่าไม่อยู่ในเขตรับผิดชอบ เอาแต่ดูดายไม่สนใจเช่นนี้

มีพ่อค้าใหญ่บางคนถึงกับสบถด่าออกไป มีบางคนเขียนจดหมายไปร้องทุกข์กับเจ้านายที่ใหญ่ที่เมืองหลวง พ่อค้าตระกูลใหญ่หลายคนมีลูกหลานเป็นขุนนางในเมืองหลวง พอได้รับจดหมายจากบ้านเกิดมาเช่นนี้ อย่างไรก็ต้องเขียนฎีการายงานราชสำนักกัน

พ่อค้าระดับกลางและเล็กที่ถูกปล้นแม้ว่าไม่ได้มีที่พึ่งใหญ่เหมือนคนอื่น แต่เงินทองที่หามาได้อย่างยากลำบากถูกปล้นไป ไหนเลยจะยอมรับได้ อย่างไรก็ต้องไปเอาเรื่องที่ทำการขุนนางในเมืองเสียบ้าง วันๆ เอาแต่ไปตีกลองร้องทุกข์ไม่หยุด

หากเป็นเมื่อก่อน พ่อค้าที่ไม่มีขุนนางหนุนหลังไหนเลยกล้ามาก่อเรื่องเอะอะโวยวายหน้าที่ทำการเช่นนี้ ต้องถูกเจ้าหน้าที่คว้าไม้พลองน้ำไฟออกมาตีขับไล่ ไม่งั้นก็จับเข้าตากแดดให้แห้งตายไป

แต่ตอนนี้น่าประหลาดอยู่ ที่ทำการขุนนางแต่ละแห่งล้วนมีทหารองครักษ์เสื้อแพรจับตาดูอยู่ แม้ว่าไม่รู้ว่าองครักษ์เสื้อแพรจับตาดูเรื่องอันใด แต่ผู้แทนพระองค์หวังทงอยู่มณฑลซานซี เป็นถึงรองผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพร ทหารองครักษ์เสื้อแพรเป็นสายสืบคอยจับตาแทนเขา มีหูมีตาผู้แทนพระองค์จับตาดู ทุกคนจะทำอันใดก็ย่อมต้องรู้หนักเบา

พ่อค้าระดับกลางและเล็กกำลังโวยวาย จวนอ๋องไต้และตระกูลจางเมืองผูโจวส่งสารไปยังขุนนางเมืองหลวงแต่ละท่านล้วนได้รับแล้ว

เรื่องมาถึงขั้นนี้ ท้องที่ไม่กล้าจัดการโดยพลการ ไม่เช่นนั้นอนาคตตนไม่อาจรับประกันได้แล้ว อย่างไรก็ต้องไปสอบถามสักหน่อย พอดีเวลานี้มีราชโองการจากเมืองหลวง ขุนนางสายมณฑลซานซีพากันยื่นฎีกา พ่อค้าแผ่นดินหมิงถูกปล้น ราชสำนักมีราชโองการถามไป

ปลายเดือนเก้า ราชโองการมาถึงมณฑลซานซี แต่ราชโองการนี้กลับทำให้บรรดาขุนนางมณฑลซานซีเบาใจ เพราะความรับผิดชอบไม่ได้อยู่กับพวกเขา หากราชโองการชัดเจนว่าให้ ผู้แทนพระองค์หวังทงนำกำลังออกปราบปรามกองโจรม้า

**************

แผ่นดินหมิงวุ่นวายกันเช่นนี้ เผ่าอันต๋าเมืองกุยฮว่าเฉิงก็ไม่ได้แตกต่างสักเท่าไร ขบวนพ่อค้าพวกเขาไม่ได้ถูกปล้นมากเหมือนพ่อค้าแผ่นดินหมิง แต่ความเสียหายก็ไม่น้อย

ตั้งแต่ข่านเผ่าอันต๋าครองอำนาจบนผืนที่นี้ ก็เกือบ 50 ปีแล้วที่ไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องขบวนพ่อค้าที่เผ่าอันต๋าให้การคุ้มครอง กองโจรม้าพวกนี้ลงมือเหี้ยมโหด พอโจมตีขบวนพ่อค้าเสร็จ ก็จับคนไปตัดหัวทิ้ง

ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ มักมีคนหนีกลับมาได้มาตามคนกลับไปช่วย แต่พอกลับไปก็เห็นแต่ซากศพที่ไม่ครบท่อน ในเวลานี้ กลิ่นคาวเลือดมักนำพาให้สัตว์ป่าออกมาไล่ล่าหาอาหาร

ชนชั้นสูงนอกด่านที่สามารถส่งขบวนพ่อค้าออกไปทำการค้านั้นไม่มาก ไม่ต้องพูดถึงสถานะ หากไม่มีกำลังคนถึงหลักพัน ผู้คุ้มกันขบวนการค้าก็หายากแล้ว ไม่ต้องรอให้กองโจรม้ามาปล้น หัวหน้ากองทหารพวกเขาเองก็กินรวบไปก่อนแล้ว

คนพวกนี้ถูกปล้นชิง คนในเผ่าถูกสังหาร ย่อมต้องหาทางเอาคืน นับประสาอันใดกับขบวนพ่อค้ามเหสีสาม เซิงเก๋อตูกู่เหลิงขึ้นเป็นข่านได้ไม่ถึงสองปีก็เห็นความสำคัญ ทหารม้าเมืองกุยฮว่าเฉิงเริ่มกระจายกำลังกันออกไปไล่ล่ากองโจรม้าบนทุ่งหญ้านอกด่าน

หลังกองทหารม้าถูกส่งออกไป ก็เจอร่องรอยกองโจรม้าจริง ตอนขบวนพ่อค้าถูกปล้น ก็มีทหารม้า 300 กว่าไล่ตามมา

ทหารม้าสู้กับกองโจรม้า ก็น่าจะเห็นผลที่คาดเดาได้ แต่พอทหารม้าไล่ตามมาถึง กองโจรม้ากลับไม่หนี หากยังยิงธนูใส่หลายระลอกจากบนรถ จากนั้นจัดแถวม้าก่อนตะลุยเข้าใส่ พวกทหารม้านอกด่านแตกตื่น วิ่งกันกระจัดกระจายสี่ทิศ พอสังหารไปได้สิบคนก็เริ่มแตกตื่นยิ่งกว่าเดิม ได้แต่มองดูกองโจรม้าลอยนวลจากไปตาปริบๆ

ข่าวรายงานต่อๆ กันมา เมืองกุยฮว่าเฉิงเริ่มแตกตื่น เซิงเก๋อตูกู่เหลิงออกรบกับข่านเผ่าอันต๋าแต่เล็ก มีความรู้สึกไวในเรื่องพวกนี้มาก กองโจรม้าสังหารทหารม้าเผ่าอันต๋าได้ คนระดับนี้บนทุ่งหญ้านอกด่าน หากไม่ใช่ขุนพลใหญ่ ก็ย่อมต้องเป็นวีรบุรุษที่ครองพื้นที่ยิ่งใหญ่ จะมาเป็นกองโจรม้าได้อย่างไร ทัพม้าเข็มแข็งเช่นนี้ อธิบายได้อย่างเดียว ก็คือกองทหารจากเผ่าใหญ่เผ่าอื่น หรืออาจเป็นทหารแปรพักตร์เผ่าอันต๋า หรืออาจเป็นทหารแผ่นดินหมิง……

ทหารเมืองต้าถงอ่อนแอปวกเปียก ไม่กล้าออกมารบเกือบร้อยปี เซิงเก๋อตูกู่เหลิงสงสัยทหารเมืองต้าถงน้อยที่สุด หลายครั้งมา ทำให้เริ่มวิเคราะห์กองโจรม้าได้แล้ว น่าจะราว 400 คนได้ สวมเกราะครบ มักปลอมตัวเป็นขบวนพ่อค้าพร้อมรถขนสินค้าหลายคัน

กองกำลังเช่นนี้ไม่อาจปล่อยไปได้ ทหารม้าทุ่งหญ้านอกด่านส่งออกไปปราบต้องกำลังพันคน และต้องระมัดระวังให้รอบคอบ ต้องทำลายกองโจรม้ากลุ่มนี้ให้ได้ ไม่อาจปล่อยให้เป็นภัยต่อไป

ข่าวต่างๆ จากพ่อค้าแผ่นดินหมิง ไม่ว่าเผ่าอันต๋า รู้มาเองหรือสืบมา ต่างว่ากองโจรม้าพวกนี้อยู่แถบชายแดนแผ่นดินหมิง ทหารม้าเผ่าอันต๋าก็คงต้องไปเลียบแถบนั้น

ทหารม้าพวกนอกด่านอยู่มาประชิดชายแดนจำนวนมาก ในช่วยปลายฤดูใบไม้ร่วงต้นหนาว ทหารชายแดนก็รู้ว่าหมายถึงสิ่งใด จะว่าไป แผ่นดินหมิงระวังพวกมองโกลมาตลอด บนทุ่งหญ้านอกด่านก็มีสายวางไว้หลายแห่ง อีกฝ่ายว่ามาปราบปรามกองโจรม้า แต่ผู้ใดก็ไม่กล้าเชื่อเช่นนั้นโดยไม่สงสัย

ป้อมกำแพงเมืองต้าถงแต่ละแห่งเริ่มส่งรายงานไปยังในเมืองต้าถง เมืองต้าถงส่งรายงานด่วนไปยังเมืองหลวง ต้นเดือนสิบ ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 11 เมืองต้าถงมีรายงานด่วน ชายแดนตอนเหนือเกิดความตึงเครียด!!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!