ตอนที่ 725 วางแผนจัดการ
เดือนสิบ ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 11 ฮ่องเต้ว่านลี่มีราชโองการให้รองผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรหวังทงเป็น ‘ผู้บัญชาการเมืองต้าถง’ นำกำลังเมืองต้าถงออกปราบกองโจรม้า ป้องกันพวกนอกด่าน
ราวปลายเดือนเก้า ทหารม้านอกด่านก็เริ่มมาใกล้ชายแดนเมืองต้าถงกันมากขึ้น ต้นเดือนสิบเมืองหลวงก็มีราชโองการ สำหรับแผ่นดินหมิงแล้ว นี่เป็นประสิทธิภาพที่หาได้ยากยิ่ง
ผู้บัญชาการต้าถงจะกล่าวให้ถูกก็เหมือน ‘ผู้บัญชาการมณฑลทหาร’ ผู้บัญชาการมณฑลทหารซานซีเดิมรับผิดชอบพื้นที่เมืองเซวียนฝู่กับเมืองต้าถง หวังทงได้รับหน้าที่ดูแลบัญชาการเมืองต้าถง ผู้ตรวจการเมืองต้าถง นายอำเภอเมืองต้าถงและขุนนางลำดับต่างๆ ลงไปทั่วเมืองต้าถง ทั้งระดับชาวบ้านและทหารก็ล้วนอยู่ใต้การบัญชาการของหวังทง
ขันทีจากเมืองหลวงประกาศราชโองการเสร็จ ยังส่งธงคำสั่งแม่ทัพเมืองต้าถงให้กับหวังทง ก็หมายความว่า หวังทงสามารถเคลื่อนกำลังทหารชายแดนเมืองต้าถงได้
รับราชโองการที่เมืองไท่หยวนเสร็จ ขันทีประกาศราชโองการพักสองวันก่อนเดินทางกลับ ว่ากันว่าขันทีตอนอยู่สถานีพักม้า ขันทีคุมเสบียงสวีเหวินเมืองต้าถงก็ส่งคนสนิทไปทักทาย
อย่างไรก็ต้องส่งมอบของขวัญมีค่าไม่น้อยให้ไป ขันทีคุมเสบียงเดิมมีอำนาจใหญ่ไม่น้อย แต่ตอนนี้มีหวังทงมาอยู่บนหัวเขาอีกที อย่างไรก็ต้องซักถามให้กระจ่าง
“จางเฉิง จางกงกงมักบ่นถึง โจวอี้ โจวกงกงทางนั้น ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับใต้เท้าหวัง……”
ขันทีประกาศราชโองการก็รู้การควรไม่ควร เรื่องเบื้องบนไม่รู้กล่าวหรือไม่ คนอื่นไม่อาจรู้ได้ แต่อีกสองวันต่อมา สวีเหวินก็รีบส่งคนไปสอบถามว่า หวังทงจะมาเมืองต้าถงเมื่อไร ท่าทางนอบน้อมยิ่ง
ทุกหน่วยในมณฑลซานซียังคงงงกันอยู่ ผู้ตรวจการท่านนี้เห็นๆ ว่า มาสอบเรื่องเบี้ยพระราชทานเชื้อพระวงศ์ อยู่ๆ มาเป็นผู้บัญชาการปราบปรามกองโจรม้า อยู่ๆ มาเป็นผู้บัญชาการเมืองต้าถง เตรียมทั้งปราบโจร ทั้งออกรบ
แต่ใต้เท้าที่ไม่ค่อยทำอะไรตามแบบแผนเช่นนี้ไปเมืองต้าถงก็ดี พฤติกรรมตรวจเบี้ยพระราชทานเชื้อพระวงศ์ต่างๆ นานาแม้ไม่ได้เกิดเรื่องกับผู้ใด แต่ทุกคนไม่เข้าใจเรื่องที่ทำ อย่างไรก็รู้สึกกังวลใจ
ทั่วทุกพื้นที่เริ่มสาละวนเตรียมการ หากมีคนลองตั้งใจคิดให้ดี ก็จะพบว่าบางเรื่องไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย เช่นว่า ในวังมีราชโองการทันเวลาเกินไปหน่อยไหม แม้ว่าเดินทางสะดวก แต่หรือว่าพอพลส่งฎีกาด่วนไปถึงเมืองหลวง เมืองหลวงก็มีราชโองการในทันทีอย่างนั้นหรือ
คิดให้ดี ดีไม่ดีแค่ออกจากประตูเมือง ขันทีถ่ายทอดราชโองการก็ออกจากเมืองหลวงมาแล้ว และสีหน้าขันทีถ่ายทอดราชโองการยังซีดขาว ท่าทางเหน็ดเหนื่อยมาก ตลอดทางน่าจะไม่ได้หยุดพักเท่าไร ดูท่าม้าเร็วมาอย่างเร่งด่วน นี่มันไม่ถูกต้องตามธรรมเนียม เมืองต้าถงเพียงแค่รายงานเหตุด่วน ไม่ได้ถึงเวลาเร่งด่วนจริงๆ ขันทีถ่ายทอดราชโองการไยต้องเร่งรีบมาอย่างรีบร้อนเช่นนี้ด้วย
แต่เรื่องรายละเอียดพวกนี้ ผู้ใดจะไปสนใจกัน มาช้าเร็วไปวันสองวัน ต้องมาซักถามให้กระจ่างให้ได้ด้วยหรือ ให้ฮ่องเต้เอาราชโองการคืนงั้นหรือ
***********
จวนแม่ทัพใหญ่เมืองต้าถงถูกเก็บกวาดให้ว่างลง หวังทงเข้าไปพักทันทีอย่างไม่ปฏิเสธ ในเมื่อให้เขาเป็นผู้บัญชาการเมืองต้าถง ผู้บัญชาการมณฑลทหารซานซีเวิงวั่นต๋าก็ย่อมไม่ต้องทำอันใด ประจำในพื้นที่ตน ไม่ต้องมาที่นี่อีก
คนที่เหลือก็มีผู้ตรวจการเมืองต้าถงเหมยเหวินจิ้น ขันทีคุมเสบียงสวีเหวิน รองแม่ทัพหม่าต้งเมืองต้าถงย่อมต้องมาหารือ นอกจากเหมยเหวินจิ้น สวีเหวินกับหม่าต้ง หนึ่งขันที หนึ่งขุนนางบู๊ ที่ต่างรู้สถานะหวังทงดี ท่าทีสองคนเป็นเช่นนี้ เหมยเหวินจิ้นก็ได้แต่ตามน้ำไป
“ใต้เท้าหม่ากล่าวได้มีเหตุผล หากใช้กำลังเมืองต้าถง ไม่พอจะต่อกรกับเผ่าอันต๋านอกด่าน ข้าจะไปยื่นฎีการาชสำนัก ขอกำลังทหารมาช่วย”
การหารือครั้งแรก หวังทงก็กล่าวเช่นนี้ ไม่ต้องกังวลว่าหวังทงเป็นหนุ่มน้อยเอาแต่ใจ สวีเหวินกับเหมยเหวินจิ้นต่างวางใจ ความเห็นหวังทงเหมือนกับหม่าต้ง ล้วนคิดว่าป้องกันเมืองไว้นิ่งๆ ปลอดภัยที่สุด ทุกคนรับรู้ร่วมกัน รีบไปจัดการตามคำสั่ง สั่งหนังสือไปขอกำลังจากเมืองหลวง
จวนแม่ทัพเมืองต้าถง นอกจากทหารติดตามหวังทง คนงานและสาวใช้ที่ขุนนางอื่นส่งมารับใช้ล้วนถูกส่งกลับไป คนรับใช้ในจวนมีแต่ทหารส่วนตัวหวังทง ปลอดภัยและวางใจได้
หวังทงอยู่ในห้องหนังสือ ถานเจียงยืนอยู่ข้างประตู มีคนรอรับคำสั่งออกไปทีละคน ทหารหวังทงพอรู้แผนจัดการหวังทงอยู่บ้าง รู้ว่ากำลังจะมีการถ่ายทอดคำสั่งออกไปหลายแห่ง แต่คิดไม่ถึงว่าคนที่ถูกเรียกคนแรกจะเป็นฉีอู่
ฉีอู่เข้ามาในห้องหนังสือ ถานเจียงปิดประตูลง หวังทงหลายสิบวันนี้ทำงานหนักไม่ได้หยุด แม้ร่างกายแข็งแรง แต่ก็ดูอ่อนล้าไปมาก พอเห็นฉีอู่เข้ามา หวังทงก็นวดขมับ ยิ้มกล่าวว่า
“คนอื่นมองไม่ออก เจ้าวันๆ คิดเรื่องนี้ อย่างไรก็น่าจะดูอ้างบ้างกระมัง!”
พอกล่าวจบ ฉีอู่ก็คุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะกล่าวว่า
“ข้าน้อยขอบุกน้ำลุยไฟเพื่อใต้เท้า ยอมพลีชีพ……”
หวังทงโบกมือกล่าวว่า
“วาจาพวกนี้ไม่ต้องกล่าวแล้ว ข้ามีจดหมายมอบให้แม่ทัพลี่อวิ๋นไหลเมืองจี้โจว วันนี้เจ้าออกเดินทางได้ รีบไปส่งมอบ นำคนไป 6 คน ม้าไป 30”
“ข้าน้อยรับคำสั่ง!!”
ฉีอู่รับจดหมายมา ลุกขึ้นกำลังจะออกไป หวังทงยิ้มกล่าวว่า
“เมืองต้าถงตอนนี้ ต้องนำกำลังเข้มแข็งมาช่วยจึงจะปลอดภัย สถานการณ์ตอนนี้ ช่าง……”
วาจานี้ฉีอู่ย่อมได้ยิน ตัวสั่นก่อนจะรีบวิ่งออกไป พอเขาออกไป คนที่สองก็เข้ามา เป็นเฉินต้าเหอ หวังทงกล่าวกับเฉินต้าเหอสั้นๆ ว่า
“ไปเทียนจินถ่ายทอดคำสั่งข้า ตามแผนที่วางไว้ รีบเตรียมการพร้อม พอเมืองหลวงมีราชโองการ ให้รีบออกเดินทาง”
เฉินต้าเหอรับคำสั่ง รีบออกไป ถานต้าหู่กับถานเอ้อร์หู่ตามเขาไปด้วย พวกเขาหนึ่งคนมีม้าหลายตัว ยิ่งเร็วยิ่งดี”
สั่งการทหารเสร็จไปสองคน หวังทงจึงค่อยๆ บรรจงเขียนฎีกาด้วยตนเองฉบับหนึ่ง ปิดใส่กล่องเหล็ก ส่งให้เป้าเอ้อร์เสี่ยวนำคนไปส่งเมืองหลวง
จัดการไปสามเรื่องแรกแล้ว หวังทงก็ได้พักสักที ไม่กล่าวอันใด ออกไปหยิบไม้พลองขึ้นฝึกยุทธ์ รู้สึกคลายกล้ามเนื้อลงจึงได้หยุดพัก ยามนี้หน้าผากชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ในเมื่อเป็นจวนแม่ทัพใหญ่ ลานบ้านก็ย่อมมีสนามฝึกซ้อมยุทธ์ ทุกอย่างสะดวกยิ่ง พอหวังทงฝึกเสร็จ ถานเจียงก็ถือผ้าเช็ดหน้ารออยู่
หวังทงเช็ดเหงื่อที่หน้าผากเสร็จ ก็สังเกตเสื้อหนังที่ถานเจียงสวมอยู่ อากาศเริ่มหนาวแล้ว แต่หวังทงกับทหารส่วนตัวยังคงสวมเสื้อชั้นเดียว ถานเจียงแต่งตัวเช่นนี้ เห็นได้ว่าตอนนี้สุขภาพเขาอ่อนแอลงบ้างแล้ว เห็นจอนผมขาวสองข้างหูของถานเจียง หวังทงก็รู้สึกสะท้อนใจ
ถานเจียงติดตามหวังทงมาห้าปีแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มขึ้นเลขห้าแล้ว เทียบกับขุนนางบุ๋นแล้ว ห้าสิบกว่าเรียกได้ว่ากำลังรุ่งเรือง แต่ขุนนางบู๊หลายคนในวัยนี้แม้ว่ากระปรี้กระเปร่า แต่ร่างกายไม่ไหว เพราะบาดเจ็บมาหลายครั้งทำให้ร่างกายไม่แข็งแรงสักเท่าไร
หวังทงเช็ดเหงื่อ ไม่กล่าวอันใด ถานเจียงกลับกล่าวว่า
“นายท่าน เมืองจี้โจวทหารแสนกว่า รบได้มีไม่ถึงห้าหมื่นกว่า เคลื่อนกำลังจากเมืองจี้โจวมา หากเป็นทหารเก่งกล้าย่อมดี หากที่เหลือ……”
“ไม่ต้องกังวลไป เมืองจี้โจวย่อมต้องส่งกำลังที่เข้มแข็งที่สุดมา”
คิดไม่ถึงว่าหวังทงจะตอบมั่นใจเช่นนี้ ถานเจียงอดไม่ได้อึ้งไป หวังทงไม่ใช่คนกล่าววาจาพกลม เขากล่าวเช่นนี้ ย่อมต้องเป็นความจริง ถานเจียงเงียบไปครู่หนึ่ง ถามขึ้น
“นายท่าน ทหารเมืองจี้โจวจะมาได้เท่าไร!”
“จากเมืองจี้โจวมาเมืองต้าถงระยะทางไกล เสบียงอาหารต้องใช้จำนวนมาก แต่ละฝ่ายต้องประมาณกำลัง มากสุดน่านะสองหมื่น แต่อย่างน้อยก็ไม่น้อยกว่าหมื่นห้า”
เห็นได้ชัดว่าถานเจียงถอนหายใจวางใจ ติดตามหวังทงเดินออกมาจากในห้องไปยังโถงกลาง ทหารหนึ่งวิ่งมาอย่างรีบร้อน รายงานว่า มีเถ้าแก่ร้านมาจากร้านสามธาราสาขาที่มณฑลซานซี หวังทงสั่งให้เชิญเข้ามา ถานเจียงย่อมออกไปจัดการต้อนรับ
ในเมื่อชีจี้กวงส่งฉีอู่มาอยู่ข้างกายตน ก็พนันว่าตนเองจะลงมือออกรบกับเผ่าอันต๋า เช่นนั้นย่อมไม่ให้บุตรชายตนเองมาคุกเข่าร่ำไห้ขอร้องแล้วบอกกล่าวถึงคุณธรรมก็จบเรื่องไปอย่างนั้นเป็นแน่
กองกำลังแข็งแกร่งใต้หล้ามีไม่กี่ที่ ตามชายแดนก็มี หนึ่ง เมืองจี้โจว สอง เมืองเหลียวโจว เมืองเหลียวโจวเป็นพื้นที่หลี่เฉิงเหลียง ไม่มีอันใดต้องกล่าวถึง แต่ทหารเมืองจี้โจว ชีจี้กวงฝึกเองกับมือมาถึงสิบกว่าปี ทหารเก่งกล้า ก็เพื่อเตรียมออกรบกับพวกนอกด่าน
ฝึกกองกำลังที่เก่งกล้าออกมาในหลายปีนี้ ติดตามใกล้ชิดชีจี้กวงมานาน แม้ชีจี้กวงไม่ได้เป็นแม่ทัพเมืองจี้โจวแล้ว แต่ก็ย่อมสั่งการได้ หากฉีอู่โน้มน้าวหวังทงได้ ฉีอู่ก็ควรจะมีสายสัมพันธ์กองทหารที่เมืองจี้โจวไว้แล้ว ให้พวกเขามาช่วยเหลืออย่างสุดกำลังได้
หวังทงไม่รู้ว่าชีจี้กวงแท้จริงแล้วเตรียมการอันใดไว้ แต่หวังทงรู้สึกว่า ขุนพลที่มีความคิดลึกซึ้งเช่นนี้ส่งฉีอู่มาอยู่ข้างกายตน ย่อมเตรียมการไว้ที่เมืองจี้โจวเช่นกัน ราชสำนักมีราชโองการเคลื่อนกำลัง แม่ทัพลี่อวิ๋นไหลย่อมให้ความร่วมมือ กอปรกับฉีอู่คอยประสาน ย่อมไม่เกิดเหตุเหนือคาดหมาย
แต่ก็ไม่อาจรับรองได้แน่นอน หวังทงยังคงเตรียมการฝั่งตนเองไว้ กำลังคิดอยู่นั้น ก็มีเถ้าแก่หลายคนจากด้านนอกเข้ามา เถ้าแก่พวกนี้ทำงานอยู่ในมณฑลซานซี เป็นสายสืบชุดแรกที่จางซื่อเฉียงเลือกไว้ตอนนั้น เป็นสายสืบอย่างเดียวไม่ได้ อย่างไรก็ต้องส่งไปประจำร้านค้า การค้าก็ทำได้ดี พวกเขาเป็นคนกันเอง ร้านจิ้นเหอกับร้านหย่งเซิ่งถูกร้านสามธาราควบรวมไปแล้วก็ส่งมาประจำที่นี่
พอเข้ามา อย่างไรบ่าวเจอนายก็ต้องโขกศีรษะตามมารยาท หวังทงรับการคำนับท่าทีนิ่งเฉย ธรรมเนียมทักทายแม้วุ่นวาย แต่ทำให้พวกเขารู้สถานะตัวเองได้ดี
พอนั่งลง ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เถ้าแก่ผู้หนึ่งรายงานทันทีว่า
“กองกำลังเทียนเฉิง ด่านไป๋หยาง โรงบ้านทางนั้นใกล้เต็มแล้ว แต่สินค้าด้านนอกยังส่งเข้าไป แม้ว่าพวกเราจับตาดูอยู่ แต่ก็เกรงว่าทหารด่านไป๋หยางจะปล่อยข่าวออกไป ครั้งนี้มาพบนายท่านก็เพื่อถามว่าจะส่งสินค้าพวกนี้ไปเมืองเซวียนฝู่ก่อนไหม ขายได้หักเงินให้ขุนพลหม่าไปก่อน เช่นนี้ทุกคนก็สะดวก”
“รอก่อน จากนี้ไม่ค่อยมีสินค้ามากมายเข้ามาแล้ว”
“นายท่าน พ่อค้าในมณฑลซานซีเก็บตุนสินค้าไว้เท่าไรสืบมาได้หมดแล้ว เชิญนายท่านตรวจสอบ”