Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 764

ตอนที่ 764 ร่างเชลยถมคูเมือง

ค่อยๆ เข้าใกล้ทีละนิด กระสุนหินในเมืองตอนนี้เพิ่งยิงออกมา ระยะยิงพอจะประมาณคร่าวๆ ได้แล้ว เครื่องดีดก้อนหินยิงกระสุนหินในพื้นที่ราบได้ระยะยิงหนึ่ง หากยิงข้ามกำแพง ก็ต้องใช้มุมยิงเพื่อโยนก้อนหินออกมาอีกระยะหนึ่ง

กระสุนหินไม่เหมือนปืนใหญ่ เสียงดังลอยหวือมาแต่ไกล ทหารก็สามารถมองเห็นเส้นทางยิงมาได้ชัด เลือกทหารที่ว่องไว และเปิดพื้นที่ด้านหลังเอาไว้ให้พอ คิดจะหลบก็ง่ายมาก บรรดาทหารโยนอาวุธในมือทิ้ง หลบกันให้วุ่น

กระสุนหินตกกระแทกพื้น พอตกถึงพื้น หวังทงจึงได้พบว่าระยะยิงกระสุนหินใกล้กว่าที่เขาคาดไว้เสียอีก เพราะไม่ได้ตกลงบนพื้นที่ว่าง หากกลับกระแทกเข้าใส่บ้านเรือนชาวบ้าน ทำลายเพิงพุพังไปหลายหลัง

งานรื้อถอนถัดมาก็ย่อมต้องระมัดระวังกันมากขึ้น ใช้โซ่เส้นใหญ่ติดตะขอไว้ที่ปลาย โยนตะขอไปเกี่ยวจุดใดจุดหนึ่งของเพิงหรือตัวบ้าน จากนั้นก็ช่วยกันดึง ดึงสิ่งก่อสร้างพวกนี้ให้ล้มลงทีละหลัง

หากเป็นบ้านเรือนนอกกำแพงเมืองชาวหมิง มักจะมีบ้านหลังใหญ่ไม่น้อย อิฐกระเบื้องทั้งนั้น ติดจะรื้อถอนก็ต้องใช้เครื่องมือเข้าทุบทำลาย แต่ที่นี่ ล้วนเป็นเพิงที่ทำจากไม้และฟางแห้ง ช่างง่ายดายยิ่ง

ทหารหมิงระวังก็แค่กระสุนหินที่ยิงมาจากในเมืองเป็นระยะเท่านั้น แต่ระยะยิงเครื่องดีดก้อนหินไกลมาก จากมุมมองหนึ่งจะเห็นว่าที่จริงแล้วเครื่องดีดก้อนหินกำลังช่วยทหารหมิงทลายเพิงอาหารบ้านเรือน พอยิงมาสองรอบ ก็หยุดยิง

ประตูตะวันออกเมืองกุยฮว่าเฉิงและกำแพงเมืองส่วนอื่น พื้นที่ระยะรอบ 600 ก้าว สิ่งก่อสร้างแบบเพิงพักล้วนถูกทำลายราบ เศษซากล้วนถูกนำไปกองไว้อีกทางหนึ่ง เก็บกวาดเรียบร้อยก็เห็นเป็นพื้นที่กว้างขวาง ทหารหมิงแต่ละหน่วยเริ่มเข้าไปตั้งแถวในพื้นที่

ทัพด้านหลังยังคนสาละวนยุ่งไม่หยุด พื้นที่ตั้งทัพต้องพยายามทำให้เป็นพื้นที่ราบ ดีที่ทั้งกองทัพลงมือพร้อมกัน ไม่นานที่ตรงนี้ก็เริ่มไม่แตกต่างจากสนามรบเมื่อวาน เพียงแต่สนามรบเมื่อวานตอนเช้ายังมีหิมะปกคลุม หากที่นี่เป็นที่รกร้างว่างเปล่า

ทหารรื้อถอนด้านหน้าค่อยๆ กล้าขึ้น รื้อถอนกับเก็บกวาดทำให้รวดเร็วยิ่งขึ้น แต่ยามนี้ก็มีเรื่องเหนือความคาดหมาย มีเสียงหวีดดังลอยมา

กระสุนหิน 6-7 ลูกยิงออกมาจากในเมืองกุยฮว่าเฉิง บรรดาทหารย่อมแตกฮือ กระสุนหินตกถึงพื้นไม่ไกลนัก หนีได้ก่อน ก็หนีทัน ทว่ากระสุนหินกระแทกพื้นครั้งนี้กลับไม่กระเด้ง หากระเบิดเป็นเศษกระจายทันที

ทหารหมิงบางนายคิดว่าตนเองหนีได้ไกลแล้ว คิดไม่ถึงว่าเศษซากจะกระเด็นเจาะร่างได้ หลายคนส่งเสียงร้องโหยหวนล้มลง ถึงกับตายไปร่วมร้อย

ขุนพลทหารออกคำสั่ง ให้พลทหารรีบถอยมาอยู่ในระยะปลอดภัยก่อน เศษซากถูกคนนำไปให้หวังทง หวังทงเดิมเองก็ตกใจ แต่พอเห็นแล้วก็เข้าใจ

นี่ไม่ใช่กระสุนหิน แต่เป็นกระสุนดินปืนบ้าง เป็นกระสุนดินบ้าง หวังทงเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก แต่ที่เขารู้ก็เพราะว่าอวี๋ต้าโหยวตอนนั้นเคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง

เครื่องดีดก้อนหินยิงก้อนดินจากในเมืองออกมานอกเมือง เป็นวิธีการโจมตีเมืองที่ใช้ในสมัยราชวงศ์ซ่ง ใช้ดินแห้งกับดินเปียกปั้นเป็นกระสุนลูกเท่ากำปั้น พอแห้งแล้วก็เอามารวมเป็นก้อนใหญ่ ใช้เครื่องดีดก้อนหินยิงออกไป พอตกพื้น กระสุนดินระเบิดออก ดินที่ก้อนใหญ่เท่ากำปั้นก็จะกระจายออกสี่ทิศ กระแทกทะลุร่างคน ไม่เจ็บก็ตาย

“เข็นรถโล่ออกมากั้น เปิดพื้นที่โล่งต่อไป หากมีการเคลื่อนไหวใด ไม่ต้องสนใจรถโล่ ให้ทุกคนหนีกลับมาก่อน!”

หวังทงออกคำสั่ง ทหารถ่ายทอดคำสั่งออกไปถ่ายทอดคำสั่ง หวังทงนำกระสุนดินในมือให้ทุกคนดู ยิ้มเย็นกล่าวว่า

“เมื่อวานสอบปากคำเชลย บอกว่าปืนใหญ่หุยหุยเป็นเครื่องมือที่องค์ชายพวกเขาเชิญช่างจากซีอวี้มาสร้าง กระสุนดินแบบนี้เป็นวิธีการป้องกันเมืองของชาวแผ่นดินหมิงเรา ถึงกับถูกพวกนอกด่านเลียนแบบไปได้ เซิงเก๋อตูกู่เหลิงนี่กับเฉ่อลี่เข้ออะไรนี่ คิดการไม่น้อยนะ!”

เครื่องดีดก้อนหินใช้โจมตีกำแพงเมืองเป็นหลัก กระสุนดินก็เพื่อป้องกัน ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่จากป่าลึกตะวันออกไปจรดทะเลทรายตะวันตกสุด ก็มีแต่เมืองกุยฮว่าเฉิงเมืองเดียวที่พอดูได้ ต้องการเครื่องมือพวกนี้ไปทำไมกัน หากไม่ใช่เพื่อเอาไว้โจมตีเมืองของแผ่นดินหมิง ข่านเผ่าอันต๋ารุ่นแรกโจมตีแผ่นดินหมิงหลายครั้ง เผาปล้นฆ่า ทหารล้มตายไปนับแสน แต่ไม่ค่อยได้โจมตีกำแพงเมืองสักเท่าไร แม้ตีไปถึงชานเมืองหลวง ก็แค่ปล้นชิงเท่านั้น ทว่าตอนนี้กลับมีเครื่องมือเช่นนี้ พวกเขาคิดการไม่น้อยเป็นแน่

หยางจิ้นเงียบไปครู่หนึ่ง กล่าวว่า

“ครั้งนี้หากไม่ใช่แม่ทัพใหญ่นำทัพบุกเมืองกุยฮว่าเฉิง บีบให้พวกนอกด่านเผยตัว หากปล่อยให้พวกมันบุกไปแผ่นดินหมิง เช่นนั้นย่อมเป็นภัยใหญ่หลวง แต่เจ้าเครื่องดีดก้อนหินนี่ พวกเราโจมตีเมือง เกรงว่ายุ่งยาก สองวันนี้จะโจมตีเมืองให้ได้ คงยาก!”

หวังทงส่ายหน้ายิ้มกล่าวว่า

“ทำไมพวกเจ้าชอบเอาแต่คิดว่าสองวันตีเมือง ตีเมืองได้ในวันนี้แหละ ทุกท่านกลับไปประจำการตำแหน่งตน รอฟังคำสั่งข้า!”

ฟังหวังทงแล้ว ทุกคนก็รีบคำนับ แต่ละคนกลับไปประจำการตำแหน่งตน หวังทงจับตามองการเก็บกวาดพื้นที่ด้านหน้า มีกระสุนดินยิงจากในเมืองมาอีก แต่ทำให้คนบาดเจ็บได้ไม่มากนัก ด้านหน้ารถมีแผ่นไม้หุ้มเหล็กบังอยู่ กระแทกโดนอย่างมากก็แค่สะเทือนเท่านั้น

แต่สักพักก็มีกระสุนหินยิงออกมา รับมือกระสุนพวกนี้ ทหารก็แค่หันหลังวิ่งหนี กระแทกโดนรถสองสามคันเท่านั้น เพิงบ้านเรือนด้านหน้าเริ่มถูกเก็บกวาดจนเปิดพื้นที่โล่งแล้ว

รอให้เก็บกวาดอีกสักครู่ หวังทงมองไปรอบทิศ ด้านหน้าและหลังค่ายรถศึกมีพื้นให้เคลื่อนไหวมากพอแล้ว สถานการณ์เช่นนี้เป็นประโยชน์ต่อทัพหมิง ไม่เป็นประโยชน์ต่อทหารม้านอกด่าน ทหารม้าต้องการพื้นที่เคลื่อนไหวมากกว่านี้ เพิงบ้านเรือนพวกนี้เป็นที่กำบังของพวกเขาได้อย่างดี

“ไปแนวหน้าพื้นที่ว่างด้านหน้าเก็บกวาดให้ดี ตั้งปืนใหญ่ระยะห่างจากกำแพงเมืองสี่ร้อยก้าว สองด้านมีปืนใหญ่สามกระบอก ปากกระบอกตั้งระนาบยิง……”

หวังทงสั่งการลงไป ทหารถ่ายทอดคำสั่งตั้งใจฟัง ยังนำพู่กันแข็งมาจดอย่างรวดเร็ว คำสั่งนี้ซับซ้อน ต้องตั้งใจสักหน่อย

ทหารถ่ายทอดคำสั่งหลายคนมีการศึกษา มาจากครอบครัวดีไม่น้อย นอกจากเรียนยุทธ์แล้ว ยังให้ครูมาสอนหนังสือ จดบันทึกบนสนามรบ การจะใช้พู่กัน หมึกกับแทนฝนหมึกไม่ค่อยเหมาะ พวกเขาใช้เครื่องเขียนแบบแข็ง ก็คือพู่กันขนห่านที่เลียนแบบมาจากพวกฟะรังคี น้ำหมึกบรรจุไว้ในขวด

************

พวกนอกด่านรักษาเมืองมองการดำเนินการของทหารหมิงอย่างงงๆ เมื่อครู่รื้อถอนเพิงบ้านผุพังทิ้ง ตอนนี้หนีไประยะปลอดภัย ตั้งปืนใหญ่

สามกระบอกด้านขวาตั้งเรียงกัน สามกระบอกด้านซ้ายตั้งเรียงกัน ปืนใหญ่ซ้ายขวามีพื้นที่ราวสามร้อยก้าว และยังตั้งระนาบปืนใหญ่ยิงตรง ตั้งปืนใหญ่เช่นนี้ใช่ว่ายิงไม่ได้ผลหรือ

ปืนใหญ่ตั้งปากกระบอกแนวระนาบอย่างมากก็ยิงได้แต่ตีนกำแพงเมือง ไหนเลยจะยิงไปถึงด้านบนได้ กำแพงเมืองหนาไม่กลัวการยิงของกระสุนปืนใหญ่ ปืนใหญ่พวกนี้ดูแล้วก็ไม่ใหญ่มาก อานุภาพก็คงไม่เท่าไร เช่นนี้แล้วต้องการทำอะไรกันแน่ แต่เขาก็ไม่กล้าชะล่าใจไป ทหารหมิงทัพนี้มักทำอะไรเหนือความคาดหมายเสมอ เมื่อวานพวกเขาก็เจอมาด้วยตนเองแล้ว

หลังกำแพงเมืองด้านใน มีคนตะโกนด่าดังพร้อมกับเสียงหวีดร้อง ทหารนอกด่านกำลังใช้แส้เร่งให้คนงานชาวฮั่นที่จับมาได้บรรจุกระสุนหิน เมื่อวานรบแพ้มา ทุกคนรู้สึกหงุดหงิดมาก พอช้าไปหน่อย ก็ตวัดแส้ฟาดทันที หรือถึงขึ้นใช้ดาบฟัน ย่อมทำให้เกิดเสียงร้องไห้ระงมไปทั่วบริเวณ

“สุนัขหมิงโจมตีเมืองแล้ว!!”

เสียงตะโกนดังมาจากบนกำแพงเมือง เครื่องดีดก้อนหินรีบเร่งปฏิบัติการทันที คนบนกำแพงกำลังรายงานตำแหน่ง พวกเขาจะได้กะน้ำหนักถูก

“สุนัขหมิงสมควรตาย พวกมันใช้คนของเรา!!”

เสียงตะโกนโกรธแค้นดังประสานกันมาจากบนกำแพงเมือง คนบนกำแพงพากันด่าทอ

*************

พื้นที่ระหว่างปืนใหญ่กับปืนใหญ่ อัดแน่นไปด้วยเชลยนอกด่านที่จับได้เมื่อวาน คนพวกนี้มีท่าทีแตกตื่น บ้างก็สิ้นหวัง ยังมีบ้างที่คอตกอย่างหมดแรง ในมือพวกเขามีเพียงก้อนหินและท่อนไม้ ของพวกนี้ได้มาจากเมื่อครู่ที่รื้อถอนเพิงบ้านเรือนพวกนั้น ด้านหลังพวกเขามีคนตะโกนภาษามองโกลขึ้นว่า

“กลบคูน้ำด้านหน้าให้เรียบ พวกเจ้ายังมีทางรอดชีวิต หากหนี ไม่ยอมลงแรง สังหารให้หมด ตอนนี้เริ่มได้!!”

เมื่อก่อนพวกนอกด่านบุกเมือง มักจับชาวบ้านหมิงไปกันไว้ด้านหน้า พวกเขากลับขี่ม้าไล่ต้อนด้านหลัง อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายไม่ทันระวังป้องกัน ก็จะโจมตี หากอีกฝ่ายลงมือ ก็ทำได้แค่ทำลายขวัญกำลังใจตนเอง สิ้นเปลืองกำลังตนเอง อย่างไรตนเองก็ไม่เสียหาย คิดไม่ถึงว่าวันนี้ทหารหมิงจะใช้วิธีการเดียวกัน

“อย่าได้ชักช้า รีบไป รีบไป ถมสิ่งของลงไปในคูน้ำ จากนั้นก็กลับมาแล้วไปใหม่ มารดามันสิ ยังจะชักช้าอีก!!”

เร่งไปสองสามคำ ผู้ใดล้วนรู้ว่าริมกำแพงคือที่ตาย ไม่มีผู้ใดกล้าขยับ ขุนพลทหารหมิงที่เร่งด้านหลังก็ทนไม่ไหว หันไปคว้าทวนยาวพลทหารข้างกายแทงไปทันที เชลยนอกด่านสองคนถูกแทงทะลุหัวใจ ส่งเสียงร้องดังก่อนล้มลง

พอตายไปคน ที่เหลือก็ย่อมขยับเดินหน้า ไม่อยากตายที่นี่ทันที สู้ไปมีโอกาสรอดที่ริมกำแพงดีกว่า ที่กว้างใหญ่อาจยังพอมีโอกาสหนีรอดได้ ทหารหมิงด้านหลังไม่ต้องใช้แส้ฟาด มีเพียงทวนยาวแทงใส่ แทงตายไปก็สมควร แทงบาดเจ็บก็ถือว่าซวยไป

บรรดาเชลยศึกถูกต้อนให้เดินเร็วขึ้น แบกก้อนหินวิ่งไปด้านหน้า พวกเขาเพิ่งออกห่างจากค่ายทหารหมิง พลปืนไฟ กับพลธนูก็ตามไปติดๆ บรรดาเชลยยามนี้คิดหนีเอาตัวรอด มีคนวิ่งออกนอกเส้นทางกองทัพหมิง โยนของในมือทิ้งข้างทางคิดจะเลี้ยววิ่งหนี แต่พลธนูกับพบปืนไฟจะปล่อยให้หนีไปง่ายๆ ได้อย่างไร ได้ยินเสียงเสียดแก้วหูดังมา คนก็ล้มลงตายทันที

ถูกความตายไล่หลังมา เชลยได้แต่เดินหน้าต่อไป มีคนฉลาดคิดได้ แบกหินวิ่งไปหน้าสุด รอให้พ้นรัศมียิงของธนูและปืนไฟ ก็โยนหินทิ้งก่อนจะวิ่งไปอีกทางหนึ่ง……

‘ยิง’ ดังขึ้น ปืนใหญ่ที่เรียงอยู่ก็ยิง เชลยมองเห็นคนฉลาดที่คิดหนีกันเต็มตา ร่างถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงขาดสองท่อน เลือดสดกับเนื้อเละกระจุยกระจายไปโดนคนข้างๆ เต็มหน้า

ทุกคนรู้แล้วว่าการจัดการเมื่อครู่เพื่อการใด บรรดาเชลยไม่กล้าทำการพลการอีก แบกก้อนหินกันไปถมคูเมืองแต่โดยดี……

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!