Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 282

№ 282 กลับแคว้นแสงสุริยัน!

พอคำพูดนี้เปล่งออกมา พวกเขาสี่คนต่างนิ่งอึ้ง ในดวงตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

“คุณ คุณชายบอกว่ามีวะ…วิชาที่ภูตผีสามารถฝึกบำเพ็ญได้รึขอรับ?”

นะ นี่เรื่องจริงหรือเท็จกันแน่? ต้องรู้ไว้ว่าวิชาของวิญญาณผู้ฝึกตนหายากกว่าของผู้ฝึกทั่วไปนัก! ตอนพวกเขาเป็นคนแค่เคยได้ยิน แต่ไม่เคยเห็นมาก่อน

หากพวกเขามีวิชาและสามารถฝึกบำเพ็ญจนกลายเป็นวิญญาณผู้ฝึกตน ก็ไม่ต้องกังวลว่าพลังหยินจะสลายหมดจนไม่อาจอยู่รอดในโลกมนุษย์อีก! หนำซ้ำหากฝึกบำเพ็ญถึงระดับที่หนึ่งแล้วก็ไม่ต้องกลัวแสงแดดสาดส่อง! พวกเขาจะออกไปเดินเหินได้อย่างอิสระแม้เป็นตอนกลางวัน

ต้องบอกเลยว่าสำหรับพวกเขาแล้ว คำพูดนี้เป็นสิ่งยั่วยวนที่ไม่อาจต้านทาน

ไม่เพียงสามารถกลายเป็นวิญญาณผู้ฝึกตน ซ้ำยังคอยปกป้องหยางหยางได้ เดิมที่นี่เป็นเรื่องที่พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะกล้าคิด

“ถูกต้อง”

เฟิ่งจิ่วพยักหน้าตอบ เอ่ยอย่างจริงจัง “แต่ว่า หากพวกท่านตามมาต้องยอมรับข้าเป็นนาย ห้ามทำร้ายคน มิเช่นนั้นไม่ต้องให้คนอื่นจัดการพวกท่าน ข้าจะทำให้พวกท่านสูญสลายไปเอง”

“พวกเรายอมรับคุณชายเป็นนาย! ไม่มีวันทรยศเด็ดขาด! หากผิดคำพูดในวันนี้ ขอให้สวรรค์ฟาดสายฟ้าผ่าวิญญาณสลายสิ้น ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป!”

ทั้งสี่คุกเข่าลงด้วยความเคารพ เอ่ยอย่างตื่นเต้นและดีอกดีใจ สำหรับพวกเขาแล้ว ไม่ว่าการยอมรับคนเบื้องหน้าเป็นนายหรือการฝึกบำเพ็ญเป็นวิญญาณผู้ฝึกตนล้วนเป็นประโยชน์ทั้งนั้น ไม่มีอะไรเสียหาย ถึงไม่มีวิชาให้ฝึกบำเพ็ญ ลำพังแค่ที่เขาช่วยไว้วันนี้ พวกเขาก็จะไม่หักหลังอย่างแน่นอน

“งั้นก็ดี พวกท่านกลับไปพักฟื้นในไม้วิญญาณ ข้ามีคฤหาสน์หลังหนึ่งกลางป่าเขา ให้พวกท่านไปเฝ้าอยู่ที่นั่นได้พอดี ขณะเดียวกันก็ฝึกบำเพ็ญไปด้วยได้ ส่วนหยางหยางในเมื่อยกให้ข้าแล้ว ก่อนพวกท่านจะสามารถควบคุมพลังหยินของตนได้ชำนาญก็อย่าเพิ่งเข้าใกล้เขา”

“ขอรับ” พวกเขาสี่คนขานรับ

“ข้ายังไม่รู้เลยว่าพวกท่านชื่ออะไรกัน?” เธอมองพวกเขาพลางถาม

“นายท่าน ข้ามีนามว่าเจ้าอวี่เหอ นี่ภรรยาข้าหลินซินฮุ่ย ส่วนนี่ท่านพ่อเจ้าเต๋อเกา และท่านแม่ฝานเจวียน”

ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วจึงบอก “ข้าเฟิ่งจิ่ว แบบนี้แล้วกัน! ยังไงฟ้าก็จะสว่างแล้ว ออกเดินทางไปกันเลยเถอะ!”

พูดจบ เธอมายังด้านนอก เหลิ่งซวงกอดหยางหยางที่หลับสนิทคอยอยู่ข้างๆ เหล่าไป๋ ฉิวฉิวที่นอนอยู่บนม้าก็ชำเลืองมองพวกเขาอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะหลับตาลงนอน

เฟิ่งจิ่วหยิบเรือเหาะออกมาโยนขึ้นกลางอากาศ ครั้นเรือเหาะขยายใหญ่ จึงบอกกับเหลิ่งซวง “พาหยางหยางเข้าไปห้องปีกด้านในก่อน”

“เจ้าค่ะ” เหลิ่งซวงขานรับ ขึ้นเรือเหาะไปก่อน หลังวางหยางหยางลงเรียบร้อยก็ลงมาปิดตาม้าและนำมันมาผูกไว้บนเรือเหาะ จากนั้นค่อยพาเหล่าไป๋ขึ้นไปด้วย

เมื่อเหล่าคนตระกูลเจ้าเห็นเรือเหาะลำนั้นก็กลืนน้ำลายโดยพลัน เป็นถึงเรือเหาะ ซ้ำยังเป็นเรือเหาะที่หรูหราเช่นนี้ นายท่านผู้นี้ที่พวกเขาติดตามมีที่มาเช่นไรกันแน่?

“พวกท่านเข้าไปในไม้วิญญาณเสีย!” เฟิ่งจิ่วให้สัญญาณ ให้พวกเขากลับเข้าไปในไม้วิญญาณ

ทั้งสี่ขานรับแล้ว ถึงจะกลายเป็นลำแสงสี่สายเข้าไปในไม้วิญญาณ ปล่อยให้เฟิ่งจิ่วพาขึ้นเรือเหาะตรงไปยังแคว้นแสงสุริยัน…

สองวันให้หลัง เพราะเรือเหาะสะดุดตาเกินไป เมื่อมาถึงเมืองรอบนอกชายแดนแคว้นแสงสุริยัน เฟิ่งจิ่วจึงเก็บเรือเหาะหงส์เหิน ขี่ม้าเข้าไปในเมืองกันสามคน คิดว่ายังไงก็มีเวลา จึงไม่ต้องรีบกลับเมืองอวิ๋นเยวี่ยเสียประเดี๋ยวนี้

ทั้งสามเข้าเมืองมา คิดว่าอยู่ในอาณาเขตแคว้นแสงสุริยันกันแล้ว ดังนั้นจึงหาที่เปลี่ยนไปสวมชุดผู้หญิง ให้หยางหยางซื้อเสื้อผ้าสองสามชุด ถึงจะไปยังทิศทางเมืองอวิ๋นเยวี่ยพลางเที่ยวเล่นตลอดทาง…

…………………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version