№ 446 จากไปด้วยความผิดหวัง
“นี่เขาคิดจะทำลายแคว้นที่บรรพชนตระกูลมู่หรงก่อตั้งขึ้นมาหลายร้อยปีรึ!”
เสียงเขากัดฟันกรอด มีความโกรธเกรี้ยวที่ยากเกินเชื่อ ไม่อาจจินตนาการและไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำถึงเพียงนี้? จวนตระกูลเฟิ่งเป็นผู้ที่คอยปกป้องตระกูลมู่หรงมาหลายชั่วอายุคน ไม่เพียงปกป้องตระกูลมู่หรง ซ้ำยังคอยพิทักษ์แคว้นแสงสุริยัน ทว่าตอนนี้เขากลับคิดจะทำลายตระกูลนี้ด้วยมือตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า!
เขาที่โกรธจัดลุกยืนขึ้น สะบัดแขนเสื้อ ก้าวยาวไปยังพระราชวัง ถึงกับไม่แม้แต่จะสั่งคนเตรียมรถม้า แล้วเรียกพลังโผบินไปทันที ใช้เวลาสั้นๆ ไม่ถึงหนึ่งก้านธูปก็มาถึงภายในพระราชวัง
มาถึงภายในวัง เขาตรงไปยังท้องพระโรง เห็นมู่หรงป๋อที่ไม่รู้กำลังพูดอะไรกับบรรพชนนักรบพวกนั้น สีหน้าก็ยิ่งถมึงทึง ตะโกนเสียงเกรี้ยวกราดว่า “เสด็จพ่อคิดจะทำอะไรกันแน่? หรือว่าต้องทำลายทุกอย่างท่านถึงจะยอมวางมือ? ท่านคิดว่าทุกอย่างที่ทำลงไปจะไม่มีใครรู้รึ? ช่างเพ้อฝันเกินไปแล้ว!”
หลังมู่หรงป๋อได้ยินคำพูดเขา สีหน้าก็คร่ำเครียด โบกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนในตำหนักถอยไป ถึงจะตะคอกว่า “เจ้าเป็นบ้าอะไรอีก!”
“บ้า? หึ! ลูกว่าคนที่บ้าไม่ใช่ลูกแต่เป็นท่าน! ท่านบ้าไปแล้ว! ท่านต้องบ้าไปแล้วถึงได้คิดจะทำลายตระกูลเฟิ่ง ถึงคิดจะทำลายตระกูลที่พิทักษ์แคว้นแสงสุริยันด้วยความภักดี!”
“ท่านคิดหรือว่าจะไม่มีใครรู้เรื่องทั้งหลายที่ท่านทำ? ท่านคิดหรือว่าจะไม่มีใครรู้ว่าท่านส่งคนไปลอบสังหารท่านอาเซียว? ท่านคิดว่าการที่ท่านพาคนเข้าไปลักพาตัวคนตระกูลเฟิ่งจะไม่รู้หรือ? ฮ่าๆๆๆ เสด็จพ่อข้า ท่านกลายเป็นคนใสซื่อเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” มู่หรงอี้เซวียนหัวเราะร่าอย่างเย้ยหยัน พลางมองเขาที่สีหน้าตกตะลึง แล้วหมุนตัวก้าวยาวออกไป…
เพราะคำพูดเขาสีหน้ามู่หรงป๋อจึงเปลี่ยนไปยกใหญ่ ร่างกายสั่นเทิ้ม มองเขาจากไป อยากจะเรียกเขาไว้ แล้วถามว่าเขารู้เรื่องที่ตนส่งคนไปซุ่มลอบสังการเฟิ่งเซียวได้ยังไง? แต่กลับเห็นเขาหายไปด้านนอกท้องพระโรงเสียแล้ว
“เป็นไปได้ยังไง? เขารู้ได้ยังไง? ชัดเจนว่าข้าจัดการอย่างสะอาดหมดจด ทำไมเขาถึงรู้ได้?” เขาพูดพึมพำ น้ำเสียงมีความสั่นกลัว “คนจวนตระกูลเฟิ่งก็รู้เรื่องด้วยรึ? พวกเขาจะรู้หรือเปล่า?”
มู่หรงอี้เซวียนที่ออกจากราชวังมีความอ้างว้างและเศร้าโศกกระจายอยู่ทั่วร่าง หันกลับไปมองราชวัง พระราชวังแห่งนี้เขาคิดว่าใช้เวลาไม่นานก็คงไม่มีอยู่อีกแล้ว…
ครั้งแรกคนจวนตระกูลเฟิ่งยังทนต่อไปได้ ส่งมอบอำนาจและลาออก แม้เฟิ่งเซียวจะหมดสติไม่ฟื้น จวนตระกูลเฟิ่งก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร และไม่มีแผนที่จะจัดการตระกูลมู่หรง ข้อนี้เขาที่เฝ้ามองตระกูลเฟิ่งมาตลอดย่อมชัดเจนดี
แต่ครั้งนี้เกรงว่าจะไปจบลงง่ายดายเช่นนั้น แม้จะไม่เข้าใจนางในตอนนี้นัก กลับยังมองออกว่านางไม่ใข่คนที่ยอมให้ใครมารังแก มิเช่นนั้นคนแคว้นเหินเวหาคงไม่ถูกสั่งสอนเสียทุกครั้ง
ทันใดนั้นเขาก็เหนื่อยหน่ายใจ มีแรงกระตุ้นที่ไม่อยากจะปกป้องแคว้นแห่งนี้อีกต่อไป และไม่อยากอยู่ต่อเพื่อเห็นแคว้นนี้ถูกทำลายสิ้นด้วยตาตนเอง ในใจมีแรงดลใจที่อยากจะจากไป แต่ในใจกลับยังคงนึกถึงคนคนนั้น
เดิมทีคิดจะไปพบนางที่จวนตระกูลเฟิ่งอีกครั้ง แต่พอนึกถึงเรื่องที่ท่านพ่อทำไว้ฝีเท้าก็หยุดลงเสียดื้อๆ ชะงักเล็กน้อยอยู่พักหนึ่ง มองไปยังทิศทางจวนตระกูลเฟิ่ง เพียงแวบหนึ่งนั้นยังมีความคิดถึงอยู่ลึกๆ และความอาวรณ์อย่างสุดซึ้ง แม้เป็นเช่นนี้เขายังคงสาวก้าวออกไปด้วยความเด็ดขาด…
ภายในจวนตระกูลเฟิ่ง เรือนที่พำนักของเฟิ่งจิ่ว กวนสีหลิ่นกำลังบอกข่าวล่าสุดที่ตลาดมืดตรวจสอบมาได้กับเฟิ่งจิ่ว
“โชคดีที่สิ่งนี้ไม่ใช่ของธรรมดาๆ ช่วงนี้ในที่สุดก็มีเบาะแสบ้างแล้ว”
…………………….