№ 675 ข้ามีพี่ชาย
เมื่อกลับถึงอาศรม เห็นเสี่ยวเหยนั่งเฝ้าอยู่ด้านนอกอย่างเชื่อฟัง เหล่าไป๋เดินไปรอบๆ นอกอาศรม ส่วนอสูรกลืนเมฆาก็นอนบนพื้นหญ้าโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าด้วยความเกียจคร้าน
เยี่ยจิงยังไม่ตื่นหรือ? ในใจเฟิ่งจิ่วนึกสงสัย เดินผ่านสามอสูรเข้าอาศรมไปดู ถึงจะเห็นว่าเยี่ยจิ่งที่ตื่นมาแล้วนั่งอยู่ตรงโต๊ะหิน
“เจ้าตื่นแล้วหรือ?” ตื่นแล้วทำไมยังไม่ไปอีก? คำพูดนี้เธอไม่ได้ถามออกไป
เยี่ยจิ่งหันกลับไปเห็นตรงเอวหนุ่มน้อยมีขนนกเคลือบหลากสีชิ้นนั้นประดับไว้ ก็แปลกใจทันที “เจ้ามีสิ่งนี้ได้อย่างไร?”
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็ยกริมฝีปากขึ้นยิ้ม นั่งลงตรงโต๊ะ แล้วหยิบขนนกชิ้นนั้นมาเล่นในมือ “แน่นอนว่าข้าใช้คะแนนคุณงามความดีแลกกลับมา!”
ได้ยินคำพูดนี้แล้วเยี่ยจิงตกใจ นึกถึงว่าหมีดำตัวใหญ่ระดับอสูรศักดิ์สิทธิ์นั่นก็เชื่อฟังคำพูดเขาอย่างว่าง่าย จึงขยับปากทันทีแต่ไม่ได้ถามอะไร แม้จะคิดว่าเหลือเชื่อไปหน่อย
แต่ตลอดทางที่ตามเด็กหนุ่มออกมา สัตว์อสูรต่างๆ ในเทือกเขาหมื่นอสูรเห็นเขาแล้วไม่หลบก็หนี ปรากฏการณ์แปลกๆ เช่นนั้นเธอบอกไม่ได้เหมือนกันว่าเพราะอะไร
ชัดเจนว่าเด็กหนุ่มคนนี้พละกำลังดูไม่แข็งแกร่ง ครั้งก่อนบนถนนใหญ่ยังโดนนางไล่กวดไปทั่วท้องถนนจนต้องซ่อนตัว แต่กับสัตว์อสูรดันเหมือนเป็นอีกอย่าง
“ขนนกเคลือบหลากสีชิ้นนี้มีนักเรียนเพ่งเล็งไม่น้อย เจ้าต้องระวังหน่อย พวกเขาจะได้ไม่มาหาเรื่องเจ้า” นางกล่าวเตือนเสียงเบา
“แหะๆ ข้ารู้แล้ว” เฟิ่งจิ่วยิ้มรับ ไม่ได้บอกนางว่าเมื่อครู่โดนคนขัดขวางเสียจนเกือบจะกลับมาไม่ได้
นางมองหนุ่มน้อยผู้ไม่ยี่หระคนนี้ พร้อมเผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมาน้อยๆ “ขอบใจเจ้านะ” เห็นเด็กหนุ่มโบกๆ มืออย่างไม่แยแส จึงเอ่ยถามเสียงค่อย “เจ้าเป็นนักเรียนสำนักยาเซียนที่เข้ามาใหม่ปีนี้หรือ?”
“อืม” เฟิ่งจิ่วขานรับ ล้วงผลไม้ออกมาจากในแขนเสื้อ แล้วโยนให้นางลูกหนึ่ง
เยี่ยจิงรับไว้ จากนั้นค่อยถามว่า “ข้ายังไม่รู้เลยว่าเจ้าชื่ออะไร! บอกข้าได้หรือไม่?”
“เฟิ่งจิ่ว”
“ข้าเยี่ยจิง” นางยิ้มเล็กน้อย บอกอีกว่า “เจ้าก็รู้แล้ว”
“อืม รู้แล้วๆ หนึ่งในสิบผู้มีพรสวรรค์ของสำนักศึกษา ซ้ำยังเป็นสาวงามอันดับหนึ่ง” เฟิ่งจิ่วยิ้มเอ่ย มองเยี่ยจิงพลางพยักหน้า “สมกับฉายานามสาวงามอันดับหนึ่งจริงๆ”
เยี่ยจิงได้ยินเช่นนี้ก็เอ่ยยิ้มๆ อย่างกลั้นไม่อยู่ “สาวงามอันดับหนึ่งอะไร? เป็นเรื่องที่นักเรียนในสำนักศึกษาพูดเล่นๆ กันทั้งนั้น”
เฟิ่งจิ่วเห็นเช่นนี้ก็ขบคิดในใจ จ้องมองนางเนิ่นนาน ก่อนจะหรี่ตายิ้มถามว่า “ข้าขอถามเจ้าเรื่องหนึ่งสิ!”
เห็นหนุ่มน้อยจ้องมองตนเองเช่นนั้น เยี่ยจิงเขินอายนิดหน่อย แล้วถามว่า “เรื่องอะไรหรือ?”
เด็กหนุ่มคนนี้หน้าตางดงามจริงๆ แต่ให้ความรู้สึกแปลกมากๆ เห็นชัดๆ ว่าเขากำลังมองนาง นัยน์ตากลับไม่มีความละโมบหรือลุ่มหลงเหมือนคนอื่น มีเพียงความชื่นชมอย่างใจกว้าง ทำให้เธอมองมุมต่างออกไปบ้าง
“เจ้าหมั้นแล้วหรือยัง? มีคนที่ชอบไหม?”
“หา?”
นึกไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มจะถามเช่นนี้ออกมา เยี่ยจิงอึ้งไปพักหนึ่ง สีหน้าแดงก่ำเล็กน้อย หากไม่เห็นว่าในดวงตาเขาไม่มีความนัยอื่น คงคิดว่าเขามีใจให้กับนางจริงๆ!
“ข้ายังไม่ได้หมั้น และไม่มีคนที่ชอบ” กล่าวคำพูดนี้จบ นางก็เขินไปหมดแล้ว ถามว่า “เจ้าถามเรื่องนี้ทำไม?”
“แหะๆ เรื่องนี้ ข้าจะบอกกับเจ้านะ!”
เฟิ่งจิ่วหรี่ตามยิ้มจ้องมองนาง ยิ่งมองยิ่งพอใจ “ข้ามีพี่ชายชื่อกวนสีหลิ่น หน้าตาดีเหมือนกัน ร่างกายกำยำแข็งแรง นิสัยแน่วแน่ใจดีกับคนมีใจรับผิดชอบ พละกำลังก็โดดเด่นอย่างยิ่ง เจ้าจะพิจารณาเสียหน่อยหรือไม่? เขาไม่เลวเลยนะ”
………………