№ 724 รักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็น
เฟิ่งจิ่วที่เดิมทียังโกรธนิดหน่อยได้ยินคำพูดนี้ก็หลุดหัวเราะทันที
เธอมองรองเจ้าสำนักที่ขวางอยู่เบื้องหน้า เอ่ยเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้มว่า “ท่านรองเจ้าสำนัก ท่านเรียนรู้ไวนักขอรับ!”
“ฮี่ๆ ข้าไม่มีทางเลือก เจ้าชื่นชอบอาหารรสเลิศไม่ใช่หรือ? ห้องครัวมีอาหารอร่อยที่ด้านนอกหากินไม่ได้” รองเจ้าสำนักยิ้มอักอ่วน นึกไม่ถึงว่าจะมีวันได้ใช้อาหารรสเลิศมารั้งคนคนหนึ่งไว้
“เช่นนั้นก็ได้! รีบเรียกคนเข้ามาให้ข้าด้วยนะขอรับ” เฟิ่งจิ่วหมุนตัวเดินกลับไป อันที่จริง ตอนนั้นที่อาจารย์หลี่ว์กล่าวขอโทษก็ไม่คิดจะไปแล้ว
แม้เธอพูดคุยกับอาจารย์หลูไม่มาก แต่ได้ยินนักเรียนกับอาจารย์สำนักศึกษาต่างบอกว่าเขาเป็นคนเข้มงวดจริงจัง อาจารย์ที่ตั้งใจสอนนักเรียนเช่นนี้ พอเห็นเขากลายเป็นเช่นนั้น เธอไม่มีทางนิ่งดูดายได้จริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้นอาจารย์หลี่ว์ก็ขอโทษแล้ว เช่นนั้นยิ่งไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธไม่ทำเพราะขัดข้องใจ
เมื่อเห็นเฟิ่งจิ่วกลับไปอีกครั้ง พวกเขาสามคนดีใจ หลังจากเรียกหมอสองคนมาและกำชับซ้ำๆ แล้ว ถึงจะให้พวกเขาเข้าไปช่วยเฟิ่งจิ่วหลังเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่
ยามนี้กวนสีหลิ่นกับเยี่ยจิงมาถึงด้านนอก แต่เข้าใกล้ห้องแนะแนวการสอนไม่ได้
ส่วนเฟิ่งจิ่วด้านในห้อง หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าล้างมือก็หยิบอุปกรณ์จากห้วงมิติมาพลางมองหมอสองคนนั้น ถามว่า “ท่านเจ้าสำนักบอกท่านสองคนแล้วหรือยัง? ทุกอย่างต้องฟังคำสั่งข้า ห้ามส่งเสียงอุทานใดๆ รบกวนข้า ขณะเดียวกัน สิ่งที่พวกท่านเห็นที่นี่จะต้องไม่แพร่งพรายไปภายนอก”
“อืม พวกเรารู้ ท่านเจ้าสำนักสั่งไว้แล้ว” หมอทั้งสองพยักหน้าขานรับ ในใจนึกสงสัยยิ่งว่านักเรียนสำนักยาเซียนคนนี้จะมีทักษะการแพทย์ช่วยอาจารย์หลูให้รอดได้จริงหรือ?
“ให้พวกเขาดูทีว่าพี่ชายข้าอยู่ข้างนอกหรือไม่ หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าล้างมือค่อยให้เขาเข้ามา”
ได้ยินเช่นนี้ หมอคนหนึ่งในนั้นเดินออกไปสั่งการ ไม่นานนักกวนสีหลิ่นก็เดินเข้ามา
“เสี่ยวจิ่ว ต้องการให้ข้าช่วยอะไร?” กวนสีหลิ่นถามขณะมายังข้างเตียง สายตามองผ่านบนร่างอาจารย์หลูคนนั้นแล้วก็หยุดลงบนร่างเฟิ่งจิ่ว
เฟิ่งจิ่วเงยหน้ามองเขา ยิ้มเอ่ยว่า “พี่สีหลิ่น นี่เป็นงานสำคัญมาก ประเดี๋ยวระหว่างที่ข้าผ่าตัด ท่านอย่าลืมเช็ดเหงื่อให้ข้าด้วย เหงื่อจะหยดลงไปไม่ได้เด็ดขาด”
“ไม่มีปัญหา” กวนสีหลิ่นยิ้มบอก
ห้องด้านในห้องแนะแนวถูกปิดซ่อนทุกอย่างไว้ คนภายนอกเพียงรู้ว่านักเรียนนามเฟิ่งจิ่วคนนั้นกำลังรักษาอาจารย์หลู แต่ไม่รู้ว่าเขารักษาอย่างไร
เจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักที่เฝ้าข้างนอกมองหน้ากัน ในใจทั้งตึงเครียดและกังวล
แม้ได้ยินชื่อเสียงของภูตหมอมานาน แต่ไม่เคยเห็นทักษะการแพทย์เขาจริงๆ เลย ยามนี้พวกเขาไม่มีทางวางใจได้อย่างสิ้นเชิงจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นในการรักษาโรคเช่นนี้ หมอคนไหนก็ไม่อาจรับประกันว่าจะรักษาหายขาด แล้วอาจารย์หลูจะเป็นเช่นไร ได้แต่ต้องดูผลลัพธ์หลังการรักษาเท่านั้น
“เฟิ่งจิ่วคนนั้นมีทักษะการแพทย์จริงหรือ? ทำไมพวกเจ้าสำนักถึงเชื่อใจ?”
“นั่นสิ เขาก็เป็นนักเรียนสำนักศึกษาเหมือนพวกเรา โรคที่พวกหมอกับนักปรุงยายังรักษาไม่ได้ คนที่ช่วยชีวิตไม่ได้ นึกไม่ถึงว่าเขาจะกล้ารับไปรักษา?”
“ข้าเดาว่าพวกเจ้าสำนักคงคิดรักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็น รองเจ้าสำนักไปตลาดมืดไม่ได้เบาะแสภูตหมอมา จึงได้แต่ให้เจ้าเด็กเฟิ่งจิ่วนั่นลองเสียหน่อย”
“เจ้านั่นช่างกล้านัก ไม่กลัวเลยว่าหากอาจารย์หลูตายในเงื้อมมือเขาแล้วจะจัดการอะไรไม่ได้”
ด้านนอกเขตเรือนของห้องแนะแนว ทุกคนที่เฝ้ารอกำลังพูดคุยพลางสังเกตการเคลื่อนไหวด้านใน แต่ผ่านไปหนึ่งชั่วยามยังคงไม่มีการเคลื่อนไหว สองชั่วยามผ่านไปก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหว
กระทั่งหลังจากผ่านไปสี่ชั่วยาม ประตูห้องที่ปิดสนิทนั้นถึงจะเปิดออกมา…
………………………