ตอนที่ 105-5
สายเลือดแห่งเปลวเพลิง
ไม่นาน เมื่อไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร หานฉายไฉ่จึงพูดว่า “ช่างเถิด หากน้องมู่รีบมากเพียงนี้ ถ้าเช่นนั้น เราไปหาสถานที่ที่เหมาะสม แล้วข้าจะบอกทุกอย่างที่น้องมู่อยากรู้”
มู่ชิงเกอหลีกทางให้อย่างเงียบๆ เพื่อแสดงการโต้ตอบของตนเอง
ดูเหมือนว่า หานฉายไฉ่จะคุ้นเคยกับเมืองฮ่วนเป็นอย่างดี ไม่นานก็เจอร้านชาที่บรรยากาศเงียบสงบ เขาจองร้านเอาไว้คนเดียวเป็นเวลา 1 วันอย่างใจกว้าง พร้อมไล่แขกคนอื่นๆ ออกไป
ไม่นาน ภายในร้านน้ำชาที่ถูกทำความสะอาดจนใหม่เอี่ยม ก็เหลือเพียงมู่ชิงเกอและหานฉายไฉ่
ในเรือนที่ทั้งสองนั่งอยู่ นอกหน้าต่างเป็นทิวทัศน์แม่นํ้าและภูเขาอันสวยงามน่าดึงดูด นั่งพิงอยู่ตรงหน้าต่าง ดวงตาเรียวยาวและงดงามของหานฉายไฉ่จ้องมายังมู่ชิงเกอ ราวกับอยากจะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวนาง
สายตาที่ไม่หลบซ่อนเช่นนี้ทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกอึดอัด พลันขมวดคิ้ว
ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าเขายังคงไม่ละสายตาและจ้องมากขึ้นกว่าเดิม มู่ชิงเกอจึงพูดอย่างไม่พอใจว่า “เจ้าจ้องอะไร”
“ข้าอยากจะรู้เหตุผลหลักที่น้องมู่ต้องการพญาเพลิง” หานฉายไฉ่พูดอย่างตรงไปตรงมา
แต่ทว่า คำพูดนี้กลับทำให้มู่ชิงเกอหรี่ตาลง พร้อมสีหน้าอันเคร่งขรึม
นางเงียบและอยากจะรู้ว่า ชายผู้นี้อยากจะรู้อะไรกันแน่
และหานฉายไฉ่เองก็ไม่ได้ทำให้นางผิดหวัง หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง ก็พูดขึ้นอย่างช้าๆว่า “โดยทั่วไป แล้วพญาเพลิงมิได้มีประโยชน์ต่อมนุษย์เลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นมนุษย์ไม่สามารถเก็บหรอสะสมพญาเพลิงได้ แต่หากจะเป็นกรณีพิเศษ…”
สายตาของหานฉายไฉ่หยุดลงบนใบหน้าของมู่ชิงเกออีกครั้ง ในครานี้สายตาของเขาจับจ้องมากกว่าเดิม
เมื่อถูกสายตาของเขาจับจ้องจนรู้สึกตกใจ มู่ชิงเกอค่อยๆ หรี่ตาทั้งสองข้างลง
“หากว่าในร่างกายของเขามีการสืบสายโลหิตพิเศษ ถ้าเช่นนั้นในขณะที่จะทำให้สายโลหิตตื่นขึ้น การใช้พญาเพลิงในการกระตุ้นถือเป็นวิธีการขั้นพื้นฐานวิธีหนึ่ง” เสียงโทนตํ่าที่แฝงความเกียจคร้านของหานฉายไฉ่ ดังก้องอยู่ในห้อง คำพูดที่พูดออกมาทำให้สายตาอันเย็นเยียบของมู่ชิงเกอแฝงไอสังหาร
เรื่องสายโลหิตแห่งปรมาจารย์การหลอมอาวุธ เป็นความลับของนาง
เรื่องนี้ เกี่ยวข้องกับความเป็นมาของท่านแม่ของนาง นางไม่เคยบอกใครเลยแม้แต่คำเดียว
ในตอนนี้ กลับถูกคนที่รู้จักพญาเพลิงดีที่สุด จับได้เช่นนี้
จากเรื่องนี้ สามารถรู้ได้ว่า หานฉายไฉ่ถือเป็นคนที่รู้จักพญาเพลิงอย่างกระจ่างมากที่สุด!
แต่ทว่า เดาออกแล้ว นางก็ต้องยอมรับอย่างนั้นหรือ
มู่ชิงเกอยังคงเงียบ
และหานฉายไฉ่ราวกับจะเดาออกว่านางต้องเงียบ จึงได้พูดต่อยังไม่ใส่ใจ่ว่า “ในครานี้ข้าเพียงผ่านหอสรรพสิ่งเมืองจื้อมาเพราะความบังเอิญ และไม่คิดว่าในขณะที่หยุดพักผ่อน จะได้ยินข่าวว่ามีคนต้องการเบาะแสเกี่ยวกับพญาเพลิง ข้ารู้สึกแปลกใจตั้งแต่ตอนนั้น คนปกติเหตุไฉนจึงต้องการเบาะแสของพญาเพลิง จึงจงใจให้ชูเซิงพูดไปว่าหากต้องการเบาะแสของพญาเพลิง จะต้องไปส่งข้าที่เมืองฮ่วน เพื่อที่จะสืบว่าเป้าหมายที่คนผู้นั้นต้องการพญาเพลิงเพราะอะไร และหลังจากนั้น จากการที่เจ้าขอข้อมูลเกี่ยวกับของเหลวเย็นจากตานเฉินจื่อ ก็ยิ่งทำให้ข้ามั่นใจว่า เจ้าต้องการพญาเพลิงเพื่อกระตุ้นสายโลหิตในร่างกาย ดูเหมือนว่าข้าได้คาดเดาทุกอย่างได้อย่างแม่นยำแล้ว แต่สิ่งเดียวที่ข้าไม่อาจจะรู้ได้คือ ในร่างกายของเจ้ามีสายโลหิตอะไรกัน”
คำพูดของหานฉายไฉ่ทำให้จิตใต้สำนึกของมู่ซิงเกอรู้สึกตื่นตระหนก
ความจริงแล้ว ตั้งแต่นางก้าวเข้าหอสรรพสิ่ง ก็ได้ตกอยู่ในสายตาของชายผู้นี้และถูกจับตาดูอยู่ตลอดเวลา
“แล้วเหตุใดเจ้าจึงรู้จักพญาเพลิงดีเพียงนี้หรือ ว่าในร่างกายของเจ้าเองก็มีสายโลหิตอย่างที่เจ้าได้กล่าวมาอย่างนั้นหรือ” มู่ชิงเกอย้อนถามอย่างเย็นเยียบ
แต่ทว่า หานฉายไฉ่กลับไม่ตอบและย้อนถามว่า “การที่เจ้ามีโอสถนั้น แสดงว่าเจ้ามีพรสวรรค์ด้านการปรุงยาระดับสูง เจ้าสืบสายโลหิตอาจารย์ปรุงยา อาจารย์หลอมอาวุธ อาจารยทะลวงสวรรค์หรืออาจารย์ นํ้า ไฟ สายฟ้า ลม ดิน ไม้ ทองเล่า”
คำพูดของเขาสร้างความกดดันเป็นอย่างมาก แต่ก็เป็นการบอกอะไรหลายๆ อย่างแก่มู่ชิงเกอ
ก่อนหน้านี้นางรู้จากเหมิงเหมิงเพียงแต่สายโลหิตปรมาจารย์หลอมอาวุธในร่างของตนเองเท่านั้น นอกจากสายโลหิตแห่งปรมาจารย์การหลอมอาวุธแล้ว ยังมีประเภทสายโลหิตปรมาจารย์มากมายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ
‘เหมิงเหมิง อาจารย์ทะลวงสวรรค์คืออะไร และอะไรคืออาจารย์น้ำ ไฟ ลม สายฟ้า ดินไม้ ทอง’ มู่ชิงเกอถามในใจ
‘โห! เจ้านายรู้มากเพียงนี้เชียวหรือ’ เหมิงเหมิงรีบตอบอย่างรวดเร็ว
‘อย่ามาพูดจาไร้สาระ!’ มู่ชิงเกอพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีมากนัก
‘แงๆๆ เจ้านายใจร้าย! เหมิงเหมิงบ่นคำหนึ่ง แต่ก็ยังคงตอบคำถามของมู่ชิงเกอแต่โดยดี ‘อาจารย์ทะลวงสวรรค์คือพวกที่มีความสามารถในการฟังเสียงของสรรพสัตว์รู้เรื่อง สามารถโน้มน้าวสัตว์วิญญาณ สัตว์อสูรเทวะ และสัตว์มหาเทพให้เชื่องได้ สายโลหิตนี้ความใกล้ชิดกับสรรพสัตว์ไม่ใช่สิ่งที่อาจารย์ฝึกสัตว์จะสามารถเทียบได้ สำหรับปรมาจารย์แห่งน้ำ ไฟ ลม สายฟ้า ดิน ไม้ ทองจริงๆ แล้วก็คือในสายเลือดของพวกเขา จะมีพลังของธาตุนั้นๆ ไหลเวียนอยู่ ก็เหมือนกับพลังสายฟ้าของเจ้านาย ถือได้ว่าเป็นสายโลหิตสายฟ้า เพียงแต่ว่า เจ้านายสามารถสะสมพลังสายฟ้าเอาไว้ได้ แต่พวกเขาทำได้เพียงรวบรวมในขณะที่ต้องการ’
บทเรียนทั้งหมดนี้ทำให้มู่ชิงเกอตื่นตระหนก อย่างเป็นที่สุด
เพราะว่า สิ่งที่นางสัมผัสได้เมื่อครู่นี้ไม่ได้มีเพียงแค่ในหลินชวน เช่นนั้นก็หมายความว่ามันอยู่ในโลกอีกใบหนึ่งและในโลกใบนั้นก็เป็นอย่างที่ซือมั่วเคยกล่าวเอา ไว้ว่ามันทั้งกว้างใหญ่และเก่งกาจกว่ามาก!
รวมทั้ง สิ่งที่นางคาดเดาเอาไว้ได้รับการยืนยันบางอย่างแล้ว นั่นก็คือท่านแม่ของนางไม่ใช่คนในหลินชวน!
‘เจ้าดูซิ ว่าในร่างกายของคนที่อยู่ตรงหน้านี้ เป็นผู้สืบสายโลหิตพิเศษอะไรหรือไม่’ มู่ชิงเกอใช่พลังจิตในการพูดกับเหมิงเหมิง
เหมิงเหมิงสามารถมองเห็นหานฉายไฉ่ได้โดย ผ่านสายตาของมู่ชิงเกอ
แต่หานฉายไฉ่กลับไม่สามารถเห็นเหมิงเหมิงได้
อย่าว่าแต่เขาเลย ขนาดซือมั่วเองก็คงจะทำไม่ได้ เพราะกลิ่นอายของเหมิงเหมbงมั่นคล้ายกับมู่ชิงเกอ ราวกับเป็นร่างที่แยกออกมาจากตัวนาง
‘ฮู้ว เจ้านาย ร่างกายของเขาราวกับจะมีกลิ่นอายจางๆ ของผู้สืบสายโลหิตแห่งไฟ แต่ว่ากลิ่นนั้นเจือจางและบางเบามาก ไม่สามารถจะเทียบได้กับเจ้านาย’ เหมิงเหมิงให้คำตอบมู่ชิงเกออย่างรวดเร็ว
นํ้าเสียงนั่นเต็มเปี่ยมไปด้วยความเหยียดหยัน
มู่ชิงเกอได้รับคำตอบ แต่หันไปมองหานฉายไฉ่ด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความฉงนใจ
ไอ้จอมหลงตัวเองคนนี้ก็เป็นผู้มีพลังสายโลหิตอย่างนั้นหรือ
อยู่ๆ นางก็หัวเราะ และเป็นการหัวเราะที่ขบขันเป็นอย่างมาก ไม่ได้ตอบคำถามของหานฉายไฉ่แต่เพียงพูดว่า “แล้วเจ้าล่ะ เหตุใดจึงได้รู้จักพญาเพลิงดีมากขึ้นเพียงนี้หรือว่า เจ้าเองก็ต้องการใช้พญาเพลิงในการกระตุ้นสายโลหิตแห่งเปลวไฟในร่างกายของเจ้า”
ทันทีที่สิ้นเสียงของมู่ชิงเกอ ดวงตาเรียวยาวของหานฉายไฉ่ก็หรี่ลงและเกิดไอสังหารขึ้นทั่วร่างกายในทันที